NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1109 ลงไปกองกับพื้นในสามวินาที

บทที่ 1109 ลงไปกองกับพื้นในสามวินาที

เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องแบบนี้ บางทีอาจเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอด หรือบางทีอาจเป็นลางสังหรณ์อันแรงกล้าของเธอ ที่รู้สึกว่าหากหลี่ฝางยื่นมือช่วยเหลือ ต้องช่วยเธอได้แน่

ต่อให้ตอนนี้หลี่ฝางจะดูเหมือนกับคนธรรมดาก็ตามที

หลี่ฝางสังเกตเห็นสายตาของฟางหยู่ถง นึกถึงจูบแรกที่ถูกเขาพรากไปเมื่อสักครู่ จึงอดลอบถอนหายใจไม่ได้

ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการถ่ายโทษแล้วกัน!

ขณะไตร่ตรอง หลี่ฝางตะโกนกล่าวกับชายชุดดำ “เห้ยถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ อย่ารอให้ผมต้องลงมือเอง”

“คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นชีวิตมักไม่ยืนยาว!” ชายชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา

“งั้นเหรอ? คุณจะทำให้ผมอายุสั้นด้วยวิธีไหนล่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะออกมา

“ตาย!”

ชายชุดดำหมดความอดทน พุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด ฝ่ามือจิกเข้าที่ลำคอของหลี่ฝาง

“น่าสนใจ” หลี่ฝางยิ้มเยาะ ก่อนสำแดงอิทธิฤทธิ์ของตน

พริบตา ชายชุดดำนิ่งไม่ไหวติง

สีหน้าของชายชุดดำ ขาวซีดขึ้นมาชั่วพริบตา

“ไสหัวไป” หลี่ฝางสะบัดมืออย่างไร้ความอดทน ไม่คิดที่จะปลิดชีพ

ก่อนหน้านี้ชีวิตที่มีแต่เข่นฆ่ามากพอแล้ว ตอนนี้หลี่ฝางอยากจะสงบสักหน่อย

ชายชุดดำหนีเอาชีวิตรอด ไม่กล้าแม้เหลียวหลังกลับมามอง

เขาเกรงว่าหากเขาหลบหนีช้ากว่านี้ ชีวิตของเขาก็คงได้จบลงที่นี่แล้ว

เมื่อชายชุดดำหายตัวไป ฟางหยู่ถงนิ่งแข็งอยู่อย่างงั้น ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา

ส่วนแฟนคลับไม่สามารถมองเห็นหลี่ฝางได้ และไม่สามารถมองเห็นปฏิกิริยาชายชุดดำได้เช่นเดียวกัน

พวกเขาเพียงได้ยินเสียงคำรามคำหนึ่งของหลี่ฝาง “ไสหัวไปซะ” หลังจากนั้นจึงเป็นภาพที่ชายชุดดำแว็บผ่านหน้ากล้อง หายลับตาไป

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ให้ตาย แค่ลั่นวาจาก็ทำตามคำสั่งเลยหรือ!”

“เยี่ยม!”

“นี่คงไม่ได้เล่นละครหรอกใช่ไหม?”

“เล่นละครสามารถทำให้บอดี้การ์ดหมดสภาพแบบนั้นได้เหรอ? แกโง่หรือไง?”

“……”

ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ฟางหยู่ถงเองก็ยังไม่เข้าใจ

มีเพียงแค่บอดี้การ์ดสองคนที่กองกับพื้น รับรู้ได้ถึงพลังงานของหลี่ฝางเมื่อสักครู่ เข้าใจแล้วว่าหลี่ฝางเป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน

มีการอยู่แบบนี้ ในโลกของนักรบ ไม่ต่างจากเทพเลยแม้แต่น้อย!

หลี่ฝางเห็นว่าฟางหยู่ถงยังคงไม่ได้สติ จึงสะบัดมือใส่เธอ พร้อมกล่าว “ชื่ออะไรนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน” จบประโยคเขากลับหลังหันเดินจากไปทันที

เวลานี้ไม่เผ่นแล้วจะให้เผ่นตอนไหนกัน?

ทว่าในเวลานี้เอง กลุ่มคนอีกหลายคนไม่รู้โผล่มาจากไหน ขวางทางของหลี่ฝางเอาไว้

คนที่นำอยู่คนแรก สวมเสื้อสูทฉูดฉาด ทั้งร่างเป็นไปด้วยทอง และหยก นาฬิกาสีทองที่ข้อมือระยับส่องแสง จนเสียดแทงสายตา

“หยู่ถง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

ชายหนุ่มรีบพุ่งไปที่ฟางหยู่ถง ลูกน้องที่ตามมาด้วยต่างไล่ตามขึ้นไป

ทว่าขณะที่มุ่งเข้าไปทางนี้ ชายหนุ่มคนนั้นกลับจ้องหลี่ฝางเขม็ง พร้อมคำรามลั่นด้วยความโกรธ “แกคิดไม่ดีต่อหยู่ถงใช่ไหม อัดมันเลย!”

เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ทันใดนั้น ลูกน้องของเขาห้อมล้อมหลี่ฝางเอาไว้

ตอนนี้เองฟางหยู่ถงที่ได้สติในที่สุดเมื่อเห็นเหตุการณ์เข้าจึงตะโกนเสียงดังลั่น “หยุด! หยู่ไห่ เขาช่วยฉันเอาไว้!”

“เขาช่วยเธอเอาไว้งั้นเหรอ? คงไม่มั้ง!” สายตาของหยู่ไห่มืดมน จ้องหลี่ฝางด้วยสายตาที่ดุดัน

ทีแรกวันนี้เขาตั้งใจจัดฉากบังเอิญพบกับเธอ แล้วถือโอกาสชวนเธอไปทานข้าว เพราะงั้นเขาจึงดูฟางหยู่ถงถ่ายทอดสดมาตลอด อยู่ไม่ห่างจากฟางหยู่ถงเพื่อรอโอกาสที่เหมาะสม

และเมื่อเห็นการปรากฏตัวขึ้นหลี่ฝาง เขาก็ทนไม่ได้เรียกพรรคพวกกลุ่มใหญ่มาที่นี่

เพราะงั้นเมื่อเขาได้พบกับหลี่ฝางในตอนนี้ โทสะในใจเขาไม่ต้องพูดก็พอจะคาดเดาได้

เขาคิดในใจ หยู่ไห่สะบัดมือ พร้อมเตรียมสั่งลูกน้องสั่งสอนไอ้หมอนี่

หลี่ฝางจ้องมองสายตาที่ดุดันหยู่ไห่ ทันใดนั้นเข้าใจขึ้นมาทันที ไอ้หมอนี่วันนี้ไม่มีทางอยู่อย่างสงบแน่

ในเมื่อเช่นนี้ หลี่ฝางเองก็เบื่อที่จะเปลืองน้ำลายพูดอะไรไปมากกว่านี้

เห็นเขายืนนิ่งกับที่ ถีบบอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามาจนตัวปลิว ตามมาด้วยบอดี้การ์ดคนที่สองจนปลิวว่อนออกไป

บอดี้การ์ดทั้งสองกองกับพื้นจนลุกไม่ขึ้น

หลี่ฝางไม่ได้เล่นงานจนถึงแก่ชีวิต เพราะงั้นจึงเพียงแค่ให้ทั้งคู่กองกับพื้นสักเดี๋ยวก็เท่านั้น แม้รู้สึกเจ็บมาก แต่อันที่จริงแล้วไม่ได้สาหัสขนาดนั้น

“ลุย! เข้าไปให้หมด!” เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ไม่ถอย ทว่ากลับคำรามเสียงดังลั่นมากกว่าเดิม

เมื่อได้ยินคำสั่งของหยู่ไห่บอดี้การ์ดที่เหลือต่างพุ่งไปที่หลี่ฝางพร้อมเพรียงกัน คิดว่าจะถือโอกาสคนเยอะกว่าในการอัดหลี่ฝางสักหมัด

“ให้ตาย คนเยอะขนานนี้ ไอ้หมอนี่แย่แน่”

“เหอะ เอาเลย รุมมันเลย อัดให้หมอนี่เลย! ยังคิดที่จะแสร้งอยู่อีกไหม!”

“บ้าเอ๊ย พวกแกประสาทหรือไง? แจ้งความเร็วเข้า! คนเยอะขนาดนี้ไม่แน่อาจจะถึงชีวิตเอาได้!”

“จะรีบร้อนไปทำไม ไม่แน่เมื่อกี้จนถึงตอนนี้อาจจะเป็นละครก็ได้!”

“นั่นสิ มาเร็ว มาพนันกันดีกว่า ดูว่าไอ้หมอนี่ทนอยู่ได้กี่นาที!”

คนในไลฟ์สดพิมพ์ข้อความก่นด่าอีกครั้ง คนส่วนมากต่างก็ดูเหตุการณ์ด้วยความยินดี เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นกังวล

แต่ไม่นาน ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

เพราะสิ่งที่ในคลิปเห็น หลี่ฝางหายตัวไปกะทันหัน ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหยู่ไห่ในพริบตา

เหล่าบอดี้การ์ดของหยู่ไห่ ในตอนนี้ต่างกองกับพื้นไปทั่ว ต่างคนต่างร้องอย่างอนาถ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท