NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1102 ฉันแพ้แล้ว

บทที่ 1102 ฉันแพ้แล้ว

“ฉันไม่ได้ประลองกับเขา เดาว่าในเมื่อถูกส่งมาเป็นกองหนุนแกได้ ความสามารถของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่ว่านะ มีกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นรั้งเอาไว้ ต่อให้เขามาถึงนี่ การต่อสู้ของเราก็คงจบลงแล้ว” โทชิโอะ คามิยะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ

“กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น? แกถึงขนาด……” หลี่ฝางไม่รู้จะพูดอะไรดีกะทันหัน เขาคาดไม่ถึงเลย ว่าโทชิโอะ คามิยะจะทำถึงขนาดนี้

โทชิโอะ คามิยะเป็นถึงนักรบ แต่กลับทำเรื่องผิดกฎระเบียบโลกนักรบ กระทั่งเรียกได้ว่าไม่ได้ด้วยเลห์ก็ต้องเอาด้วยกล

“ครั้งนี้ก็เพื่อสังหารท่านหลี่” โทชิโอะ คามิยะยิ้มอ่อน ไม่แยแสคำเย้ยหยันของหลี่ฝางแม้แต่น้อย “ท่านหลี่ เชิญได้แล้ว!”

เสมือนกับส่งสัญญาณ ชั่วพริบตา โทชิโอะ คามิยะและเฟอร์กัสจู่โจมหลี่ฝางอย่างพร้อมเพรียงกัน

เผชิญกับการจู่โจมของยอดฝีมือทั้งสอง หลี่ฝางยังคงไม่หวั่นดังเดิม พลางหัวเราะเสียงดังลั่น “ดีๆ! วันนี้มาดูกันว่าใครเหนือกว่า ใครจะอยู่ได้จนถึงที่สุด!

ชั่วพริบตา เงาร่างที่ราวกับสายฟ้าทั้งสามเข่นฆ่าโรมรัน

……

“ไอ้สองคนนั้นต่ำช้าเกินไปแล้ว สองรุมหนึ่ง ไร้ยางอาย!”

ถังเทียนเต๋อและหูเข่อหลบซ่อนอยู่รอบเขา ก่นด่าโทชิโอะ คามิยะและเฟอร์กัสด้วยความโกรธแค้นต่อความไม่เป็นธรรม

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป คุณหลี่ต้องถูกพวกเขาเล่นงานตายแน่!” ถังเทียนเต๋อกล่าวอย่างดุดัน

ปรมาจารย์กำลังภายในเอาจริงขึ้นมาละก็ พลังทำร้ายล้างรุนแรงมาก ถึงระดับที่พวกเขาสองคนเข้าใกล้แล้วจะต้องได้รับบาดเจ็บ

อย่างเช่นหลุมฝุ่นขนาดใหญ่ที่เกิดจากพลังงานทำร้ายล้างการต่อสู้ของทั้งสามนี้

“ไม่สิ เหมือนว่าคุณหลี่จะไม่ได้กดขี่นะ!” หูเข่อพิจารณาการต่อสู้ในสนามรบ พลางกล่าวขึ้นกะทันหัน

เมื่อถังเทียนเต๋อตั้งใจเพ่งพินิจ ก็พบว่าเป็นอย่างที่หูเข่อว่าจริงๆ หลี่ฝางสู้กับศัตรูหนึ่งต่อสอง แต่กลับไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย กลับโต้ตอบการต่อสู้อย่างมีชั้นเชิง

หรือแม้แต่อยู่ในสนามรบ หลี่ฝางก็ยังสามารถปริปากเย้ยหยันได้

“โทชิโอะ คามิยะถูกระเบิดก็ยังเป็นปกติเหมือนคนไม่เป็นอะไร คุณฟื้นฟูเร็วเกินไปรึเปล่า?”

ความเป็นจริง เขาถามแบบนี้ไม่เพียงแค่เหยียดหยาม แต่ยังเป็นแผนการจู่โจมทางจิต

โทชิโอะ คามิยะอายุมากอยู่แล้ว หลังจากนั้นแถมยังผลาญพลังไปมากในการต่อสู้กับหลี่ฝาง ไหนจะบาดเจ็บจากการถูกระเบิด ตอนนี้ กำลังของเขามีเพียงแค่ครึ่งของก่อนหน้านี้

ต่อให้มีเฟอร์กัสเพิ่มมาด้วย กำลังของทั้งคู่ก็แค่เทียบเท่ากับหลี่ฝางเท่านั้น เพราะงั้นการต่อสู้ของทั้งสามจึงไม่มีใครอยู่เหนือใคร

“ไร้ยางอายนัก!” โทชิโอะ คามิยะกล่าวด้วยความโมโห

“คุณยังมีหน้ามาว่าผมอีกเหรอ? ” หลี่ฝางตอกกลับอย่างไม่เกรงใจ

ทั้งสามสู้รบกันต่อเนื่อง การทำลายล้างนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ลานข้างหน้าได้กลายเป็นซากปรักหักพัง ที่เต็มไปด้วยความเสียหายแตกหัก

ส่วนสนามรบของทั้งสาม ได้ปรับเปลี่ยนตั้งนานแล้ว

การเคลื่อนไหวของทั้งสาม สิ่งรอบข้างต่างได้รับความเสียหาย เสมือนกับพายุทอร์นาโด ที่วาดผ่านจนเส้นบิดเบี้ยวบนพื้นดิน

และหลี่ฝางเองก็ได้ค้นพบว่า เบื้องบนของญี่ปุ่นได้ทำการข้อตกลงอะไรบางอย่าง ให้การต่อสู้ของทั้งสามไม่ถูกรบกวน ต่อให้เกิดความเสียหายมากขนาดนี้ก็ตามที ก็ยังไร้ผู้ขัดขวางปรากฏตัวดังเดิม

“เล่นแบบนี้กับผม?” หลี่ฝางหัวเราะเยาะโทชิโอะ คามิยะ พลันเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน มุ่งไปที่ตัวเมือง

เขาไม่มีทางที่จะเสียเวลากับทั้งคู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ต่อให้ท้ายที่สุดได้รับชัยชนะ ก็ได้รับความเสียหายหนักทั้งสองฝ่าย ไม่แน่ท้ายที่สุดอาจถูกคนอื่นลวงหลอกก็เป็นได้

เพราะงั้นเขาต้องบีบบังคับให้โทชิโอะ คามิยะยอมแพ้ ให้เขาได้เห็น ว่าการสูญเสียเช่นนี้ ญี่ปุ่นรับไหวหรือไม่!

บังกะโลไม่ได้เปลี่ยนเป็นถนน ถนนไม่ได้เปลี่ยนเป็นอาคาร อาคารไม่ได้……ก็ต้องดูว่าสะพานใหญ่ที่จราจรวุ่นวายตรงหน้าจะได้หรือไม่แล้วกัน!

“หลี่ฝาง แกคิดจะทำอะไร!” ทั้งสามยืนอยู่บนยอดเสาสะพานใหญ่ โทชิโอะ คามิยะจับจ้องหลี่ฝางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ศึกในวันนี้ ความเสียหายที่ทั้งสามได้ก่อนั้นหนักหนามากพอแล้ว ต่อให้เป็นโทชิโอะ คามิยะเอง ความกดดันที่ต้องแบกรับนั้นก็มากขึ้นทุกที

ความกดดันนี้ไม่ได้มาจากการต่อสู้ แต่เป็นความกดดันที่มาจากประเทศนี้ต่างหาก!

“อย่าโทษผมสิ คุณเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ”

“แควก!”

หลี่ฝางดึงเชือกเสริมแรงหนึ่งเส้นออกอย่างดุดัน!

เชือกเสริมแรงเส้นนั้นสะบัดออกไปอย่างแรง ฟาดลงกับสะพานใหญ่ จนเกิดรอยลึกเป็นเส้นไปทั่ว คลื่นน้ำสาดพวยพุ่ง

“เอ๋! ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น!”

“พระเจ้า เชื้อกว้างเสริมแรงของสะพานขาด”

“ให้ตายเถอะ วิ่งเร็วเข้า สะพานนี้อันตราย!”

“ทุกคนดูสิ ข้างบนนั้นมีอะไรอยู่ใช่ไหม?”

“นั่น……เหมือนว่าจะเป็น……คน?”

……

ทันใดนั้น เมื่อเหล่าผู้คนรถราบนสะพานได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เกิดความหวาดหวั่นเกิด

เครื่องยนต์บนสะพานต่างย้อนกลับทางเดิมกันถ้วนหน้า เหล่าผู้คนมากมาย หากสะพานขาดกะทันหัน จำนวนผู้คนล้มตายต้องทะลุมากกว่าภัยพิบัติธรรมชาติแน่!

“หลี่ฝาง แกบ้าไปแล้วหรือ!” โทชิโอะ คามิยะจ้องมองหลี่ฝางอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือทั้งสองข้างเริ่มสั่นเทา

“ข้างล่างนั่นมีแต่ชาวบ้านนะ! ประชาชนธรรมดาที่ไม่มียุทธ!”

หากสะพานถล่มขึ้นมาจริงๆ ขึ้นมา เรื่องนี้คงใช่ได้ง่ายดายอย่างนักรบต่อสู้เท่านั้น

“ผมเคยบอกแล้ว คุณเริ่มก่อนเอง” ตอนนี้หลี่ฝางหัวเราะอย่างมีความสุข ทว่าภายใต้รอยยิ้มที่สดใส เป็นความหนาวเหน็บอย่างสุดแสน

โทชิโอะ คามิยะถลึงตาใส่หลี่ฝาง ราวกับต้องการเห็นลังเลและยอมแพ้จากดวงตาของเขา แต่ไม่เลย ไม่มีอะไรเลย

ในสายตาของหลี่ฝาง มีเพียงแค่ความเย็นชาที่ไม่สิ้นสุด

โทชิโอะ คามิยะไม่กล้าเสี่ยงพนัน

เมื่อจ้องมองผู้คนมากมายใต้ล่าง โทชิโอะ คามิยะตกอยู่ในความเงียบ

“โทชิโอะ คามิยะแกอยากจะให้ทุกอย่างสูญเปล่างั้นหรือ!” เฟอร์กัสเห็นว่าโทชิโอะ คามิยะเริ่มลังเล จึงคำรามเสียงดังลั่น

“อย่าลืมสิ ว่าแกสูญเสียปรมาจารย์ไปกว่าสิบคนแล้วนะ ความเสียหายก่อนหน้านี้ก็มากพออยู่แล้ว หากยอมแพ้ตอนนี้ แกยอมได้หรือ! ขอแค่เราสองคนใช้สุดความสามารถ เขาไม่มีทางทำลายสะพานได้แน่!”

เฟอร์กัสไม่แยแสชาวบ้านบนสะพานแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ได้เด็ดหัวของหลี่ฝาง คนที่นี่ตายมากแค่ไหนเกี่ยวอะไรกับเขา?

ในดวงตาของโทชิโอะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่สามารถตัดสินใจได้

ตลอดทางที่สู้กันมา ความสามารถของหลี่ฝางเขาเข้าใจดี หากเขาตัดสินใจที่จะทำลายล้าง เขาสามารถห้ามเขาได้อย่างงั้นเหรอ?

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของโทชิโอะ คามิยะดังขึ้น

เขารับสายอย่างไม่ลังเล เสียงที่แล่นผ่านมาตามสาย ทำให้พลังการต่อสู้ของโทชิโอะ คามิยะมลายหายไปจนสิ้น

ที่สุด โทชิโอะ คามิยะสีหน้าสลด กล่าวกับหลี่ฝาง

“ฉันแพ้แล้ว……”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท