NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1146 ไสหัวไปเอง

บทที่ 1146 ไสหัวไปเอง

ในขณะที่หลี่ฝางเร่งไปเมืองตง คุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งเจิ้งเหวินซิง ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านนั่งไม่ติดที่ กระวนกระวายใจ

คนเก่าแก่อย่างพ่อบ้านที่อยู่อีกด้านเห็นทีท่าของเจิ้งเหวินซิง ในที่สุดก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงกล่าวถาม “คุณชาย เกิดปัญหาอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

เขาไม่เข้าใจ เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งอย่างเจิ้งเหวินซิง บนโลกใบนี้ยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีกหรือ

“เปล่า ไม่ ไม่มีอะไร……” เจิ้งเหวินซิงดึงสติกลับมา ส่ายหน้ารัว

เป็นอย่างที่ว่า เขาเป็นคุณชายตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตง ไม่น่าจะมีช่วงเวลาที่ทำให้เขาหวาดหวั่นถึงจะถูกสิ

แต่เมื่อได้รับข่าวสารจากสำนักหยิ่งซาว่าการลอบสังหารล้มเหลว แถมหลี่ฝางก็กำลังมุ่งมาที่เมืองตง เจิ้งเหวินซิงเกิดหวั่นเกรงขึ้นมาจริงๆ

ถูกปรมาจารย์กำลังภายในเล็งเป้า ไม่มีใครที่จะไม่กลัว

“ใช่สิ ถังโจวปรมาจารย์ถังจะเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของท่านปู่ไหม?” เจิ้งเหวินซิงนึกขึ้นได้ ดวงตาประกาย

“คุณท่านกับปรมาจารย์ถังมีความสัมพันธ์กว่าหลายสิบปี ปรมาจารย์ถังต้องมาอวยพรให้กับคุณท่านอยู่แล้ว” พ่อบ้านกล่าวตอบ

“ดี ดีเลย!” เจิ้งเหวินซิงหัวเราะอย่างอดไม่ได้

มีถังโจวอยู่ หลี่ฝางยังกล้าลงมือกับเขาอย่างนั้นเหรอ? หากหลี่ฝางกล้าลงมือ ถังโจวต้องเห็นแก่ท่านปู่ อย่างไรก็ต้องปกป้องเขาอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ!

ยิ่งไปกว่านั้น ปรมาจารย์โจวก้าวสู่แดนเต๋านานกว่าหลี่ฝางมาก ไม่แน่ อาจจะจัดการหลี่ฝางได้ด้วย……

เมืองจินซาน คฤหาสน์ตระกูลหยาง

“พี่สะใภ้ครับ พี่ใหญ่ออกไปทำธุระ เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ เพราะงั้นถึงได้ให้ผมอยู่ดูแลคุณและตระกูลหยาง ท่านวางใจเถอะ เรียกเมื่อไหร่ผมจะมาทันที”

หยางฉงที่เป็นเพียงคนธรรมดา กิริยาของหยางฉงถือว่าเกรงอกเกรงใจ นอบน้อมถ่อมตนอย่างมาก ไร้สิ่งอื่นใด เพราะหยางฉงคือผู้หญิงของหลี่ฝาง

“หลี่ฝางไปไหน?” หยางฉงเพ่งพินิจไท่ซางที่อยู่ตรงหน้า กล่าวถามอย่างอดไม่ได้

เมื่อได้ยินคำถาม ไท่ซางสีหน้าลำบากใจ กล่าว “พี่สะใภ้ อย่าทำให้ผมลำบากใจอยู่เลย ความเคลื่อนไหวของพี่ใหญ่ผมไม่สามารถไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ไม่ต้องกังวล บนโลกนี้คนที่เกิดการข่มขู่กับพี่ใหญ่ได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย พี่ใหญ่ออกไปในคราวต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่”

เมื่อเห็นไท่ซางเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น หยางฉงกลับไร้ความสบายใจเลยแม้แต่น้อย เธอแอบขอพรในใจ

หลี่ฝาง คุณต้องกลับมาอย่างปลอดภัย……

หลี่ฝางในตอนนี้ ได้อยู่บนผืนดินของเมืองตงเป็นที่เรียบร้อย

การพัฒนาของเมืองตง มีสีสันแห่งตำนานเล็กน้อย เกาะที่มีพื้นเล็กๆ เพียงแค่ไม่กี่สิบปีสั้นๆ ก็กลายเป็นมหานครนานาชาติ ถึงขนาดมีชื่อเสียงบ้างในทั่วทุกมุมโลก

และตระกูลเจิ้ง ก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในมหานครแห่งนี้

ต่อให้ไม่รู้ว่าผู้บัญชาการใหญ่เป็นใคร แต่ชื่อของนายท่านเจิ้ง ต้องเคยได้ยินแน่

เพราะอุตสาหกรรมที่แผ่ขยายไปทั่วเมืองตงของตระกูลเจิ้ง ต่อให้ไม่คิดสนใจ ก็ต้องเคยได้ยินบ้าง

สถานะของนายท่านเจิ้ง แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่เองก็เทียบไม่ได้

เพราะงั้นวันเกิดของนายท่านเจิ้ง จึงกลายเป็นวันสำคัญของเหล่าชนชั้นสูง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอายุแปดสิบวัยที่พิเศษแบบนี้ ยิ่งทำให้ชนชั้นสูงของเมืองตงทุกคน ไม่กล้ามีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

วันนี้ คฤหาสน์สุดหรูที่แผ่กิ่งก้านไปทั่วทุกมุม อัดแน่นไปด้วยผู้คน

เหล่าชนชั้นสูงที่มีสถานะสูงศักดิ์ เดินไปรอบๆ ลานบ้าน กำลังสนทนาพูดคุยอย่างเสนาะหู คึกคักเป็นพิเศษ

ทว่าเจิ้งเหวินซิงกลับหลบอยู่ที่มุม สายตาหลบซ่อน ตรวจตราทุกคนโดยรอบ ดวงตาส่องแววความระแวงระวังอย่างสยองขวัญ

ในตอนนี้เอง เพื่อนของเจิ้งเหวินซิงคนหนึ่งเห็นว่าเขาหลบซ่อนอยู่คนเดียวตรงนี้ จึงแอบลอบเข้าไปอย่างเงียบๆ ตบบ่าเจิ้งเหวินซิงอย่างแรง

“คุณชายเจิ้ง!”

เจิ้งเหวินซิงตัวสั่นระริก แก้วไวน์ในมือแทบจับเอาไว้ไม่อยู่โยนทิ้ง เมื่อเห็นผู้มาเยือน ไม่วายถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แกทำอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ตื่นตูม?” สหายกล่าวถามอย่างประหลาดใจ

“หุบปาก!” เจิ้งเหวินซิงจ้องเขม็งเขาอย่างดุดัน ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบมองไปที่ประตู ทันใดนั้นทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้อีกต่อไป

เขาเห็นหลี่ฝางที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ

ทันใดนั้น เจิ้งเหวินซิงตื่นตระหนก พลันกลับหลังหันเข้าห้องไป โดยไม่แม้แต่จะคิด

เขาจะไปอยู่ข้างกายคุณปู่ อยู่ข้างกายปรมาจารย์ถังโจว!

หากอยู่ตรงนี้ต่อไป ต้องตายแน่!

หลี่ฝางในตอนนี้ สายตาจับจ้องไปยังประตูทางเข้าของตระกูลเจิ้งอย่างเย็นชา

“เห้ย ที่นี่เป็นคฤหาสน์ส่วนตัว ไสหัวไปขอขอทานที่อื่นซะ!”

การ์ดที่เฝ้าหน้าประตูมองหลี่ฝางที่อ่อนล้าจากการเดินทางเป็นขอทาน คำรามเสียงดัง พลางชักไม้กระบองที่เอวออกมาไล่หลี่ฝางออกไป

ในขณะที่ไม้กระบองจะตกอยู่ที่ร่างของหลี่ฝาง ในทันใดนั้น ฝีเท้าของหลี่ฝางตกอยู่ที่ร่างของเขา

ทันใดนั้น บอดี้การ์ดร่างใหญ่เสมือนกับถูกรถบรรทุกพุ่งเข้าชน ลอยเข้าไปในคฤหาสน์ ไม่รู้ว่าพุ่งชนโต๊ะไปกี่ใบ ทำให้คฤหาสน์รุงรังขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น!”

“พระเจ้า มีคนกล้าก่อเรื่องในวันสำคัญแบบนี้ด้วยหรือ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”

“หน้าของเขาคุ้นตา……”

“บอดี้การ์ดล่ะ ตายไปหมดแล้วหรือ! ไปจับมันไว้!”

ทันใดนั้น ภายในลานเกิดโกลาหล บอดี้การ์ดรอบด้านหลายสิบนายรีบมุ่งเข้ามา คิดที่จะจับกุมหลี่ฝาง

หลี่ฝางกวาดสายตามองบอดี้การ์ดด้วยสายตาเย็นชา กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ใครที่ไม่อยากตาย ก็ไสหัวไปซะ!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท