NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1063 เจ้าของบ้านร้อยทอง

บทที่ 1063 เจ้าของบ้านร้อยทอง

“เฟ่ยเหวินเย่า? พี่ใหญ่ที่หลบอยู่ในที่มืดแห่งเมืองจินซาน!” ได้ยินคำแนะนำจากเฮียเว่ย หลี่ฝางยังไม่ทันจะเอ่ยปากพูด นิ่งหรงหรงก็ได้อุทานขึ้นมาแล้ว

เฟ่ยเหวินเย่าแห่งจินซาน ชื่อนี้สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจินซาน ที่พอจะมีหูมีตาบ้างนั้น ต่างก็คุ้นเคยกับชื่อนี้

ทั้งชีวิตของผู้ชายคนนี้มีสีสันระดับตำนาน ว่ากันว่าในตอนนั้นเขาเป็นนักเรียนที่มีความประพฤติดีของโรงเรียน ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้กระโดดเข้าสู่ความมืด และแสดงฝีมือในการลงมือที่น่าทึ่งออกมา จนได้กลายเป็นพี่ใหญ่แห่งเมืองจินซานในที่สุด

ทั้งหมดนี้ เขาทำมันสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงสิบกว่าปี และหลายปีถัดมา ก็ยังไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้

เผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้ เป็นธรรมดาที่นิ่งหรงหรงจะตกตะลึง

ไม่ทันรอให้เธอและหลี่เหวยตื่นจากอาการตกใจ เฮียเว่ยก็หันไปคุยกับเฟ่ยเหวินเย่าอีกครั้ง: “ส่วนคุณหลี่……ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องให้ผมแนะนำ!”

“แน่นอน ถ้าฉันยังไม่รู้จักคุณหลี่ งั้นธุรกิจนี่ฉันก็คงไม่ต้องทำมันแล้ว” เฟ่ยเหวินเย่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เขาไม่ได้ออกมาเดินเล่นเพราะไม่มีอะไรทำจริง ๆ หรอกนะ แต่เพราะได้ยินมาว่าที่นี้มี “เซียนพนัน” ปรากฏตัวขึ้น ยอดนักพนันที่เขาเชิญมายังจับไต๋ของอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักนิดเดียว จึงคิดที่จะออกมาดูหน่อย

ตามความคิดของเขาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องชักชวนโน้มน้าวมาเป็นพวก ถึงจะดีที่สุด หรือต่อให้ชักชวนมาไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องผูกพันธมิตรเอาไว้ จะให้อีกฝ่ายมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ไม่ได้

แต่หลังจากที่ได้พบเห็นหลี่ฝาง เฟ่ยเหวินเย่าก็ได้สะบัดความคิดอื่น ๆ ออกไปจากสมองจนหมด เหลือเพียงแค่ความคิดเดียว: พยายามผูกมิตรกับหลี่ฝางอย่างเต็มกำลัง!

“เจ้าสี่เว่ย นายทำแบบนี้ไม่ถูกนะ นายพาคุณหลี่มาเที่ยว ทำไมไม่บอกฉันสักคำล่ะ ปิดบังฉันไว้แบบนี้ ทำให้ดูเหมือนฉันไม่มีมารยาทเลยน”

กล่าวไป เฟ่ยเหวินเย่าก็เป็นฝ่ายยื่นมือออกมาก่อน หลี่ฝางเองก็เพียงแค่ยื่นมือออกมาจับอย่างเรียบง่าย

เขารู้ว่า คนอย่างเฟ่ยเหวินเย่า ต่อให้ภายนอกจะแสดงท่าทางสุภาพอ่อนโยนออกมามากเพียงใด เป็นมิตรมากขนาดไหน ก็ไม่อาจที่จะผูกมิตรอย่างลึกซึ้งด้วยได้

ในตอนที่คุณแข็งแกร่ง เขาก็จะมาผูกมิตรกับคุณ ในตอนที่คุณอ่อนแอ ถ้าหากมีผลประโยชน์ เขาอาจจะเป็นคนแรกที่เหยียบคุณซ้ำ

ในแง่นี้เขาเทียบกับเฮียเว่ยไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยเฮียเว่ยก็เห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง แต่ในดวงตาของเฟ่ยเหวินเย่า หลี่ฝางเห็นมีเพียงผลประโยชน์อยู่เท่านั้น

ไม่ว่ากับใครก็เหมือนกันหมด

“หายากนักที่คุณหลี่จะมาที่นี่ ไปดื่มที่ห้องของผมหน่อยดีไหม?” เฟ่ยเหวินเย่ากล่าวเชิญชวนอย่างกระตือรือร้น

หลี่ฝางพยักหน้า ตอบตกลงไป

เล่นอยู่ที่นี่มาพอสมควรแล้ว เขาก็อยากจะเปลี่ยนที่พักผ่อนสักหน่อยเหมือนกัน

ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้เข้ามาในห้องที่เงียบสงบ

ที่ด้านข้างนั้นมีสาว ๆ ระดับพรีเมียมยืนเรียงแถวอยู่ อย่างน้อยก็สูงกว่าสาว ๆ ที่อยู่ด้านนอกนั้นขึ้นมาสองระดับ

นอกจากนี้แล้ว ยังมีชายชุดดำหน้าตาเคร่งขรึมนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง หลี่ฝางสัมผัสได้ว่าฝีมือของเขานั้นไม่เลวเลย คงเป็นบอดี้การ์ดคนสำคัญของเฟ่ยเหวินเย่า

“คุณหลี่เที่ยวสนุกหรือเปล่า?” เฟ่ยเหวินเย่ารินเหล้าด้วยตัวเองหนึ่งแก้ว และวางลงตรงหน้าของหลี่ฝาง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ก็ดีนะ” หลี่ฝางตอบเรียบ ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ เป็นเกียรติของผมมากที่คุณหลี่ยอมตอบคำการเชื้อเชิญ”

เฟ่ยเหวินเย่าหัวเราะพลันชี้ไปที่สาว ๆ ที่ยืนเรียงแถวอยู่ด้านข้างพลางกล่าว: “สาว ๆ พวกนี้สวยมาโดยกำเนิดไม่เคยทำศัลยกรรมมาเลย ไม่ทราบว่าคุณหลี่สนใจหรือเปล่า……”

เฮียเว่ยได้ยินดังนั้น หัวใจก็จมดิ่งลงไปทันที

ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะตีสนิทกับหลี่ฝางได้ ถ้าหากให้เฟ่ยเหวินเย่าแย่งความดีความชอบไปที่ตรงนี้ เขาคงต้องอึดอัดตายแน่

แต่ว่า เรื่องนี้เขาก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ เขาทำได้เพียงเก็บอาการเอาไว้ และรอดูปฏิกิริยาของหลี่ฝางด้วยหัวใจที่เป็นกังวล

ส่วนหลี่ฝางที่ได้ยินคำพูดของเฟ่ยเหวินเย่า กลับเพียงยิ้มอย่างเรียบ ๆ และยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง พล้าวยิ้มกล่าว: “เฮียแเฟ่ย เหล้าของที่นี่ไม่เลวเลย”

คำพูดนี้ทำให้เฮียเว่ยผ่อนคลายลงมาทันที และได้ทำให้เฟ่ยเหวินเย่ารู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

สาว ๆ ระดับพรีเมียมเช่นนี้ เขากลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยสักนิด หรือว่าเขาจะไม่ชอบผู้หญิง?

เฟ่ยเหวินเย่าหัวใจสั่นสะท้านขึ้นมา คิดแม้กระทั่งว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะหาผู้ชายมาลองดู

แต่คิดดูแล้วการกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้หลี่ฝางโมโหก็ได้ เขาก็เลยระงับความคิดที่รนหาที่ตายนี้ไป

เห็นปฏิกิริยาของหลี่ฝางที่มีต่อเขานั้นก็ไม่ค่อยจะสนิทสนมสักเท่าไหร่ เฟ่ยเหวินเย่าก็ไม่ได้ใส่ใจ

หนทางยังอีกยาวไกล ความแตกต่างระหว่างเขาและเฮียเว่ยนั้นห่างกันมาก สายตาที่มองเรื่องราวต่าง ๆ ก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เฮียเว่ยอาจจะเป็นประเภทน้ำขึ้นแล้วรีบตัก ดังนั้นจึงพยายามประจบสอพลอหลี่ฝาง แต่เฟ่ยเหวินเย่านั้นคิดว่าโอกาสที่จะเจอหลี่ฝางในวันข้างหน้านั้นยังมีอีกเยอะ ดังนั้นจึงไม่รีบร้อน

ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ได้ดังมาจากข้างนอก ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วกระซิบที่ข้างหูของเฟ่ยเหวินเย่าสองสามประโยค ทำให้สีหน้าของเฟ่ยเหวินเย่าเปลี่ยนไปทันที

“ขออภัยด้วย คุณหลี่ เพื่อสนิทคนหนึ่งของผมมาที่นี่ ผมขอตัวไปทักทายสักหน่อย” เฟ่ยเหวินเย่าลุกขึ้นพลางกล่าว

“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในวันนี้ลงบัญชีฉัน เฮียเว่ย นายช่วยฉันดูแลคุณชายหลี่ให้ดี”

เฟ่ยเหวินเย่ากล่าวจบ ก็หันไปกล่าวขอโทษกับหลี่ฝางอีกครั้ง แล้วเดินตรงออกไปจากห้องทันที บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังก็ยืนขึ้นและเดินตามออกไป

เฮียเว่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง: “น้ำใจแค่นี้ยังต้องให้นายขายด้วยเหรอ?”

ถึงแม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของเฮียเว่ยนั้นกลับอยากรู้อยากเห็นมาก ว่าคนที่เฟ่ยเหวินเย่าไปพบนั้นเป็นใครกัน

สามารถทำให้เฟ่ยเหวินเย่ามีท่าทีเช่นนี้ได้ แขกคนนี้จะต้องมีตำแหน่งที่สูงส่งอย่างแน่นอน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท