NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1039 อุบัติเหตุรถชน

บทที่ 1039 อุบัติเหตุรถชน

“พูดขอบคุณอะไรกับฉันล่ะ” หลี่ฝางยิ้มแล้วพูดว่า “รีบมากินข้าวกันเถอะ”

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หยางฉงก็คิดจะเข้าไปบริษัท หลี่ฝางในฐานะคนขับรถ แล้วก็เป็นวันแรกที่ต้องไปทำงาน หลังจากทำความคุ้นเคยกับรถแล้ว ก็รีบขับรถพาหยางฉงไปยังบริษัท

รถวิ่งไปตามถนนเรื่อยๆ ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของหลี่ฝางเกร็งขึ้นมาทันที รีบหักพวงมาลัยไปทิศทางอื่นอย่างไม่ทันได้คิด แล้วเลี้ยวเข้าไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง

รถเลี้ยวกะทันหัน ทำให้หยางฉงสะดุ้งตกใจ ยังไม่ทันพูดอะไร ทันใดนั้นก็มีเสียง “โครม!” ดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหวมาจากด้านข้าง ทำให้เธอตกใจช็อกไปชั่วขณะ

ก็เห็นว่าบนถนนที่พวกเขาขับไปเมื่อครู่นั้นเกิดอุบัติเหตุรถชนร้ายแรงขึ้น

รถบรรทุกข้างหลังคันหนึ่งดูเหมือนเสียหลัก พุ่งชนไปยังรถที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นก็พุ่งชนอย่างบ้าคลั่ง ติดต่อกันไป10กว่าคัน รถบรรทุกคันนั้นจึงหยุดลงได้ในที่สุด

รถคันแรกที่ถูกรถบรรทุกคันชนนั้น ถูกอัดก๊อบปี้จนไม่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ความรุนแรงของอุบัติเหตุรถชนครั้งนี้ ทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลอย่างใหญ่หลวงขึ้นทันที เสียงร้องโหยหวนตะโกนดังสนั่นไปทั่วสารทิศ ควันไฟคละคลุ้งปกคลุมไปทั่ว มองไปแล้วรู้สึกเป็นที่แตกตื่นตกใจยิ่งนัก

ส่วนหยางฉงทางนี้รถทั้งหมดที่อยู่บนถนนต่างก็หยุดจอดนิ่งสนิท หยางฉงนั่งอยู่เบาะหลังรถ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถามด้วยสีหน้าที่ซีดเสียวว่า “เมื่อกี้คุณมองเห็นรถชนกันจึงหักหลบให้พ้นไปเหรอ?”

“อึม ฉันมองจากกระจกหลังรถเห็นว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่งชนท้ายรถอีกคันที่อยู่ข้างหน้า ถ้าช้าไปอีกนิดเดียว พวกเราคงไม่ได้รอดออกมาหรอก”

หลี่ฝางพยักหน้า ตอบตามความเป็นจริง

ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน การตอบโต้ของตัวเองทำไมถึงได้ว่องไวขนาดนี้ มันเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณที่ให้ทำเช่นนั้น

“โอสวรรค์! พวกเราเพิ่งจะรอดพ้นจากความตายมาชัดๆเลย!” หยางฉงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ยังดีที่มีคุณนะ ดูท่าแล้วตอนนี้คงไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ พวกเราลงไปดูสิว่าจะช่วยเหลือใครได้บ้างไหม”

หลี่ฝางพยักหน้า เปิดประตูรถแล้วเดินลงจากรถพร้อมกับหยางฉง

“ช่วยด้วย……..”

“โอ๊ย! ฉันเจ็บมากเลย…….”

เสียงกรีดร้องดังโหยหวนระงมไปทั่ว รอบๆบริเวณนั้นก็วุ่นวายสับสนไปหมด มีคนที่มาช่วยเหลือคนอื่น และมีบางคนที่ช่วยเหลือตัวเอง

พวกที่บาดเจ็บไม่หนักมากก็ถูกช่วยเหลือให้ขึ้นมายืนรอรถพยาบาลอยู่ข้างถนน มีบางคนที่ถูกอัดก๊อบปี้อยู่ภายในรถ หรือไม่บางคนที่บาดเจ็บสาหัสเกินไป ก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนย้ายโดยพลการ

อุบัติเหตุรถชนคราวนี้ นับได้ว่ารุนแรงมากทีเดียว

ในเวลานี้เอง หยางฉงก็ดึงแขนเสื้อของหลี่ฝาง ชี้ไปอีกทางหนึ่งแล้วตะโกนพูดว่า “ทางนั้น คันนั้นมีคนหนึ่งถูกอัดก๊อบปี้ติดอยู่ในรถ”

หลี่ฝางมองไปยังทิศทางที่หยางฉงพูดถึง ก็เห็นมีผู้ชายอายุประมาณราว50ปีถูกอัดก๊อบปี้อยู่ภายในรถ รถที่ถูกอัดจนบุบบู้บี้ไปเบียดทับหน้าอกเขาไว้ ทำให้เขาหายใจลำบากมากยิ่งขึ้น หายใจไม่ออกจนสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว

เพียงแต่ผู้ชายคนนี้ยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้เหมือนเดิม สีหน้าแสดงออกถึงความกังวลและเคร่งขรึมบ้าง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่น่าเกรงขาม

“คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ!” ในใจหลี่ฝางก็เกิดความคิดแวบขึ้นมาทันที

เมื่อเดินเข้าไปดู หลี่ฝางก็พบว่าตำแหน่งตรงคนขับรถนั้นถูกอัดก๊อปปี้อย่างแรงจนรถผิดรูปผิดร่างไปแล้ว คนขับรถเลือดไหลนองเต็มหน้าไปหมด ไม่มีลมหายใจอีกแล้ว

เขาเดินเข้าไปถามผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังว่า “ตอนนี้คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

“ช่วงขาไม่มีความรู้สึกเลย กระดูกน่าจะหักแล้ว ตอนนี้ถูกอัดติดอยู่ข้างในขยับไม่ได้เลย” ชายคนนั้นพูดอย่างสุขุมเยือกเย็นว่า “น้องชาย คุณช่วยไปดูว่าสภาพของคนขับว่าเป็นยังไงบ้างได้ไหม?”

“เขาเสียไปแล้ว” หลี่ฝางพูดตามความเป็นจริงว่า “ว่าแต่คุณเถอะ ถ้าขืนยังถูกอัดติดอยู่ในรถนี้อีกสักพักหนึ่งละก็ เกรงว่าขาข้างนั้นของคุณอาจจะพิการไปแล้วก็ได้นะ”

ในเวลาเช่นนี้ผู้ชายคนนี้ยังรู้สึกเป็นห่วงคนอื่นก่อน ในใจหลี่ฝางก็รู้สึกเลื่อมใสในความโอมอ้อมอารีของผู้ชายคนนี้

“อดทนหน่อยนะ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปช่วยคุณออกมา ถ้าหากมีอะไรผิดปกติละก็ตะโกนออกมาได้เลย” หลี่ฝางเดินเข้าไปข้างหน้า มือจับยึดประตูและหน้าต่างรถไว้แน่น

“ฮึ๊ด!” หลี่ฝางตะโกนเสียงดัง ออกแรงอย่างสุดฤทธิ์ ได้ยินแต่เสียงโลหะที่ถูกบิดคืนรูป ดังเสียวฟันขึ้นเป็นระยะๆ รถคันนั้นถึงกับถูกเขาฉีกขาดออกมาเป็นชิ้นไปแล้ว

ทันใดนั้น ผู้ชายคนนั้นก็สูดลมหายใจแรงๆเข้าไป ทรวงอกไม่ได้ถูกทับจนไม่สามารถขยับเขยื้อนอีกแล้ว

หยางฉงที่อยู่ด้านข้างมองจนตาค้าง ใช้มือเปล่าฉีกโครงรถออกเป็นชิ้นได้ นี่เป็นเรื่องจริงที่มนุษย์ปกติทั่วไปสามารถทำได้ด้วยเหรอ?”

หลี่ฝางไม่รอช้า รีบช่วยผู้ชายคนนั้นออกมาจากรถ วางเขาลงบนพื้นข้างถนน แล้วช่วยตรวจดูบาดแผลตรงขาของเขา

“ฮาๆ ที่แท้น้องชายเป็นยอดฝีมือในยุทธภพนี่เอง” ถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะเจ็บปวดจนเหงื่อไหลออกมาเพราะขาถูกเคลื่อนย้ายก็ตาม แต่กลับยังคงกัดฟันยิ้มแล้วพูดว่า “อย่างน้อยก็ต้องฝึกฝนถึงขั้นแดนสุดกำลังภายนอกเชียวล่ะ!”

เขากับหลี่ฝางอยู่ห่างกันไม่ไกลนัก ก็สามารถเห็นได้ชัดว่า ในขณะที่หลี่ฝางฉีกรถคันออกนั้น ไม่ได้ใช้แรงอะไรมากเลย เพียงแค่ท่าทางที่ผ่อนคลายเช่นนี้ ก็แสดงว่าไม่ใช่นักรบระดับธรรมดาทั่วไปที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

หยางฉงที่อยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของชายกลางคนนั้น ตกใจตาโตจนแทบถลนออกมา

อายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆก็สามารถอยู่ในระดับแดนสุดกำลังภายนอกแล้วเหรอ? งั้นก็ต้องเป็นยอดอัจฉริยะในอัจฉริยะด้วยกันน่ะสิ!

หยางฉงไม่อยากจะเชื่อเลย คิดไม่ถึงว่าตัวเองถึงกับได้ช่วยชีวิตของยอดอัจฉริยะในยุทธภพคนหนึ่งไว้

หลี่ฝางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร

ตอนนี้เขาไม่รู้หรอกว่าแดนสุดกำลังภายนอกมันหมายความว่าอย่างไร ฝ่ายนั้นพูดอะไรมา เขาก็ยอมรับทั้งนั้น

“คุณรอเดี๋ยว ฉันจะช่วยเข้าเฝือกให้ขาคุณก่อน”

หลี่ฝางพูดพลาง ก็ดึงเอาเบาะนั่งในรถออกมา เพื่อเป็นที่ยึด จากนั้นก็ช่วยผู้ชายคนนั้นพันแผลที่ได้รับบาดเจ็บไว้ชั่วคราว

เมื่อครู่เขาได้ตรวจดูแล้วว่า ผู้ชายคนนี้กระดูกขาหัก อีกทั้งเลือดไหลไม่หยุด ถ้าหากเมื่อกี้ยังติดอยู่ในรถนานกว่านี้อีกละก็ เกรงว่าขาของเขาจะต้องพิการจริงๆแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท