NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1073 กำหนดเป้าหมายชัดเจน

บทที่ 1073 กำหนดเป้าหมายชัดเจน

“คุณออกไปก่อนเถอะ” สำหรับความสงสัยของจางเสว่ หยางฉงไม่ได้อยากจะอธิบาย เมื่อเห็นแบบนั้น ที่จนปัญญาก็ได้แต่เดินออกไปพลางกดความสงสัยเอาไว้

หลังจากที่จางเสว่ออกไปแล้ว หยางฉงกลับไม่ได้ทำงานอย่างตั้งใจอีก เพียงแต่ถือเอกสารในมือพลางยืนเหม่อ

จู่ๆ ก็เกิดลางสังหรณ์ในใจของเธอ บางทีจากนี้อีกไม่นาน หลี่ฝางคงจะจากเธอไปตลอดกาล

จู่ๆ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางหาเบอร์ของหลี่ฝาง ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่แค่อยากจะฟังเสียงของหลี่ฝาง

เมื่อโทรไป เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมา

“หยางฉง มีอะไรเหรอ?”

“ไม่มีอะไร” หยางฉงชะงัก ก่อนจะลังเลสักพักพลางพูด “คือ……”

เธออยากจะพูดให้มากกว่านี้สักหน่อย แต่กลับพูดไม่ออกสักที

ถึงอย่างไร ตอนนี้เธอเป็นเพียงเพื่อนของหลี่ฝางเท่านั้น

ในตอนนั้นเอง ปลายสายอย่างหลี่ฝางกลับพูดขึ้น “จริงสิ เดี๋ยวฉันจะไปญี่ปุ่นสักหน่อย ไปด้วยกันไหม?”

“ไปญี่ปุ่นงั้นเหรอ?” หยางฉงสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจู่ๆ ถึงไปญี่ปุ่นล่ะ?”

“จะแนะนำธุรกิจหนึ่งให้คุณ” หลี่ฝางหัวเราะขึ้น ถึงแม้จะไม่มีธุรกิจอะไร ก็ให้หลิวฮุยเสนอธุรกิจหนึ่งขึ้นมา ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ถึงอย่างไรก็ไม่ให้คนนอกเอาเปรียบ

“จริงเหรอ?” ถึงหยางฉงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ในใจกลับตัดสินใจไปแล้ว “ได้สิ……”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมาทันที

จากนั้นไม่กี่วัน ทั้งสองคนที่เตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็มาที่ญี่ปุ่น โดยการจัดการของหลิวฮุย

ตอนออกมาจากสนามบิน หลี่ฝางก็เห็นรถประจำตำแหน่งคันหรูที่จอดอยู่ด้านนอกแล้ว ส่วนคนที่อยู่ด้านหน้ารถนั้นเป็นชายหญิงสองคน

หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพาหยางฉงเดินไป

หลี่ฝางเดินเข้าไป ทั้งสองคนก็สังเกตเห็นเขา จากนั้น สีหน้าของทั้งสองคนก็เปลี่ยนเล็กน้อย

ทั้งชายหญิงคู่นี้ ร่างสูงใหญ่ ท่าทีดุดัน แถมยังใส่แว่นกันแดดอย่างน่าเกรงขาม หญิงนั้นใส่ชุดคล้ายชุดทำงาน ดูอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

เมื่อหลี่ฝางเข้ามาใกล้ ทั้งสองคนก็ทักทายหลี่ฝางอย่างมีมารยาท “ยินดีต้อนรับคุณหลี่”

สำหรับวัฒนธรรมของทางญี่ปุ่นที่ทั้งสองทำนั้น ตอนแรกหลี่ฝางก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เพียงไม่นานก็มีสติกลับมา

ทั้งสองคนเป็นคนที่หลิวฮุยจัดให้มารับหลี่ฝาง ในเมื่ออยู่ญี่ปุ่น ก็ต้องทำให้เข้ากับประเทศญี่ปุ่น และไม่ถูกคนดูแคลนเอา

หยางฉงที่อยู่ข้างๆ กลับตกใจเล็กน้อย

ตอนแรกหลี่ฝางบอกเธอว่าจะมาคุยเรื่องธุรกิจ แต่เมื่อดูท่าทีของทั้งสอง ดูเคารพหลี่ฝางเป็นอย่างมาก

หลี่ฝางสังเกตความตกใจของหยางฉงได้ แต่กลับไม่ได้อธิบาย เพียงแค่หัวเราะพลางพูดขึ้น “ไปเถอะ คุยกันระหว่างทาง”

จากนั้นคนเหล่านี้ก็ขึ้นรถแล้วจากไป

ในระหว่างทางรถก็ขับไปอย่างรวดเร็ว หญิงที่มารับหลี่ฝางเลยเปิดปากแนะนำตัวเอง

“สวัสดีคุณหลี่ ฉันชื่อฉิงจื่อ รับผิดชอบการช่วยทุกอย่างในการเจรจาของคุณในครั้งนี้” ผู้หญิงคนนี้พูดอย่างอ่อนหวาน

“ฉันชื่อตงหมิง” ชายใส่แว่นดำพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณต้องการอะไร ก็สั่งมาได้ตลอดเวลาเลย”

เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสอง หลี่ฝางก็พยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นจึงหัวเราะพลางพูดขึ้น “คุณหนูหยางฉงมาที่ญี่ปุ่นเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ พวกคุณช่วยจัดการให้เธอหน่อยเถอะ”

“โอเค” ฉิงจื่อพยักหน้า “คุณหนูหยาง ส่วนจะร่วมมืออย่างไรนั้นให้คุณเป็นคนตัดสินใจเลย”

หยางฉงได้ฟังแล้วก็อึ้งไป พลางไม่เข้าใจว่าฉิงจื่อกำลังหมายถึงอะไร

ให้ฉันตัดสินใจหมายความว่าอย่างไร?

คำที่ฉิงจื่อพูดนั้น มันทำให้หยางฉงรู้สึกว่ากำลังให้สัญญาเปล่ากับเธอ ให้เธอไปเขียนเองอย่างไรอย่างนั้นเลย

“พวกคุณไม่กลัวว่าฉันจะเขียนขึ้นมั่วๆ เหรอ?” หยางฉงถามด้วยความไม่เชื่อ

ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่แค่เธอ เป็นใครได้เจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องถามสักหน่อย

แต่คำถามของหยางฉง กลับทำให้ฉิงจื่อยิ้มเบาๆ พลางตอบ “พวกเราเชื่อคุณหลี่ฝาง”

ท่าทีแบบนี้ ทำให้หยางฉงเกิดความคิดที่ว่าเพียงแค่หลี่ฝางเปิดปากพูด ถึงแม้จะตายเธอก็ยอมทำโดยไม่ลังเลเลยล่ะ

เมื่อคิดแบบนี้ หยางฉงก็อดหัวเราะเยาะในใจไม่ได้ ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้กันนะ?น่าจะเป็นเพราะอีกฝ่ายทำให้ตัวเองตะลึงมากเลยล่ะ

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ตัวเองนั้นเดาถูกแล้ว

แต่ว่า มีข้อแม้ที่เสนอมาก่อน คือข้อเสนอที่มีต่อความเชื่อในใจของเธอ

“งั้นเอาแบบนี้ หยางฉงมาขอร้องพวกคุณแล้ว” หลี่ฝางพูด “หยางฉง หลายวันมานี้คุณปรึกษากับพวกเขาว่าจะร่วมมืออย่างไร ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ อยู่กับคุณไม่ได้แล้วล่ะ”

“โอเค!”

หยางฉงพยักหน้าตอบรับ อย่างไม่คิด

หลี่ฝางกลับตกใจกับคำตอบของหยางฉงที่รวดเร็ว คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเชื่อตัวเองขนาดนี้

เป้าหมายของการที่หลี่ฝางมาที่ญี่ปุ่น ก็คือการเอาเอกสารลับสำคัญที่ท่านบอกกลับไปให้ได้

สำหรับภารกิจนี้ ถึงหลี่ฝางจะบอกหลิวฮุยเอาไว้ก่อนจะมาแล้วว่าจะต้องเอาเอกสารกลับไปให้ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มั่นใจมากเท่าไหร่

ถึงอย่างไร อีกฝ่ายอาจจะแยกเนื้อหาของเอกสารฉบับนั้นออกไปแล้ว หรือบางทีอาจจะหามีความคิดที่ว่าทุกคนต้องการมันเลยเอาเอกสารนั้นไปทำลายแล้วก็ได้

ดังนั้น หลี่ฝางเลยทำได้เพียงพยายามไปหาเอกสารลับนั้น บางทีอาจจะเจอการรายงานลับที่เกี่ยวข้องก็ได้

หลังจากที่ผ่านการวิจัยอย่างลึกซึ้ง หลี่ฝางก็หาจุดเข้าหาของภารกิจนี้ได้ ในบ่ายวันที่สอง เลยมาปรากฏตัวที่หน้าประตูโรงเรียนของผู้หญิง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท