NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1139 เตรียมการผ่าตัด

บทที่ 1139 เตรียมการผ่าตัด

หลังจัดการเรื่องนี้เสร็จ ผู้อำนวยการหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทางนี้ยุ่งวุ่นวายไปหมด เราไปหารือกันที่อื่นเถอะ ว่าไง?”

ทุกคนต่างไม่ปฏิเสธ เดินออกจากที่พลางพูดคุยไปด้วย เหลือไว้เพียงสามคนที่ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง นึกเสียใจอยู่อย่างนั้น

ส่วนทางด้านหลี่ฝาง ไม่ทันได้กล่าวอะไร หลี่ฝางก็พบว่าผู้อำนวยการหลิวท่านนี้สนิทสนมกับเขาผิดปกติ

สายตาที่เขามองตน ก็ค่อนข้างประหลาด ซึ่งเต็มไปด้วยความสนิทสนมและอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้า เสมือนว่าต้องการวิจัยหลี่ฝางอย่างไรอย่างนั้น ทำให้หลี่ฝางตัวสั่นอย่างอดไม่ได้

อันที่จริงผู้อำนวยการหลิวเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก

ปรมาจารย์กำลังภายในน้อยนักที่จะได้พบเห็นจริงๆ นั่นแหละ ปรมาจารย์กำลังภายในทุกท่าน ก็มีร่างกายที่แกร่งกล้าไร้เทียมทาน

ผู้อำนวยการหลิวที่มีความสามารถทางด้านการแพทย์ที่สูงส่ง มีความสนใจในเรื่องร่างกายมนุษย์มาตลอด ปรมาจารย์กำลังภายในแบบนี้ มีพลังที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ จึงมีความสงสัยมากมาย

ตอนนี้ได้เจอปรมาจารย์กำลังภายในตัวเป็นๆ ผู้อำนวยการหลิวแทบอยากจะผ่าเขามาวิจัยอย่างทนไม่ไหว ตกลงว่าความแข็งแกร่งของปรมาจารย์กำลังภายในอยู่ตรงไหนกันแน่ มีความแตกต่างอะไรจากระบบของมนุษย์ธรรมดา

ทว่า ได้แต่คิดเท่านั้น ความแกร่งกล้าของปรมาจารย์กำลังภายในทำให้เขารู้ว่า หากเขาพูดคำขอนี้ออกมา ต่อให้เขาอายุเยอะกว่านี้ ก็ต้องถูกเขาฆ่าตายแน่

ถูกสายตาอันสนิทสนมของผู้อำนวยการหลิวจับจ้องมานาน หลี่ฝางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แสร้งกระแอมไอ กล่าวสองประโยค “ผู้อำนวยการหลิว……ผู้อำนวยการหลิว?”

“ห๊ะ? อ่ะฮ่าๆ ……” ผู้อำนวยการหลิวหัวเราะอย่างประหม่า รีบลดสายตาที่จับจ้องหลี่ฝาง พร้อมกล่าว “อย่างไรซะหลี่ฝางก็เป็นปรมาจารย์กำลังภายใน ออร่าช่างต่างจากคนทั่วไปจริงๆ ตาแก่อย่างผมแทบจะทนไม่ไหว ฮ่าๆ ……”

เชื่อก็บ้าแล้ว……หลี่ฝางคิดในใจ

“ใช่สิ คุณหลี่……” ผู้อำนวยการหลิวคิดอะไรขึ้นมาได้อีกครั้ง

“ผู้อำนวยการหลิว เลิกเรียกผมแบบนั้นเถอะ ผมฟังแล้วรู้สึกประหลาด” หลี่ฝางหันไปทางผู้อำนวยการหลิวจับจ้องผมที่ขาวทั้งหัวเรียกตนเองแบบนั้น ก็รู้สึกแปลกๆ

“อืม ได้ๆ ถ้างั้นผมเรียกคุณว่าเพื่อนหลี่เป็นไง?” ผู้อำนวยการหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“……แล้วแต่ความพอใจเลยครับ”

“ฮ่าๆ เพื่อนหลี่ ถ้ามีเวลาก็มาบ่อยๆ นะ ผมบอกตามตรง แม้ผมจะอายุมากแล้ว แต่สนใจในเรื่องวิทยายุทธ หากเพื่อนหลี่ไม่รังเกียจ ขอเพื่อนหลี่สอนผมสักหน่อยจะได้ไหม”

แกสนใจในวิทยายุทธจริงๆ งั้นหรือ……หลี่ฝางจ้องมองทีท่ายิ้มแย้มของผู้อำนวยการหลิว อดขนลุกซู่ไม่ได้

เมื่อเห็นสายตาขยาดของหลี่ฝาง ผู้อำนวยการหลิวรู้ตัวว่าตนเองใจร้อนมากเกินไป พลันเหลือบตามองซ้ายขวาอย่างอดไม่ได้ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ตกอยู่ที่เจียงถิงที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นก็เกิดไอเดียขึ้นมา

“ผมจำได้ว่าหมอเจียงยังเป็นแพทย์ฝึกหัดใช่ไหม?” ผู้อำนวยการหลิวกล่าวถามขึ้นกะทันหัน “ผมเคยอ่านประวัติของคุณ ความสามารถของคุณดีมากเลยล่ะ มีความรับผิดชอบมาก……”

เจียงถิงจับจ้องผู้อำนวยการหลิวนิ่งอย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาชื่นชมเธอกะทันหันคิดจะพูดอะไรกันแน่

“……ผมว่าคุณเลื่อนขึ้นเป็นแพทย์ประจำได้นะ!”

“แพทย์ประจำ!”

ประโยคเดียวของผู้อำนวยการหลิว ทำให้เจียงถิงเกิดตื่นเต้นขึ้นมา

อันที่จริง ความสามารถของเธอเพียงพอที่จะเป็นแพทย์ประจำได้อย่างแน่นอน สิ่งนี้ผู้อำนวยการลำเอียง

แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อาวุโสก็ต้องมาก่อนเสมอ ที่นี่ก็เช่นกัน เธอที่เป็นรุ่นน้อยกว่าอย่างเจียงถิง จึงได้แต่อยู่ในตำแหน่งแพทย์ฝึกหัด

ไม่คิดเลย ว่าตอนนี้เธอได้กลายเป็นแพทย์ประจำแบบนี้

ทันใดนั้น เจียงถิงจับจ้องหลี่ฝาง ด้วยสายตาที่ซาบซึ้งใจ

เพราะเธอเข้าใจดี เพราะหลี่ฝาง ผู้อำนวยการหลิวถึงได้เกื้อหนุนเธอเป็นพิเศษ

ไม่นาน ทุกคนคุยไปด้วย พลางเดินมาที่ห้องผู้ป่วยของคุณท่านหยางเซี่ยวหู่

ครั้งนี้การผ่าตัดให้กับนายท่าน ผู้อำนวยการหลิวผ่าตัดให้กับเขาด้วยตนเอง เพราะนายท่านอายุมากแล้ว ความเสี่ยงในการผ่าตัดค่อนข้างสูง ต่อให้เป็นผู้อำนวยการหลิวเอง ก็ไม่กล้ารับปากว่าสำเร็จแน่นอน

เพราะงั้นเขาต้องเจรจากับหยางจื้อเฉิงให้รู้เรื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเกรงว่าหยางจื้อเฉิงที่เสียใจมากจะพลอยโกรธเขาไปด้วย

เมื่อหยางจื้อเฉิงได้ยินคำกล่าวของผู้อำนวยการหลิว จึงพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ ให้ผู้อำนวยการหลิววางใจและทำให้เต็มที่

เรื่องในบ้านมีแต่ตนเองที่รู้ดีมากที่สุด ร่างกายของนายท่านเขารู้ดี นี่เป็นการพนันกับชีวิตแต่แรกอยู่แล้ว

และต่อให้ผ่าตัดสำเร็จ อายุและร่างกายของนายท่าน จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนยากที่จะพูด

ขณะที่ทั้งคู่หารืออาการป่วยของนายท่าน หลี่ฝางเองก็ยืนฟังอยู่อีกด้านเงียบๆ พลันอดนึกสลดใจไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่แค่ไหน ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นการเปลี่ยนผันของกาลเวลา ผู้กล้าถึงคราวไม้ใกล้ฝั่ง

เจ้าแผนการทั้งชีวิต สู้มาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ไม่ว่าอำนาจจะล้นฟ้าเพียงใด รวยล้นฟ้า หรือจะเก่งกล้าที่สุดในปฐพี ทุกคน ท้ายที่สุดก็ต้องตาย

ต่างกันก็แค่ตายก่อนตายหลังเท่านั้น ดูจากประวัติศาสตร์นับร้อยนับพันปี ความแตกต่างแค่นี้ ไร้ค่านัก

ต่อให้เป็นแดนเทพ ก็ยากจะหลีกหนีความตาย

บางทีทุกคนบนโลก มีเพียงแค่ต่อหน้าความตายเท่านั้น ที่จะนับได้ว่าเท่าเทียมกันจริงๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท