“พูดขอบคุณอะไรกับฉันล่ะ” หลี่ฝางยิ้มแล้วพูดว่า “รีบมากินข้าวกันเถอะ”
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หยางฉงก็คิดจะเข้าไปบริษัท หลี่ฝางในฐานะคนขับรถ แล้วก็เป็นวันแรกที่ต้องไปทำงาน หลังจากทำความคุ้นเคยกับรถแล้ว ก็รีบขับรถพาหยางฉงไปยังบริษัท
รถวิ่งไปตามถนนเรื่อยๆ ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของหลี่ฝางเกร็งขึ้นมาทันที รีบหักพวงมาลัยไปทิศทางอื่นอย่างไม่ทันได้คิด แล้วเลี้ยวเข้าไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง
รถเลี้ยวกะทันหัน ทำให้หยางฉงสะดุ้งตกใจ ยังไม่ทันพูดอะไร ทันใดนั้นก็มีเสียง “โครม!” ดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหวมาจากด้านข้าง ทำให้เธอตกใจช็อกไปชั่วขณะ
ก็เห็นว่าบนถนนที่พวกเขาขับไปเมื่อครู่นั้นเกิดอุบัติเหตุรถชนร้ายแรงขึ้น
รถบรรทุกข้างหลังคันหนึ่งดูเหมือนเสียหลัก พุ่งชนไปยังรถที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นก็พุ่งชนอย่างบ้าคลั่ง ติดต่อกันไป10กว่าคัน รถบรรทุกคันนั้นจึงหยุดลงได้ในที่สุด
รถคันแรกที่ถูกรถบรรทุกคันชนนั้น ถูกอัดก๊อบปี้จนไม่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ความรุนแรงของอุบัติเหตุรถชนครั้งนี้ ทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลอย่างใหญ่หลวงขึ้นทันที เสียงร้องโหยหวนตะโกนดังสนั่นไปทั่วสารทิศ ควันไฟคละคลุ้งปกคลุมไปทั่ว มองไปแล้วรู้สึกเป็นที่แตกตื่นตกใจยิ่งนัก
ส่วนหยางฉงทางนี้รถทั้งหมดที่อยู่บนถนนต่างก็หยุดจอดนิ่งสนิท หยางฉงนั่งอยู่เบาะหลังรถ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถามด้วยสีหน้าที่ซีดเสียวว่า “เมื่อกี้คุณมองเห็นรถชนกันจึงหักหลบให้พ้นไปเหรอ?”
“อึม ฉันมองจากกระจกหลังรถเห็นว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่งชนท้ายรถอีกคันที่อยู่ข้างหน้า ถ้าช้าไปอีกนิดเดียว พวกเราคงไม่ได้รอดออกมาหรอก”
หลี่ฝางพยักหน้า ตอบตามความเป็นจริง
ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน การตอบโต้ของตัวเองทำไมถึงได้ว่องไวขนาดนี้ มันเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณที่ให้ทำเช่นนั้น
“โอสวรรค์! พวกเราเพิ่งจะรอดพ้นจากความตายมาชัดๆเลย!” หยางฉงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ยังดีที่มีคุณนะ ดูท่าแล้วตอนนี้คงไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ พวกเราลงไปดูสิว่าจะช่วยเหลือใครได้บ้างไหม”
หลี่ฝางพยักหน้า เปิดประตูรถแล้วเดินลงจากรถพร้อมกับหยางฉง
“ช่วยด้วย……..”
“โอ๊ย! ฉันเจ็บมากเลย…….”
เสียงกรีดร้องดังโหยหวนระงมไปทั่ว รอบๆบริเวณนั้นก็วุ่นวายสับสนไปหมด มีคนที่มาช่วยเหลือคนอื่น และมีบางคนที่ช่วยเหลือตัวเอง
พวกที่บาดเจ็บไม่หนักมากก็ถูกช่วยเหลือให้ขึ้นมายืนรอรถพยาบาลอยู่ข้างถนน มีบางคนที่ถูกอัดก๊อบปี้อยู่ภายในรถ หรือไม่บางคนที่บาดเจ็บสาหัสเกินไป ก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนย้ายโดยพลการ
อุบัติเหตุรถชนคราวนี้ นับได้ว่ารุนแรงมากทีเดียว
ในเวลานี้เอง หยางฉงก็ดึงแขนเสื้อของหลี่ฝาง ชี้ไปอีกทางหนึ่งแล้วตะโกนพูดว่า “ทางนั้น คันนั้นมีคนหนึ่งถูกอัดก๊อบปี้ติดอยู่ในรถ”
หลี่ฝางมองไปยังทิศทางที่หยางฉงพูดถึง ก็เห็นมีผู้ชายอายุประมาณราว50ปีถูกอัดก๊อบปี้อยู่ภายในรถ รถที่ถูกอัดจนบุบบู้บี้ไปเบียดทับหน้าอกเขาไว้ ทำให้เขาหายใจลำบากมากยิ่งขึ้น หายใจไม่ออกจนสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว
เพียงแต่ผู้ชายคนนี้ยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้เหมือนเดิม สีหน้าแสดงออกถึงความกังวลและเคร่งขรึมบ้าง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่น่าเกรงขาม
“คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ!” ในใจหลี่ฝางก็เกิดความคิดแวบขึ้นมาทันที
เมื่อเดินเข้าไปดู หลี่ฝางก็พบว่าตำแหน่งตรงคนขับรถนั้นถูกอัดก๊อปปี้อย่างแรงจนรถผิดรูปผิดร่างไปแล้ว คนขับรถเลือดไหลนองเต็มหน้าไปหมด ไม่มีลมหายใจอีกแล้ว
เขาเดินเข้าไปถามผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังว่า “ตอนนี้คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ช่วงขาไม่มีความรู้สึกเลย กระดูกน่าจะหักแล้ว ตอนนี้ถูกอัดติดอยู่ข้างในขยับไม่ได้เลย” ชายคนนั้นพูดอย่างสุขุมเยือกเย็นว่า “น้องชาย คุณช่วยไปดูว่าสภาพของคนขับว่าเป็นยังไงบ้างได้ไหม?”
“เขาเสียไปแล้ว” หลี่ฝางพูดตามความเป็นจริงว่า “ว่าแต่คุณเถอะ ถ้าขืนยังถูกอัดติดอยู่ในรถนี้อีกสักพักหนึ่งละก็ เกรงว่าขาข้างนั้นของคุณอาจจะพิการไปแล้วก็ได้นะ”
ในเวลาเช่นนี้ผู้ชายคนนี้ยังรู้สึกเป็นห่วงคนอื่นก่อน ในใจหลี่ฝางก็รู้สึกเลื่อมใสในความโอมอ้อมอารีของผู้ชายคนนี้
“อดทนหน่อยนะ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปช่วยคุณออกมา ถ้าหากมีอะไรผิดปกติละก็ตะโกนออกมาได้เลย” หลี่ฝางเดินเข้าไปข้างหน้า มือจับยึดประตูและหน้าต่างรถไว้แน่น
“ฮึ๊ด!” หลี่ฝางตะโกนเสียงดัง ออกแรงอย่างสุดฤทธิ์ ได้ยินแต่เสียงโลหะที่ถูกบิดคืนรูป ดังเสียวฟันขึ้นเป็นระยะๆ รถคันนั้นถึงกับถูกเขาฉีกขาดออกมาเป็นชิ้นไปแล้ว
ทันใดนั้น ผู้ชายคนนั้นก็สูดลมหายใจแรงๆเข้าไป ทรวงอกไม่ได้ถูกทับจนไม่สามารถขยับเขยื้อนอีกแล้ว
หยางฉงที่อยู่ด้านข้างมองจนตาค้าง ใช้มือเปล่าฉีกโครงรถออกเป็นชิ้นได้ นี่เป็นเรื่องจริงที่มนุษย์ปกติทั่วไปสามารถทำได้ด้วยเหรอ?”
หลี่ฝางไม่รอช้า รีบช่วยผู้ชายคนนั้นออกมาจากรถ วางเขาลงบนพื้นข้างถนน แล้วช่วยตรวจดูบาดแผลตรงขาของเขา
“ฮาๆ ที่แท้น้องชายเป็นยอดฝีมือในยุทธภพนี่เอง” ถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะเจ็บปวดจนเหงื่อไหลออกมาเพราะขาถูกเคลื่อนย้ายก็ตาม แต่กลับยังคงกัดฟันยิ้มแล้วพูดว่า “อย่างน้อยก็ต้องฝึกฝนถึงขั้นแดนสุดกำลังภายนอกเชียวล่ะ!”
เขากับหลี่ฝางอยู่ห่างกันไม่ไกลนัก ก็สามารถเห็นได้ชัดว่า ในขณะที่หลี่ฝางฉีกรถคันออกนั้น ไม่ได้ใช้แรงอะไรมากเลย เพียงแค่ท่าทางที่ผ่อนคลายเช่นนี้ ก็แสดงว่าไม่ใช่นักรบระดับธรรมดาทั่วไปที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
หยางฉงที่อยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของชายกลางคนนั้น ตกใจตาโตจนแทบถลนออกมา
อายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆก็สามารถอยู่ในระดับแดนสุดกำลังภายนอกแล้วเหรอ? งั้นก็ต้องเป็นยอดอัจฉริยะในอัจฉริยะด้วยกันน่ะสิ!
หยางฉงไม่อยากจะเชื่อเลย คิดไม่ถึงว่าตัวเองถึงกับได้ช่วยชีวิตของยอดอัจฉริยะในยุทธภพคนหนึ่งไว้
หลี่ฝางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้เขาไม่รู้หรอกว่าแดนสุดกำลังภายนอกมันหมายความว่าอย่างไร ฝ่ายนั้นพูดอะไรมา เขาก็ยอมรับทั้งนั้น
“คุณรอเดี๋ยว ฉันจะช่วยเข้าเฝือกให้ขาคุณก่อน”
หลี่ฝางพูดพลาง ก็ดึงเอาเบาะนั่งในรถออกมา เพื่อเป็นที่ยึด จากนั้นก็ช่วยผู้ชายคนนั้นพันแผลที่ได้รับบาดเจ็บไว้ชั่วคราว
เมื่อครู่เขาได้ตรวจดูแล้วว่า ผู้ชายคนนี้กระดูกขาหัก อีกทั้งเลือดไหลไม่หยุด ถ้าหากเมื่อกี้ยังติดอยู่ในรถนานกว่านี้อีกละก็ เกรงว่าขาของเขาจะต้องพิการจริงๆแล้ว