“ริโกะ ริโกะ ข้ามถนนแล้ว อย่ามัวแต่เหม่อ” เพื่อนที่อยู่ข้างๆเห็นเธอเหม่อลอย ดังนั้นจึงรีบคว้าแขนเธอไว้แล้วเขย่าสองสามครั้ง
“เอ่อ ขอโทษที” ริโกะที่ได้สติกลับมามองไปยังรถที่ส่งเสียงหวีดร้อง และก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดอยู่บ้าง
“ริโกะ ไม่กี่วันมานี้เธอเป็นอะไร?” ” ทั้งสองรอจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นไฟเขียวและเดินข้ามถนนไป จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
“ยังคิดถึงผู้ชายคนนั้นอยู่หรือ?”
“ฉัน…”
ริโกะไม่รู้จะบอกเพื่อนสนิทอย่างไร นั่นเพราะพวกเธอนั้นไม่รู้เรื่องราวภายในเลยแม้แต่น้อย
เรื่องแบบนี้ โทชิโอะ คามิยะเองก็ไม่มีทางให้คนเผยแพร่ออกไปมั่วๆ
และในเวลานี้เอง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้นมา “ริโกะ แฟนของเธอคนนั้นล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ริโกะก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตระหนกอยู่บ้าง และเห็นว่าโยตะกำลังขวางพวกเธอเอาไว้ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
เพื่อนสนิทของเธอกรีดร้อง เมื่อหันกลับมามอง พวกเธอก็เห็นว่าเส้นทางที่พวกเธอมาตอนนี้ก็ถูกคนของโยตะปิดล้อมเอาไว้แล้วเช่นกัน
“นายคิดจะทำอะไร โยตะ!”
ริโกะดึงเพื่อนสนิทของเธอมาไว้ข้างหลังเพื่อปกป้อง สีหน้าเธอเย็นชาและเอ่ยตำหนิ
“โอ้โย๋ ริโกะ เดี๋ยวนี้เธอกล้ามากขนาดนี้แล้วหรือ” โยตะไม่คาดคิดว่าท่าทีของริโกะจะแข็งกร้างขนาดนี้ เขาตะลึงไปเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะเยาะ
แม้แต่ริโกะเองก็ยังไม่รู้ตัวว่า ตนเองนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตัวเธอของเธอก็เกิดการเปลี่ยนไป
“ตอนนี้แฟนของเธอถูกประกาศนำจับแล้ว! ริโกะ เธอคงไม่ได้แอบซ่อนเขาเอาไว้หรอกนะ!” โยตะไล่ถามด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
โยตะที่วันนั้นถูกทุบตีจนสภาพน่าสังเวชจำใบหน้าของหลี่ฝางได้แม่นเสียยิ่งกว่าอะไร ดังนั้นเมื่อเขาเห็นประกาศจับหลี่ฝาง ในใจของโยตะก็ดีใจจนแทบจะระเบิดออกมา
เขาแค่ต้องการดูว่า เมื่อไม่มีคนหนุนหลังแล้ว ริโกะจะหนีไปจากกำมือของเขาได้ยังไง!
“ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย!” ริโกะมองไปที่รอยยิ้มดุร้ายของโยตะ ถึงแม้ในใจจะยังมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่กลับยังพูดออกไปอย่างแข็งกร้าว
เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของริโกะ โยตะก็โมโหอยู่บ้าง เขาหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋าแล้วโบกมันไปต่อหน้าริโกะ
“เธอลองดูสิว่าแฟนที่ถูกประกาศจับนั่นของเธอมันทุบตีฉันจนสภาพเป็นยังไง ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้ฉันสักหน่อยคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง หนึ่งล้าน แล้วฉันจะรับประกันไม่มาเอาเรื่องเธออีกต่อไป เป็นไง?”
“ฝันไปเถอะ!” ริโกะตะโกน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอไม่มีเงินมากขนาดนี้ ต่อให้เธอมี เธอก็ไม่มีทางให้มันกับคนแบบโยตะ
“ริ…ริโกะ…” เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างหลังมองดูมีดในมือของโยตะที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความหวาดกลัวอยู่บ้าง เธอเอ่ยกระซิบ “ไม่อย่างนั้นพวกเรา…”
“หึหึหึ เพื่อนของเธอดูน่าสนใจกว่าเธอตั้งเยเอะ ริโกะ ถ้าเธอไม่อยากให้ใบหน้าที่น่ารักของคุณมีรอยขีดข่วนล่ะก็ ทางที่ดีก็จงเชื่อฟังซะ…”
แต่ก่อนที่โยตะจะพูดจบ เขาก็เห็นสีหน้าประหลาดใจของริโกะ วินาทีต่อมา ลำคอของเขาก็ถูกคนบีบเอาไว้จากด้านหลัง
ผู้ชายที่บีบคอของเขามีพลังอย่างมาก จนทำให้ขณะนั้นเขาถึงกับรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าคอของตนจะถูกบีบจนหักลง
“ขอขอร้องคุณ…” โยตะเอ่ยขอร้องอย่างตัวสั่น เขามีลางสังหรณ์ว่า หากเขาไม่ทำอะไรเลย วันนี้ชีวิตของเขาก็อาจจะต้องจบลงที่นี่แล้ว
จากนั้นเขาก็เห็น สีหน้าของริโกะ ดูคล้ายกำลังจะสื่อสารกับคนที่บีบคอเขาอยู่ข้างหลัง จากนั้น เขาก็เห็นริโกะส่ายหัวเบาๆ
สีหน้านั้นคล้ายกำลังบอกว่า ไม่คุ้มค่า ไม่จำเป็น
จากนั้น แรงกำลังบนฝ่ามือนั้นก็สลายไป
“ครั้งหน้า ก็คือความตายของแก”
น้ำเสียงคนข้างหลังเขายังเด็กอย่างมาก อีกทั้งยังมีเสน่ห์เต็มเปี่ยม น่าฟังอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามคำพูดของเขากลับไม่ได้เป็นแค่คำขู่ แต่ราวกับว่านี่คือคำตัดสิน คล้ายว่าเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่แน่นอน
โยตะวิ่งหนีไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่กล้าที่จะปรากฏตัวต่อหน้าริโกะอีกเลย
หลังจากที่โยตะหายไป คนแปลกหน้าที่ลงมือคนนั้น สายตาที่อ่อนโยนอย่างคาดไม่ถึงได้หยุดลงไปที่ริโกะ ราวกับว่ากำลังพิจารณาเธออยู่
ในเวลาเดียวกัน ริโกะก็มองไปที่ชายคนนั้นอย่างประเมินเช่นกัน
เขาคือชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมแจ็กเกตหนัง รูปร่างโปร่ง ถึงแม้ว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาจะมีรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่กลับให้ความรู้สึกที่เย็นชาอยู่เสมอ
“คุณกำลังหาหลี่ฝางอยู่หรือคะ?”
ริโกะเอ่ยถาม
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถาม นั่นเพราะในช่วงเวลานี้มีคนไม่น้อยที่มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอและถามถึงที่อยู่ของหลี่ฝาง
มิฉะนั้น เด็กหญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ จะมีค่าให้คนมากมายมาใส่ใจหรือ?
“ใช่” ใบหน้าของชายคนนั้นประดับรอยยิ้มจางๆ และพยักหน้ายอมรับอย่างสงบ
“นับตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ไม่เห็นเขาอีกเลย” ท่าทีของริโกะดูเศร้าใจอยู่บ้าง เธอรู้ว่าหลี่ฝางไม่มาหาเธอก็เพราะหาเธอไม่ได้ แต่เธอยังคงเกิดความรู้สึกบางอย่างว่า บางทีตนเองอาจจะไม่ได้เจอหลี่ฝางอีกแล้ว
“ไม่เป็นไร ถ้าหากคุณมีปัญหาอะไรสามารถติดต่อผมได้” ชายคนนั้นกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย อีกทั้งยังยิ้มแล้วยื่นนามบัตรให้เธอ
บนนามบัตรมีเพียงหมายเลขโทรศัพท์และชื่อ
“ส้าวส้วย”
เมื่อริโกะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“ส้าวส้วย ช่วยทักทายเขาแทนฉันด้วยนะคะ!”
ริโกะอดไม่ได้ที่จะตะโกน
“ได้” ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงาผู้คนปรากฏอยู่ แต่เสียงดังกล่าวก็ปรากฏอยู่ในหูของเธออย่างชัดเจน
ริโกะยิ้มขึ้นมา