NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1038 ดื่มเหล้าเมาแล้ว

บทที่ 1038 ดื่มเหล้าเมาแล้ว

“ยังเลยครับ” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม “กำลังทำกับข้าวอยู่ คุณเข้ามานั่งก่อนสิ”

เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว ทั้งสองคนกลับไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไรกันดี หลี่ฝางนึกดูแล้วก็พูดขึ้นว่า “หรือไม่คุณก็อยู่กินข้าวที่นี่เลยสิ พอดีฉันเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ”

เดิมทีคิดว่าเป็นการหาเรื่องชวนคุยเท่านั้นเอง นึกว่าหยางฉงคงไม่ตอบตกลง แต่คิดไม่ถึงว่าหยางฉงกลับไม่ลังเลอะไรเลย แล้วพูดว่า “ดีเลย งั้นฉันก็กินที่นี่ก็แล้วกัน”

หลี่ฝางงงไปสักครู่ แล้วรีบไปหยิบจานชามมาให้หยางฉง

ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร รับประทานอาหารมื้อเย็นอย่างเงียบๆ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดจาอะไรบรรยากาศก็ยิ่งเงียบสงบขึ้นทุกที

ทันใดนั้นหยางฉงก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”

ได้ยินหยางฉงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ หลี่ฝางก็ฉงนเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติโต้ตอบคืนได้

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อให้ คุณดื่มเหล้าอะไรล่ะ?” หลี่ฝางรู้สึกว่าหยางฉงตอนนี้คงเหนื่อยมากแล้ว อาจไม่แน่ถ้าได้ดื่มเหล้าแล้วก็จะช่วยให้เธอพักผ่อนสบายมากขึ้นได้บ้าง

“ไม่ต้องไปซื้อหรอก ที่นี่มีอยู่แล้ว” หยางฉงก็ลุกขึ้นมา เดินไปที่ห้องรับแขกแล้วเปิดตู้ใบหนึ่งออกมา ภายในนั้นก็ปรากฏเหล้าสารพัดชนิดออกมาให้เห็นอย่างตระการตา

หลี่ฝางมองสังเกตดูผิวเผิน ก็พบว่ามีทั้งเหล้ามีทั้งไวน์ จึงอดไม่ได้ที่จะแอบอุทานในใจว่า สาวน้อยคนนี้ก็ยังเป็นปีศาจสุราที่แอบซ่อนตัวอยู่อีกด้วย

“มา ดื่มขวดนี้” หยางฉงก็หยิบขวดเหล้ามาขวดหนึ่งออกมา หลี่ฝางมองดูแล้ว เป็นเหล้าที่แรงถึง52ดีกรีเลยทีเดียว จึงรู้สึกเป็นห่วงหยางฉงถ้าดื่มมากไปแล้วจะเป็นผลเสียต่อร่างกายตัวเองได้

“ดื่มแค่แก้วเดียว ไม่เป็นไรหรอก” ดูเหมือนจะมองออกว่าหลี่ฝางเป็นห่วง หยางฉงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ก็ได้……” หลี่ฝางจึงได้แต่พูดตกลง

“เออใช่แล้ว ตอนนี้คุณนึกถึงเรื่องในอดีตได้บ้างหรือยัง?”

หลังจากทั้งสองคนต่างก็รินเหล้าแก้วเล็กคนละแก้วแล้ว หยางฉงก็ถามขึ้นอย่างกะทันหัน

หลี่ฝางก็ส่ายหน้า แล้วพูดอย่างจนใจว่า “ยังนึกอะไรไม่ออกเลย แต่ว่ายังไงก็ต้องขอขอบคุณที่คุณให้ฉันอยู่ด้วย”

“ขอบคุณอะไรกัน พวกเราไม่ใช่เป็นเพื่อนกันเหรอ?” หยางฉงยิ้มพลางชนแก้วกับหลี่ฝาง

ทั้งสองคนดื่มกันคนละคำสองคำ จากนั้นก็ค่อยๆเปิดประเด็นเรื่องพูดคุยขึ้นมา ยิ่งคุยก็ยิ่งมีเรื่องคุยมากขึ้น

“ใช่แล้ว พี่หลี่” อาจจะเป็นเพราะว่าสาเหตุของฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ใบหน้าของหยางฉงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อๆ น้ำเสียงที่พูดก็ผ่อนคลายมากขึ้น “คุณน่าจะลองเริ่มหวนรำลึกถึงความหลังตอนยังเป็นเด็กก่อน เพราะว่าความทรงจำในวัยเด็กเป็นเรื่องที่ฝังใจมากที่สุด”

หลี่ฝางก็พยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า

“คิดอะไรไม่ออกเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก มาดื่มดีกว่า ตื่นมากแล้วคุณอาจจะนึกออกมาก็ได้!” หยางฉงดูเหมือนเริ่มจะเมาแล้ว หัวเราะแล้วมองไปยังเขาตลอดเวลา ดวงตาที่หยาดเยิ้มจากอาการเมาเหล้า ดูไปแล้วก็ให้ความรู้สึกที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง

ตอนนี้หลี่ฝางเพิ่งจะเห็นว่า เดิมทีบอกจะดื่มเพียงแค่แก้วเดียว แต่ตอนนี้ดื่มจนเหล้าทั้งขวดนั้นจวนจะหมดแล้ว

“คุณดื่มมากไปแล้ว” หลี่ฝางกดแก้วเหล้าของหยางฉงเอาไว้แล้วพูดว่า “เอาเถอะ พอแค่นี้ก่อนนะ คุณควรจะกลับไปได้แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก ก็เหลือเพียงแค่นี้เอง ดื่มต่อ ดื่มให้หมดไปเลย ดื่มหมดแล้วฉันถึงจะกลับไป” การพูดการจาของหยางฉงรู้สึกไม่ค่อยคล่องแล้ว แต่ก็ยังยืนยันที่จะดึงแก้วเหล้ากลับมา แล้วชนแก้วกับหลี่ฝาง จากนั้นก็ดื่มจนหมดแก้ว

หยางฉงตอนนี้แม้แต่นั่งก็ยังนั่งไม่นิ่งเลย ส่ายไปส่ายมาตลอดเวลา ดูเหมือนพร้อมที่จะหงายหลังล้มตึงลงได้ในชั่วพริบตา

หลี่ฝางรีบเข้าไปพยุงตัวเธอไว้ แล้วพาเธอไปนั่งลงบนโซฟา เพื่อให้เธอนั่งพิงโซฟาสักครู่หนึ่ง

“คุณยังรู้สึกดีอยู่หรือเปล่า?” หลี่ฝางไปริมน้ำอุ่นเอามาให้แก้วหนึ่ง ว่างอยู่บนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าหยางฉง

“ไม่เป็นไร ฉัน……ฉันเพียงแต่ไม่อยากจะ……..ไปเกี่ยวดองอะไรกับไอ้เฮงซวย……เฮงซวยนั่น แต่ว่าที่บ้าน…….ทำไมจะต้องบีบบังคับฉันด้วย? เป็นเพราะว่าตระกูลหลิวมีเงิน……ยอมช่วยชดใช้สิ่งที่สูญเสียให้กับตระกูลเราเหรอ?”

หยางฉงพูดอย่างติดๆขัดๆ ดูเหมือนจะทนไม่ไหวอีกแล้ว จากนั้นลำตัวก็ล้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ฝาง แล้วหลับสนิทไปเลย

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพยุงตัวหยางฉงขึ้นมา

“ความทรงจำของฉันเองก็ยังไม่ทันฟื้นคืนมาเลย ช่วยคุณไม่ได้มากเท่าไหร่จริงๆ แต่ว่า ฉันก็รับรองกับคุณได้เลย ขอเพียงสามารถช่วยคุณได้ ฉันก็จะไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่นิดเดียว”

ในใจแอบพูดกับตัวเองเช่นนี้ หลี่ฝางค่อยๆอุ้มหยางฉงขึ้นมา วางเธอลงไปบนเตียงในห้องนอน แล้วห่มผ้าให้เธอจากนั้นก็เดินออกไป

หลังจากเก็บกวาดห้องรับแขกแล้ว หลี่ฝางก็นอนหลับอยู่บนโซฟา

ผ่านไปแล้วหนึ่งคืน

เมื่อถึงเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ขณะที่พระอาทิตย์กำลังทอแสงขึ้นมานั้น หยางฉงก็เริ่มตื่นขึ้นมา ก็พบว่านี่เป็นอพาร์ทเม้นท์ของตัวเองที่เคยพักอยู่เป็นประจำ เพิ่งจะผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่กลับนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาทันที

เธอจึงรีบลุกขึ้นยืน เห็นว่าเสื้อผ้าก็ยังใส่อยู่เหมือนเดิม ภายในร่างกายตัวเองก็ไม่มีอะไรที่ผิดแปลกไป จึงค่อยรู้สึกโล่งอก

เดินออกจากห้องนอน หยางฉงก็ได้กลิ่นหอมโชยมาทันที เป็นเพราะว่าเมื่อคืนดื่มเหล้ามากเกินไปทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนกระเพาะเริ่มเกร็งมากขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอครับ?” หลี่ฝางเดินออกมาจากห้องรับแขก แล้วทักทายกับหยางฉง “ฉันทำอาหารไว้แล้ว มากินด้วยกันสิ เมื่อคืนคุณดื่มเหล้ามากเกินไป กินอะไรรองท้องก่อนกระเพาะจะได้รู้สึกดีขึ้น”

ตอนนี้ในมือหลี่ฝางก็ยกโจ๊กสองชามออกมา ส่วนบนโต๊ะอาหารก็ยังมีอาหารเช้าที่เพิ่งไปซื้อมาเมื่อครู่นี้

“ขอบคุณนะ” หยางฉงพยักหน้า สีหน้าแดงเล็กน้อย

เธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองดูเหมือนพูดอะไรออกมามากมาย แต่ก็จำไม่ได้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันแน่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าได้พูดเรื่องที่ไม่ควรจะพูดออกมาหรือเปล่า

เกิดเผลอพูดความลับในใจออกมาละก็ งั้นเธอคงต้องขายหน้าอย่างแน่นอนเลย

หลี่ฝางมองเห็นท่าทางของหยางฉงแล้ว ก็แอบยิ้มในใจเล็กน้อย

บางที อาจจะต้องอาศัยฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วพูดระบายความในใจออกมาบ้าง ก็สามารถทำให้คนผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลยจริงๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน