NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1153 ใช้ความมั่งคั่งและชีวิตเป็นเดิมพัน

บทที่ 1153 ใช้ความมั่งคั่งและชีวิตเป็นเดิมพัน

ส้งหมิงที่ได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้น ก็รีบเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นก็ชะงักไป

จะพูดให้ถูก การปรากฏตัวของชายผู้นั้น มาให้ส้งหมิงสตั้นไปเลย

ส่วนเจิ้งชิง วินาทีที่เห็นชายผู้นั้น บนใบหน้าก็ปรากฏความโกรธเล็กน้อย

“หลี่ฝาง!” เจิ้งชิงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

ชายหญิงคู่นี้ ก็คือหลี่ฝางกับซุนเฟย

ในวันนั้นหลังจากที่หลี่ฝางฆ่าเจิ้งเหวินซิงแล้วจากไป เจิ้งชิงก็ไม่ค่อยเต็มใจที่จะไปตามหาความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ระดับบนๆ รวมไปถึงพวกต้าเซี่ยหลงเช่วเขาก็ไปหามาแล้ว

เขาหวังว่าจากการที่ให้คนข้างบนออกหน้าให้ ก็จะสามารถลงทัณฑ์หลี่ฝางได้

แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขาผิดหวัง ไม่ว่าเขาจะไปหาที่ไหน ก็มีแต่คนไม่ต้อนรับ เรื่องแบบนี้ หลายสิบปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเจอเลย

แม้กระทั่งคนระดับบนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขาก็ยังพูดว่า: “ถ้าหากสามวันหลังจากนี้ถังโจวชนะ งั้นเรื่องทั้งหมดค่อยคุยง่ายหน่อย แต่ถ้าถังโจวแพ้ นายคงต้องคิดทบทวนตัวเองแล้ว”

ทันใดนั้น เจิ้งชิงก็ดึงสติ หลี่ฝางจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีบางอย่างกับคนระดับบนแน่ๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางทำมาจนถึงจุดนี้หรอก

ในตอนนั้น คนรอบข้างกำลังเตรียมจะวิพากษ์วิจารณ์หลี่ฝางอย่างโจ่งแจ้ง ถึงยังไง พวกเขาก็ไม่รู้จักหลี่ฝางเลย

ความจริง มาจนถึงตอนนี้ คนที่รู้จักหลี่ฝางนั้นไม่นับว่ามาก เพราะว่าหลี่ฝางโผล่หน้าขึ้นมาอย่างฉับพลันแค่เวลาสั้นๆ

ดังนั้นคนมากมายอาจจะเคยได้ยินแค่ชื่อของหลี่ฝาง ส่วนเรื่องที่จะให้พวกเขาเชื่อว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นก็คือยอดฝีมือแดนเต๋า ตอนแรกไม่ว่าใครก็คงจะไม่เชื่อหรอก

แต่ว่าคนอื่นจะไม่รู้จักหลี่ฝางก็ได้ แต่ส้งหมิงนั้นไม่ได้

ในตอนแรกศึกกับตระกูลชิว เขายอมแพ้ทั้งกายและใจ และเขาก็ยังค้นพบว่าหลี่ฝางได้ข้ามจุดกำลังภายในของเขาไปแล้ว เป็นการเลื่อนขั้นสู่แดนเต๋าที่แท้จริง

เขาก็รู้อย่างชัดเจน ว่าตนกับหลี่ฝางนั้นแตกต่างกันมาก

ดังนั้นเขาไม่มีทางที่จะแอ๊บทำเป็นไม่เห็น ไม่อย่างนั้น ถ้าหากหลี่ฝางโมโห คนที่ซวยก็คือเขา

คิดถึงตรงนี้ ส้งหมิงจึงเดินเข้าไปทางหลี่ฝาง

ส่วนคนรอบข้างเมื่อเห็นส้งหมิงเดินเข้าไปทางหลี่ฝาง ทันใดนั้นก็เงียบลง และมองไปทางส้งหมิงอย่างคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นวินาทีต่อมาที่หลี่ฝางถูกส้งหมิงสำเร็จโทษ

แต่ที่ทำให้ทุกคนเหลือเชื่อนั่นก็คือ ส้งหมิงเดินไปข้างหน้าหลี่ฝาง และกลับคำนับหลี่ฝางและพูดอย่างมีมารยาท: “ปรมาจารย์หลี่!”

“ปรมาจารย์หลี่? !”

คำเรียกคำนี้ บวกกับท่าทีที่ดูนอบน้อมของส้งหมิง ทำเอาคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนถึงกับช็อก

ขณะนั้น จู่ๆ ก็มีคนมีปฏิกิริยาตอบสนอง และถามเสียงดัง: “ท่านนี้ หรือว่าจะเป็นหลี่ฝางปรมาจารย์หลี่?”

“ก็คือหลี่ฝาง ปรมาจารย์หลี่” ส้งหมิงพยักหน้า

วินาทีนั้น สีหน้าของคนรอบข้างก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

โดยเฉพาะคนที่เมื่อกี้เอ่ยปากวิจารณ์หลี่ฝาง สีหน้ายิ่งเขียวยิ่งหมอง เต็มไปด้วยความตกใจและความหงุดหงิดต่างๆนานา แตกต่างกันไป

ส่วนคนพวกนี้ก็เปลี่ยนแนวพูดกันอย่างไว สำนึกผิดและขอโทษหลี่ฝางไม่หยุด แถมยังขอโทษซุนเฟยด้วย แต่ละคนอย่างกับนักแสดงอย่างนั้นแหละ แค่เวลาเดียวก็เห็นได้เลยว่ามันตลกอย่างไร้ที่เปรียบ

มองท่าทีของกลุ่มคนที่อยู่รอบข้าง ซุนเฟยก็รู้สึกแค่ว่าทั้งน่าขำ และน่าเหลือเชื่อ

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า หลี่ฝางจะมีฐานะที่น่ากลัวแบบนี้

ปรมาจารย์กำลังภายใน!

ไม่สิ เป็นการมีอยู่ของความเป็นแกร่งที่เหนือกว่าปรมาจารย์กำลังภายในหลายท่าน

ในหัวของซุนเฟยนั้นเบลอไปหมด

และในตอนนั้น ถังโจวที่อยู่บนยอดเขา ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

สายตาคู่นั้นของเขามาทะลุหมอกและภูเขา ลงมาตกที่ร่างของหลี่ฝาง และพูดเสียงดัง: “ปรมาจารย์หลี่ เชิญเถอะ!”

ประโยคนี้พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ดังไปทั่วทั้งภูเขาจิ่วเจ และก็ดังเข้าไปในหูของทุกคน

“เดี๋ยวฉันกลับมาแป๊บเดียว เธอรอก่อนนะ” หลี่ฝางพูดเตือนซุนเฟยเสียงต่ำจากนั้นก็เดินขึ้นไปยังยอดเขา

เขาไม่ได้ใช้การเหาะ ต่อหน้าคนจำนวนมาก แม้ว่าครึ่งเทพจะเหาะได้ แต่ก็จะทำให้ดูน่าตกใจเกินไปไม่ได้

มองดูลมหายใจที่อยู่ตรงหน้าราวกับจะดูกลมกลืนไปกับภูเขาจิ่วเจทั้งลูก ลมหายใจเฮือกยาวของถังโจว ทำให้หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา

“นายถึงกับใช้ปราณชีพจรมังกรของภูเขาจิ่วเจเพื่อใช้เอง ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ”

“ปรมาจารย์หลี่อยู่ขั้นครึ่งเทพแล้ว ฉันแค่ยืมพื้นที่มาใช้เสริม แบบนี้ก็แค่ทำให้ศึกนี้ดูยุติธรรมขึ้นหน่อย มีอะไรไม่ได้กัน?” ถังโจวยิ้มอ่อน และไม่ได้สนใจ

เขาใช้ชีวิตมาแปดสิบกว่าปี มาถึงดินแดนเต๋า ถ้าหากยังเพราะการต่อล้อต่อเถียงกันก็ทำลายบรรยากาศ งั้นก็ปลอมอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

“อ่า? เห็นทีนายจะมั่นใจเอาการนะ” จู่ๆ หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมา “นายถึงกับมั่นใจขนาดนี้แล้ว ถ้างั้นพวกเรามาพนันกันเยอะหน่อย ทำให้ศึกต่อสู้ในวันนี้ตื่นตาตื่นใจหน่อย เป็นไง?”

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ตื่นเต้นของหลี่ฝางลอยปรากฏขึ้น ถังโจวก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่นเทา

“ไม่ทราบว่าปรมาจารย์หลี่อยากจะพนันอะไร?”

“ฮ่าๆๆ นายก็กล้าหาญดีนี่!” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น จากนั้น น้ำเสียงก็ไม่ซ่อนเร้นอีกต่อไป

“ฉันอยากให้เขาเจิ้งชิงเอาทรัพย์สินของตระกูลตัวเองทั้งหมดมาพนันกับชีวิตฉัน!”

ประโยคนี้ดังสนั่นอย่างกับฟ้าผ่า ดังลั่นไปทั่วภูเขาจิ่วเจ

ทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าใหญ่

ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างภูเขา ทั้งหมดก็ค่อยๆ เบนสายตาไปทางเจิ้งชิง

สีหน้าของเจิ้งชิงโมโหจนหน้าเขียว เพราะเขารู้ถึงความคิดของหลี่ฝาง

จนกระทั่งตอนนี้ ความแค้นหลี่ฝางที่อยู่ในใจของเจิ้งชิง พูดได้ว่าถึงแม้จะเอาไปล้างยังไงก็ไม่มีทางล้างได้สะอาด

แม้ว่าวันนี้หลี่ฝางจะชนะ เจิ้งชิงก็ไม่มีวันจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป แค่วันนี้แก้แค้นไม่ได้ หลังจากวันนี้เจิ้งชิงก็จะเป็นเหมือนงูพิษ คอยแอบดูหลี่ฝางอยู่ในที่มืด และคอยหาโอกาสที่จะได้แก้แค้น

แต่หลี่ฝางไม่อยากจะเห็นสถานการณ์เช่นนี้

ดังนั้นเขาจึงอยากรู้จักตระกูลเจิ้งสักครั้ง ถ้าไม่เป็นเขาที่ตาย ก็เป็นตระกูลเจิ้งที่จะไม่มีความสามารถที่จะมาแก้แค้นเขาได้อีกเลย ไม่เช่นนั้น เขาจะวางใจได้ยากมากเลย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท