NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1066 สถานที่ที่น่าหวาดกลัว

บทที่ 1066 สถานที่ที่น่าหวาดกลัว

เมื่อปรมาจารย์อู๋ได้ฟังคำนี้ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร แต่เขาอยู่กับเฟ่ยเหวินเย่ามาตั้งหลายปี คนรอบล้อมตัวเขานั้นต่างเรียกเขาว่าปรมาจารย์อู๋ ตอนแรกวันนี้จะช่วยชายธรรมดาด้วยความเมตตา คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่รักษาน้ำใจขนาดนี้

ในตอนนั้น ปรมาจารย์อู๋เองก็ไม่อยากจะเสียอารมณ์มากแล้ว ก่อนจะยื่นมือไปกดไหล่ของหลี่เหวย

ในขณะนั้นเอง ก็มีความกดดันอย่างหนักหน่วง กดอยู่บนตัวของหลี่เหวย

ปรมาจารย์อู๋ไม่อยากทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น เพียงแค่อยากให้หลี่เหวยคุกเข่ายอมรับผิด แต่แรงของเขานั้นไม่ใช่แรงที่คนธรรมดาจะรับได้

ในตอนนั้นเอง หลี่เหวยก็ทนต่อไปไม่ไหว จึงงอขาทั้งสองข้าง จนแทบจะคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว

หลี่เหวยไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เลยพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองต้องคุกเข่าลงไป แต่เขาจะต้านทานปรมาจารย์อู๋ผู้มีชื่อเสียงได้เหรอ?

จากนั้นไม่นาน หลี่เหวยก็ต้านทานต่อไปไม่ไหว เลยคุกเข่าลงกับพื้น

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหลี่เหวยจะคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอาหัวโขกนั้น จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวขึ้น นั่นคือการระเบิดออกจากตัวของหลี่ฝาง จนทำให้ในนี้ถูกล้อมเป็นวงในทันที

คนที่ล้อมวงอยู่นั้นไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เพียงแค่รู้สึกเหมือนกับว่าแสงรอบๆ นั้นมันค่อยๆ มืดลง อุณหภูมิของอากาศเองก็ลดลง จนทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ

สำหรับปรมาจารย์อู๋ โลกทั้งใบตรงหน้ามันเปลี่ยนไปหมดแล้ว

สิ่งที่เห็นนั้น เป็นกองศพและทะเลสีเลือด นอกจากนี้ยังมีฟ้าและดินที่มีสีเลือดดูน่ากลัวอย่างเปรียบเทียบไม่ได้ มันทำให้ปรมาจารย์อู๋นิ่งตัวแข็งไป เหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง

“ทำไมจู่ๆ ถึงได้หนาวเย็นขนาดนี้ล่ะ?” มีคนบ่นเสียงเบาขึ้นมา

คนมากมายหลายร้อยพันตรงนี้ต่างรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมา เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวของหลี่ฝางนั้นปกคลุมแหล่งสมบัติเงินทองเอาไว้ ขนาดคนที่เฝ้าประตู ยังต่างลุกขึ้นมาด้วยความตื่นตา ก่อนจะมองเข้าไปด้านในด้วยความกลัว

แต่เลขาฯหลิวกับเฟ่ยเหวินเย่า พวกเฮียเว่ย สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าบรรยากาศที่น่ากลัวนั้นมันออกมาจากหลี่ฝาง ในขณะนั้น ความเคารพที่พวกเขามีต่อหลี่ฝางก็พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด

แต่เมื่อเห็นปรมาจารย์อู๋ตัวสั่นไปทั้งตัว เฟ่ยเหวินเย่ากำลังลังเลว่าจะออกหน้าขอร้องดีไหม

ถึงอย่างไรปรมาจารย์อู๋ก็ตามเขามาหลายปี ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ

เพียงแต่หลี่ฝางในตอนนี้น่ากลัวเกินไป เขาไม่รู้เลยว่าถ้าเกิดว่าตัวเองเปิดปากโน้มน้าว มันจะเกิดอะไรขึ้น

ในที่สุด เฟ่ยเหวินเย่าก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดขึ้น

“คุณหลี่!ปรมาจารย์อู๋เองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ไม่ได้เกลียดเพื่อนของคุณ คุณดูหน่อยว่าจะสามารถปล่อยป้าของเขาได้ไหม ฉันจะหาการตอบกลับที่คุณพอใจให้เอง เป็นอย่างไรล่ะ?”

เมื่อพูดแบบนี้ออกไป ในใจของเฟ่ยเหวินเย่าก็ตึงเครียดเป็นอย่างมาก

หลี่ฝางได้ฟังคำของเฟ่ยเหวินเย่า ในใจกลับเกิดความประหลาดใจไม่น้อยเลย

เพราะเขาตัดสินเฟ่ยเหวินเย่าไปตั้งแต่แรกแล้ว เขาน่าจะเป็นคนที่เห็นผลประโยชน์เป็นหลัก คิดไม่ถึงเลยว่าท่ามกลางการกดขี่ของตัวเองในตอนนี้ ยังจะกล้ามาขอร้องแทนคนอื่น

ดูเหมือนกับว่าตัวเองจะมองคนผิดไปตั้งแต่แรก หลี่ฝางเลยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวในใจ

“งั้นก็ดี ฉันจะให้โอกาสคุณสักครั้ง”

เพราะคำขอของเฟ่ยเหวินเย่า หลี่ฝางเลยไม่ทำให้ปรมาจารย์อู๋ลำบากใจ เลยเก็บบรรยากาศนั้นเอาไว้ให้ดังเดิม

ในตอนนั้นเอง แสงรอบๆ ก็กลับมาเป็นปกติ แต่คนรอบๆ นั้นกลับรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก และจู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ถึงแม้ผู้คนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับโล่งใจอย่างประหลาด เหมือนกับว่าหนีขโมยมาได้แล้วอย่างนั้นเลย

“คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลี่ฝางเดินมาพยุงหลี่เหวย

แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่ฝางมา ในใจของหลี่ฝางก็ดีใจเป็นอย่างมาก

“พี่หลี่ คุณมาแล้วเหรอ!”

เมื่อเห็นหลี่ฝาง เขาก็รู้สึกว่าความร้ายกาจนั้นมันหายไปไม่น้อย

แต่นิ่งหรงหรงในตอนนี้เองก็เห็นหลี่ฝาง เลยเดินเข้ามาด้วยความเซอร์ไพรส์

คืนนี้เขาตามหลี่ฝางแล้วชนะมาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว ตอนนี้ได้เห็นหลี่ฝาง ก็เลยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ขนาดความไม่พอใจเมื่อครู่ ยังปล่อยมันไว้ทางด้านหลังเลย

แต่เมื่อคุณชายโล่ที่เผชิญหน้าอยู่เห็นฉากนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้

เขาอยากจะดึงนิ่งหรงหรงมา เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงของตัวเองเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น

เพียงแค่ยังไม่รอให้เขาทำอะไร ก็เห็นปรมาจารย์อู๋ที่ยืนอยู่ไม่ขยับเมื่อครู่เดินเข้ามากะทันหัน ก่อนจะเกิดเสียง “ตุ่บ” พลางคุกเข่าต่อหน้าหลี่ฝาง

ท่าทีนี้ ทำให้คนอื่นๆ ต่างตกใจกันไปหมด และก็ทำให้คุณชายโล่งงเป็นไก่ตาแตก

แต่นั่นเป็นปรมาจารย์อู๋นะ!

เขานั้นเป็นคนที่คนจับตามอง เป็นคนระดับสูงของเมืองจินซาน ใครได้เจอต่างก็เรียกเขาว่า “ปรมาจารย์อู๋” ไม่ใช่เหรอ?คนอย่างเฟ่ยเหวินเย่าถึงจะดึงเขาเอาไว้ได้ ขนาดพ่อของตัวเองยังปะทะคารมกัน ไม่สนใจไม่ได้

แต่ทำไมคนอย่างปรมาจารย์อู๋ ถึงมาคุกเข่าลงตรงหน้าหลี่ฝางที่ไร้หัวนอนปลายเท้ากันนะ?

คุณชายโล่มองหลี่ฝางเล็กน้อย ก็เห็นแต่ความอับจนไร้ศักดิ์ศรีเท่านั้น

เสื้อผ้าที่รวมกันทั้งตัวไม่น่าจะเกินสามร้อย ดูไม่เข้ากับสถานการณ์ตรงนี้เลย แถมยังทำให้น่าสงสัยว่าเขาใช้วิธีไหนในการเข้ามาได้

มันเหมือนกับคนกระจอกที่ต่อยตีกับตัวเองเลย!

คุณชายโล่อยากถามว่าปรมาจารย์อู๋บ้าไปแล้วหรือเปล่า เลยอ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก

ปรมาจารย์อู๋หรือตัวเองกันแน่ที่เป็นบ้า?

คุณชายโล่ส่ายหัวไปมาด้วยความไม่เชื่อ เพราะอยากให้ตัวเองมีสติกว่านี้

แต่ความจริงที่น่ากลัวกลับเป็นแบบเดิม ฉากตรงหน้านั้นมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท