NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1045 หลี่ฝางคลุ้มคลั่งอีกแล้ว

บทที่ 1045 หลี่ฝางคลุ้มคลั่งอีกแล้ว

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย มีแขกมาเยี่ยม” หลี่ฝางมองไปยังหยางฉงที่แกล้งทำหน้าน่าสงสารแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

หยางฉงพยักหน้าด้วยความเขินอายเล็กน้อยแล้วรีบมุดเข้าไปในห้องนอน

“นั่งสิ” หลี่ฝางมองดูหลิวฮุยที่ทำหน้าประหลาด พูดพลางฝืนยิ้มให้

“ไอ้เด็กแสบแกนี่แน่มาก ลงมือได้รวดเร็วจังนะ” หลิวฮุยยิ้มอย่างทะเล้นแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันรับรองว่าไม่พูดเรื่องนี้กับวี่เฟยแน่นอน ผู้ชายด้วยกันนะ ย่อมเข้าใจกัน”

วี่เฟยเหรอ?

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ในสมองของหลี่ฝางก็ระเบิดเศษเสี้ยวความทรงจำมากมายออกมา ก็เหมือนแสงสว่างที่แวบผ่านหน้าหลี่ฝางไป

หลี่ฝางรู้สึกตาพร่ามัว รีบนั่งลงไปบนโซฟา

“แกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?” หลิวฮุยรียถาม

หลี่ฝางส่ายหน้า ความทรงจำที่แตกกระจายในสมองก็ได้หายไปในพริบตา ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลย

เขาเงยหน้ามองหลิวฮุย “วันนี้แกมาทำอะไรเหรอ?”

“อันนี้……” หลิวฮุยลังเลสักครู่แล้วพูดว่า “พละกำลังที่ฝึกฝนมาของกู่ยี่เทียนถูกสกัดไว้หมดแล้ว พวกฉันหาแกไม่เจอ แล้วเป็นห่วงแกจะเหมือนกับเขา ตอนนี้ไม่มีกำลังแล้ว อาจจะได้รับอันตรายก็ได้ ดังนั้น……..”

เมื่อหลี่ฝางได้ฟังเรื่องที่หลิวฮุยเล่าแล้ว หลี่ฝางก็ค่อยๆรู้เรื่องราวมากขึ้น และรู้จักตัวตนในอดีตได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

“หลี่ฝาง แกความจำเสื่อมเหรอ?” หลังจากที่บอกเป้าหมายที่ตัวเองมาแล้ว หลิวฮุยก็ถามขึ้น

“อึม” หลี่ฝางพยักหน้า เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าปิดบังอีกแล้ว

“เรื่องทุกอย่างในอดีตจำไม่ได้เลยเหรอ?”

“ใช่”

“งั้นวรยุทธ์ของแกก็ถูกสกัดกั้นไปด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่รู้สิ” หลี่ฝางส่ายหน้า “ต่อให้ไม่ได้ถูกสกัดไว้ ตอนนี้ฉันก็ใช้ไม่เป็นแล้ว”

“งั้นก็แย่แล้ว” หลิวฮุยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ความจำเสื่อมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าสูญเสียวรยุทธ์เสียอีก

“ไปกับฉันเถอะ ไปหาผู้เชี่ยวชาญดูว่าจะแก้ไขปัญหาให้แกยังไงดี” หลิวฮุยพูดพลางลุกขึ้นยืน

หลี่ฝางส่ายหน้า

จนถึงตอนนี้ เขาก็ได้แต่ฟังหลิวฮุยพูดเองเออเองอยู่คนเดียวที่นี่ หนำซ้ำหลี่ฝางยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังจะหลอกตัวเองหรือเปล่า ย่อมต้องไม่เชื่อที่หลิวคุยพูดอย่างง่ายดายเป็นธรรมดา

หลิวฮุยเข้าใจความคิดของหลี่ฝาง ได้แต่พูดอย่างจนใจว่า “ฉันเข้าใจความคิดของแก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วันนี้……”

พูดยังไม่ทันจบคำ ทันใดนั้นหลิวฮุยก็เกิดความรู้สึกเหมือนมีอันภัยตรายเกิดขึ้น สัญชาตญาณทำให้เขากระโดดเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังโซฟาทันที

เสี้ยววินาทีต่อมา ข้างนอกก็มีเสียงปืนดังขึ้นอย่างถี่รัว เหมือนกับฝนห่าใหญ่ที่กราดยิงกระหน่ำเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าจะใช้กระสุนปืนกวาดล้างห้องนี้ให้สะอาดไปเลย

หลี่ฝางหลบอยู่หลังตู้อีกด้านหนึ่ง กำลังรอมองไปยังหลิวฮุย หลิวฮุยรีบส่ายหน้า แสดงให้รู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เสียงปืนข้างนอกก็ค่อยๆหยุดลง ภายในห้องก็ทำลายเสียหายจนไม่เป็นท่า เศษกระจกที่แตกละเอียดและก้อนอิฐเศษไม้กระจัดกระจายไปทั่วพื้น สำลีที่อยู่ภายในโซฟานั้นก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง บนพื้นเต็มไปด้วยปลอกกระสุนปืนที่ร้อนฉ่า

ในขณะที่หลิวฮุยกำลังเตรียมจะตรวจสำรวจอยู่นั้น ทันใดนั้นในห้องนอนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา

“โอ้ย!”

หลิวฮุยในใจก็แตกตื่นตกใจ รีบบุกเข้าไปในห้องนอนของผู้หญิงคนนั้นที่ตัวเองเพิ่งเห็นเมื่อครู่นี้

ยังไม่ทันรอให้เขาทำอะไรเลย ทันใดนั้นก็เหมือนมีลมพัดผ่านข้างกายไป หลิวฮุยก็เห็นเงาดำมืดแวบผ่านข้ามไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่นขึ้นข้างหู ประตูห้องนอนก็กลายเป็นเศษไม้แตกกระจายไปทั่วห้อง

ทันใดนั้น แขนที่ขาดสองข้างก็กระเด็นออกมาจากในห้องนอน แล้วตามด้วยชิ้นส่วนของอาวุธปืนบางส่วนออกมา

ด้วยประสบการณ์ที่ช่ำชองของหลิวฮุยมองดูก็รู้แล้วว่า นั่นเกิดจากการใช้พลังแรงในการฉีกทุบทำลายจนแตกละเอียด

หลี่ฝางกอดหยางฉงเอาไว้ในอ้อมกอด สีหน้าแสดงให้เห็นพลังจิตสังหารอันมหาศาลออกมา

“ไปตายให้หมด!”

“โป้ง!”

ภายในห้องเล็กๆดูเหมือนถูกพายุระดับสิบสองพัดผ่านมา กระจกทั้งหมดแตกละเอียดในชั่วพริบตาเดียว เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดถูกระเบิดออก ท่อน้ำแตกร้าว แม้แต่ผนังกำแพงห้องยังแตกร้าวเป็นทาง

รังสีออร่าสีเลือดที่น่าสะพรึงกลัวนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีนั้น คนที่ถูกรังสีออร่าห่อหุ้มอยู่ภายในนั้นต่างก็สลบแน่นิ่งไปหมด ขอเพียงแค่ยังมีพลังพิฆาตแม้แต่นิดเดียว ก็จะถูกฉีกออกเป็นเศษเป็นชิ้นในชั่วพริบตา

ในช่วงเวลาอันสั้นไม่กี่นาทีนี้เอง รังสีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวของหลี่ฝางนั้นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งอาคารหลังนี้แล้ว ภายในตึกอาคารนี้นอกจากสามคนนี้แล้ว ก็ไม่มีใครสักคนเลยที่ยังมีสติสัมปชัญญะอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

ในขณะนี้ ก็มีชาวต่างชาติสองคนยืนอยู่ที่ตึกอาคารอีกหลังหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับอพาร์ทเม้นท์พอดี กำลังใช้กล้องส่องทางไกลตรวจดูสถานการณ์ของอพาร์ทเม้นท์นั้น

คนที่อยู่ด้านซ้ายมือก็พูดว่า “สั่งให้คนที่เหลือถอยไปก่อนเถอะ”

คนที่อยู่ด้านขวาก็หยิบอินเตอร์โฟนขึ้นมาสั่งการออกไป จากนั้นก็พูดกับคนที่อยู่ด้านซ้ายว่า “ถึงแม้จะสูญเสียความทรงจำไปก็ยังมีพละกำลังที่น่ากลัวขนาดนี้ หลี่ฝางคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ”

“อย่างน้อยเขาก็เป็น…….แย่แล้ว! เขาเห็นเราแล้ว!”

ภายในอพาร์ทเม้นท์ หลี่ฝางสัมผัสได้ถึงสายตาทั้งคู่นั้นจึงมองตรงข้ามไป ดวงตาทั้งคู่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังพิฆาตก็ปะทะกับสายตาของทั้งสองคนนั้นพอดี ทันใดนั้นทำให้ทั้งสองคนนั้นก็มีความรู้สึกราวกับกาลเวลาถูกแช่แข็งไว้ไม่เดินต่อไปอีกแล้ว!

โป้ง!

เงาร่างของหลี่ฝางราวกับธนูที่ออกจากคันศรเหาะพุ่งออกไป……

และตอนนี้ห้องหลังเล็กที่กลายเป็นเศษซากปรักหักพัง หลิวฮุยหน้าตามึนงงยืนอยู่ตรงนั้นนึกถึงรังสีออร่าที่หลี่ฝางปลดปล่อยออกมา นึกถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น ต่อจากนี้ไป หลิวฮุยก็รู้สึกถึงอนาคตที่มืดมนของตัวเองแล้ว…….

หยางฉงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ตกใจกลัวจนช็อกไปหมด นั่งมึนงงอยู่ตรงนั้น สายตาว่างเปล่า ร่างกายก็สั่นสะท้านเป็นระยะๆ ตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท