NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1117 ปรมาจารย์ไท่ซางคุกเข่าลงแล้ว

บทที่ 1117 ปรมาจารย์ไท่ซางคุกเข่าลงแล้ว

เพียงไม่นาน ก็เห็นเงานั้นลอยลงมาด้านล่าง มาอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ปรมาจารย์กำลังภายใน!” เย่นหย่งเฟิงร้องด้วยความตกใจ

แรงกดดันที่เป็นเอกลักษณ์นี้ คนที่ไม่ใช่ปรมาจารย์กำลังภายในนั้นไม่มีทางมี และไม่มีทางสร้างขึ้นมาแบบปลอมๆ ได้

คนตระกูลหยางในตอนนี้ต่างงงเป็นไก่ตาแตก พลางมองปรมาจารย์ไท่ซางอย่างเยือกเย็น

หยางเทียนลี่รีบเข้าไปต้อนรับ ก่อนจะพูดด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์ไท่ซาง เหนื่อยมากแล้วล่ะ”

ปรมาจารย์ไท่ซางพึมพำเสียงเย็นชาเล็กน้อย พลังบนเรือนร่างนั้นมีความกดดันเป็นอย่างมาก ราวกับว่าไม่แยแสหยางเทียนลี่เลย

แต่ท่าทีที่หยางเทียนลี่ทำกับปรมาจารย์ไท่ซางนั้นกลับมีนัยบางอย่าง เพราะเขาคิดว่านี่เป็นท่าทีที่ปรมาจารย์กำลังภายในควรจะมี

ไม่อย่างนั้น ก็ให้เย่นหย่งเฟิงมาทำท่าทีแบบนี้บ้างสิ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แววตาที่หยางเทียนลี่มองเย่นหย่งเฟิงก็มีความสูงส่งขึ้นมา

แดนสุดกำลังภายนอกคนหนึ่ง มาอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์กำลังภายใน มันเทียบกันไม่ได้เลย

“รีบทำเร็ว อย่าทำให้ฉันเสียเวลานักเลย” ปรมาจารย์ไท่ซางพูดอย่างไม่ความอดทน

“ได้เลย ปรมาจารย์ไท่ซาง” หยางเทียนลี่ไม่กล้าขัดคำของปรมาจารย์ไท่ซาง ก่อนจะรีบก้มหน้าตอบด้วยความเคารพ

แต่ในตอนนั้นสีหน้าของหยางจื้อเฉิงกลับดูไม่ได้ พลางถามเสียงทุ้ม “นี่คือปรมาจารย์กำลังภายในเหรอ?ของปลอมหรือเปล่า?”

“ห๊ะ?คุณกำลังพูดอะไรอยู่เหรอ?” หยางจื้อเฉิงเพิ่งจะพูดจบ เย่นหย่งเฟิงก็รู้ว่าจะงานเข้าแล้ว ยังไม่ทันให้เขาพูดอะไร ปรมาจารย์ไท่ซางทางนั้นก็เปิดปากพูดออกมาด้วยความโกรธเบาๆ เสียก่อน

จากนั้น พลังของปรมาจารย์ไท่ซางก็เริ่มกระจายออกมา ก่อนจะม้วนลมร้อนขึ้นมา มันโอบล้อมหยางจื้อเฉิงกับเย่นหย่งเฟิงเอาไว้

บรรยากาศนั้นมันทิ่มแทงประสาทของคนเหล่านั้น เหมือนกับเป็นไฟที่แผดเผาขึ้นมา ทำให้คนรู้สึกร้อนเป็นอย่างมาก ผิวแห้งผาก ก่อนจะร้อนจนเหงื่อแตกออกมา

“ปรมาจารย์ไท่ซาง ข้าน้อยรู้น้อยเกินไป เลยปีนเกลียวปรมาจารย์ไท่ซาง ขอให้ปรมาจารย์ยกโทษให้ด้วย!” เย่นหย่งเฟิงรีบขอร้อง

“หึ!” ปรมาจารย์ไท่ซางพึมพำเสียงเย็นชา จากนั้นก็หยุดปล่อยพลังนั้นออกมา หยางจื้อเฉิงกับเย่นหย่งเฟิงนั้นเหมือนเพิ่งจะออกมาจากซาวน่า มันเหงื่อแตกไปทั้งตัว พลางหายใจหอบ

จากนั้น คนของตระกูลหยางก็ไม่กล้าไม่เคารพปรมาจารย์ไท่ซางอีกเลย

แต่แววตาของปรมาจารย์ไท่ซาง กลับกวาดตามองคนของตระกูลหยางสักพัก ก่อนจะมองไปที่สาวสวย อย่างไม่ห่างสายตา

“โอ้ สาวคนนั้นไม่เลวเลยนะ ฉันอยากได้!” ปรมาจารย์ไท่ซางหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะมายืนต่อหน้าหญิงสาว แล้วเอามือไปจับไหล่ของสาวคนนี้

“หยุดนะ!” หยางจื้อเฉิงตะโกนออกมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความกังวล หญิงสาวคนนี้คือลูกสาวของเขาชื่อหยางยี่เฉียว

แต่เมื่อเขากำลังจะเปิดปากพูด ก็รู้สึกว่ามีแรงตีปะทะเข้ามา จนล้มลงบนพื้น กระอักเลือด จากนั้นก็ลุกไม่ขึ้นเสียที

“พี่สาม คุณไม่สนใจหลานของคุณเลยงั้นเหรอ!” หยางจื้อเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงด่าหยางเทียนลี่

เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหยางเทียนลี่กลับดูไม่ได้ขึ้นมา ในใจก็เต็มไปด้วยความลังเล

ถึงแม้หยางยี่เฉียวจะเป็นหลานสาวของเขา แต่นั่นเป็นปรมาจารย์กำลังภายในนะ!แถมปรมาจารย์ไท่ซางคนนี้ก็มีนิสัยแปลกๆ จะให้เขาไปโน้มน้าวอย่างไร?

ในสถานการณ์แบบนั้น เขาอยากใช้ปรมาจารย์ไท่ซางในการแย่งตำแหน่งเจ้าบ้าน แถมยังใช้ชื่อเสียงของตระกูลหยางด้วย แค่หลานคนเดียว มันจะอะไรนักหนา

“เหอะ ยี่เฉียวถูกปรมาจารย์ไท่ซางชอบเข้า ถือเป็นโชคดีของเธอนะ!” หยางเทียนลี่พูดเสียงเย็นชา “จะว่าไป ตอนแรกตระกูลให้เสี่ยวฉงไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ก็เป็นการตัดสินใจของพี่ใหญ่ไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อพูดออกไป ทำให้หยางจื้อเฉิงอึ้งอยู่กับที่ ภรรยาของเขานั้นร้องไห้ไปพลางด่าไป แต่ไม่กล้าด่าปรมาจารย์ไท่ซาง เลยชี้ไปที่หยางเทียนลี่พลางด่าไม่หยุด

ภรรยาของหยางเทียนลี่เองก็ไม่ทำแล้ว พลางคิดว่าตอนนี้มีปรมาจารย์กำลังภายในช่วยอยู่ เลยไม่กลัวอะไรมาก เลยด่าภรรยาของหยางจื้อเฉิงไปเต็มๆ ในตอนนั้นเอง หญิงทั้งสองก็ด่ากันอย่างเมามัน

ภายในห้อง เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกันหยางฉงเลยเดินเข้ามา พลางถาม “พวกคุณทะเลาะอะไรกัน!”

เมื่อได้ยินเสียงของหยางฉง ปรมาจารย์ไท่ซางก็เงยหน้าขึ้นทันที เมื่อเห็นใบหน้าของหยางฉง ดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกาย

“ฮ่าๆ นี่มันของดีนี่หน่า ฉันเอาหมดเลยนะ!”

เมื่อพูดออกไป ปรมาจารย์ไท่ซางก็มาปรากฏตัวตรงหน้าของหยางฉง จากนั้นก็จ้องด้วยความตื่นเต้น แล้วยื่นมือมาจับทางหยางฉง

ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางเองก็กำลังจะเปิดประตู จากนั้นก็เห็นวิวด้านนอก

ทันใดนั้นเอง เงาของหลี่ฝางนั้นเปล่าประกาย พลางมีแสงที่เร็วกว่าปรมาจารย์ไท่ซางมาปรากฏตัวต่หน้าหยางฉง แล้วบังหยางฉงเอาไว้ด้วยหลัง

ปรมาจารย์ไท่ซางที่มาอยู่ตรงหน้าโดยรวดเร็วนั้น เมื่อเห็นใบหน้าของหลี่ฝางที่เต็มไปด้วยความอาฆาตเยือกเย็น ก็ตัวแข็งทื่อไป

ใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นไหนๆ ทำให้ใบหน้าที่ตื่นเต้นของไท่ซางนั้นแข็งทื่อไป ทั้งเนื้อทั้งตัวก็สั่นเทาไปหมด

ใบหน้านั้น เขาจะไม่คุ้นเคยได้อย่างไร

เขามาที่เมืองจินซานเพื่ออะไรกันแน่ ความคิดนี้มันกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

หลังจากที่มาถึงเมืองจินซาน ก็ราบรื่น และมีความสุขตลอด มันทำให้เขาค่อยๆ ลุ่มหลง และหลงใหลหัวปักหัวปำเลยล่ะ

แต่ตอนนี้ ความกลัวความตายที่ใกล้เข้ามานั้น มันก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง

“พี่……พี่ใหญ่!”

เมื่อถูกหลี่ฝางแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตจ้อง ทำให้ไท่ซางคุกเข่าลง โดยไม่คิดเลย

“พี่ใหญ่ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ปล่อยฉันไปก่อนเถอะพี่ใหญ่!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท