“แก พวกแก นี่เป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยที่บริษัทจ้างมาเชียวนะ พวกแกคิดจะทำอะไรกัน?”
สีหน้าของโจวเสว่ขาวซีด เธอก็นึกไม่ถึงว่าคนพวกนี้ถึงกับกล้าขัดคำสั่งของบริษัท
อย่างน้อยก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เหตุการณ์เช่นนี้เธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ในใจก็เกิดความตัวขึ้นมาทันที
“ถ้าอยากให้พวกเรายอมรับไอ้หมอนี่เป็นหัวหน้าละก็ นอกจากว่าเขาจะเก่งกาจกว่าพวกเราทุกคน ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้พวกเราจะต้องลาออก ก็ไม่ยอมรับทั้งนั้น!” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่ชื่อโจวหมิงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ใช่แล้ว! ถ้าความสามารถสู้พวกเราไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาอยู่แผนกรักษาความปลอดภัยต่อไป!” ชายอีกคนก็ตะโกนพูด
โจวเสว่ลำบากใจขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าแผนกรักษาความปลอดภัยพวกนี้หัวแข็งขนาดนี้ยอมที่จะลาออกแต่ก็ไม่ยอมรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างหลี่ฝาง
โจวหมิงตะโกนพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้าแกพอจะยังรู้ตัวดีอยู่บ้างก็รีบไสหัวออกไป อยากหางานทำก็ไปแผนกอื่น แผนกรักษาความปลอดภัยพวกเราไม่ต้อนรับ!”
ความจริงแล้ว ถ้าหากมองดูรูปร่างที่แข็งแกร่งบึกบึนของนักเพาะกายพวกนี้แล้ว รูปร่างที่ได้มาตรฐานอย่างหลี่ฝางก็แลดูผอมไปบ้างแล้ว
แต่ว่าสีหน้าของหลี่ฝางก็ยังนิ่งเฉยมาตลอด ไม่ได้โกรธเคืองเพราะการยืนขวางหน้าประตูของคนพวกนี้เลย อีกอย่างหนึ่ง เขาก็มองเห็นภายในห้องแผนกรักษาความปลอดภัยนั้นยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างใน รูปร่างแข็งแกร่งบึกบึน แลดูองอาจมากกว่าพวกคนที่อยู่หน้าประตูทางเข้าเสียอีก
หลี่ฝางฉีกปากยิ้มให้ ดูไปแล้วคนพวกนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ส้งหลงคนนั้น ต้องเป็นคนมีความสามารถที่แท้จริงคนหนึ่ง
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลี่ฝางก็ก้าวเดินเข้าไปยังข้างกำแพงของห้องรักษาความปลอดภัย
“แกไอ้เด็กแสบจะทำอะไรกัน!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น
“เฮ น่าจะกลัวแล้วล่ะสิ งั้นแกก็รีบไสหัวออกไป อย่ามาทำขายหน้าอยู่แถวนี้!”
พวกคนกลุ่มนั้นก็ส่งเสียงดังโวยวาย
เพียงแต่ว่าฉากต่อจากไป ก็จะทำให้คนเหล่านี้หยุดส่งเสียงดังไปเลยทีเดียว
หลี่ฝางยกขาขึ้นมา ออกแรงถีบไปยังกำแพง ได้ยินเสียง“คลืนๆ”ดังขึ้น กำแพงอิฐปูนนั้นถึงกับพังทะลุเกิดเป็นหลุมใหญ่มหึมาขึ้นมา
ฉากนี้นี่เอง ทำให้ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกทันที อ้าปากค้างจนสามารถยัดไข่เป็ดหนึ่งฟองเข้าไปได้
หลี่ฝางเดินลอดผ่านทางหลุมใหญ่ของกำแพงเข้าไปราวกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตา จากนั้นก็สำรวจดูสภาพแวดล้อมภายในห้องรักษาความปลอดภัยนี้
ภายในห้องรักษาความปลอดภัยเงียบสงบนิ่ง แม้แต่เข็มเล่มหนึ่งตกลงมาก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน คนกลุ่มนั้นมองไปยังหลี่ฝางด้วยสายตาที่ราวกับเห็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
ผ่านไปสักพัก ทุกคนก็ได้สติกลับคืนมา อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนขึ้นมาทันที
“โอสวรรค์ เขาทำได้ยังไงกัน?”
“คุณภาพของกำแพงมีปัญหาหรือเปล่า?”
“มีปัญหาบ้าบออะไร แกก็ไปลองดูเองไหมล่ะ?”
“ถูกเตะแบบนี้ลงไปทีเดียว แม้แต่วัวตัวหนึ่งก็ยังต้องล้มลงไปเลย!”
……
ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่า หลี่ฝางจะเลือกใช้วิธีที่เกินความคาดหมายของพวกเขาแบบนี้มาช่วยแก้ไขปัญหา
ใช้ขาถีบกำแพงจนพังทะลุ!
เมื่อลองคิดดูแล้ว ถ้าหากใช้ขาเตะลงตรงตัวพวกเขาแล้ว งั้นพวกเขาตอนนี้ก็ไม่ตายไปแล้วเหรอ?
วินาทีนี้เอง ในใจทุกคนต่างก็รู้สึกแวบขึ้นมาว่าตนเองยังโชคดีอยู่ โชคดีที่หลี่ฝางไม่ได้บันดาลโทสะ
เมื่อเผชิญกับการยั่วยุของโจวหมิงคนพวกนี้แล้ว เขาเลือกที่จะใช้วิธีเช่นนี้ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็สามารถทำให้ทุกคนยอมรับอย่างศิโรราบแล้ว โดยไม่ต้องลงมือกับพวกเขาเลย
ไม่เช่นนั้นแล้ว วันนี้คนพวกนี้จะต้องล้มลงอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
สายตาอันแวววาวของส้งหลงจ้องมองหลี่ฝางที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดว่า “แกร้ายกาจมาก ร้ายกาจกว่าฉันมากด้วย”
เดิมทีเขานึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่อาศัยเส้นสายเข้าทางหลังบ้าน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางจะมีความสามารถขนาดนี้ อีกทั้งมีความสามารถมากพอที่จะอยู่เหนือพวกเขาทุกคนด้วย
อาจจะเป็นเพราะว่าโจวหมิงคนพวกนี้ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ส้งหลงนั้นกลับเคยเห็นเมื่อสมัยที่อยู่ในหน่วยรบพิเศษมาก่อนแล้ว
คนนั้นเป็นครูฝึกพิเศษคนหนึ่งของพวกเขา มาแสดงโชว์การใช้มือเปล่าทุบก้อนหินที่มีความหนาเท่ากับครึ่งหนึ่งของความสูงคนเสียอีก
หลังจากนั้นเขาก็รู้ว่า ครูฝึกคนนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งของแดนสุดกำลังภายนอก
ดังนั้นส้งหลงก็ไม่ตกใจเหมือนอย่างเช่นโจวหมิงพวกนั้น แต่กลับพูดสภาพความเป็นจริงออกมาอย่างสุขุม
“แต่ว่าฉันก็ยังอยากจะสู้กับแกสักครั้งหนึ่ง ดูว่าระหว่างพวกเราฝีมือจะแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน!”
พละกำลังของหลี่ฝางนั้น ไม่ได้ทำให้ส้งหลงยอมยกธงขาวสยบให้ แต่กลับจุดประกายให้เขาเกิดความฮึกเหิมที่จะฮึดสู้ขึ้นมา
เขามาเป็นยามรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นี่ ถึงแม้มีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงสงบสุข ไม่ค่อยได้พบสังคมภายนอกมากนัก ไม่มีโอกาสที่จะได้พบปะกับยอดฝีมือ ได้แต่ฝึกฝนด้วยตัวเองไปวันๆ
ตอนนี้เขาก็อยากจะยืมมือหลี่ฝาง เพื่อทดสอบว่าในสามปีนี้ตัวเองมีความก้าวหน้าอย่างไรบ้าง!
ตอนนี้โจวหมิงก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว จึงรีบตะโกนพูดเสริมทันทีว่า “ถูกต้อง ถ้าไม่สู้กันสักครั้งหนึ่งพวกเราก็ไม่ยอมรับหรอก! ใช้ขาถีบกำแพงพังไม่แน่ว่าแกอาจใช้วิธีสกปรกอะไรก็ได้!”
โจวหมิงรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาส้งหลงมาโดยตลอด เคยเห็นส้งหลงคนเดียวสู้กับสิบกว่าคนด้วยท่าทางที่องอาจสง่างาม ดังนั้นต่อให้หลี่ฝางแสดงท่าทางที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นเช่นนี้ก็ตาม เขาก็ยังคงสนับสนุนส้งหลงเหมือนเดิม
“เออ…..ใช้วิธีสกปรกอะไรเหรอ?”
โจวเสว่ที่อยู่ข้างๆก็ค่อยๆพูดเสริมขึ้นมาอย่างระวัง แล้วหยิบเศษก้อนอิฐขึ้นมาลองดู ก็แข็งแรงดี ด้านที่แตกหักก็เป็นร่องรอยเกิดจากการใช้แรงทุบ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้วิธีสกปรกอะไร
“โอสวรรค์ คุณหลี่ท่านนี้เป็นใครกันแน่?” โจวเสว่อดไม่ได้ที่เดินก้าวถอยหลังไปหลายก้าว กลัวว่าถ้าเกิดต่อสู้กันขึ้นมาตัวเองจะถูกลูกหลงไปด้วย
“แกจะท้าฉันเหรอ?” หลี่ฝางมองดูส้งหลงแล้วหัวเราะ
“ถูกต้อง ท้าแกนี้แหละ!” ส้งหลงตะคอกเสียงดัง แล้วพุ่งตัวออกไปยังหลี่ฝาง
หมัดขวาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลที่ดุดันชกไปยังหลี่ฝาง ต่อให้เคยเห็นพละกำลังของหลี่ฝางแล้วก็ตาม เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าถ้าตัวเองจะลงมือก่อน หลี่ฝางก็ไม่มีทางที่จะรับหมัดของเขาโดยตรง อย่างมากก็ได้แต่หลบหลีกให้พ้นไป
ชั่วพริบตาเดียว หมัดกำปั้นก็มาถึงหน้าหลี่ฝางแล้ว
เพียงแต่ว่าสิ่งที่ส้งหลงคิดไม่ถึงก็คือ หลี่ฝางเพียงแค่ยื่นมือข้างเดียวออกไป ค่อยๆวางขวางกั้นหมัดกำปั้นของส้งหลงที่อยู่ตรงหน้า