NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1123 ลู่เผิงเฟยมาแล้ว

บทที่ 1123 ลู่เผิงเฟยมาแล้ว

“มีปัญหาอะไรไหม?” หลี่ฝางกล่าวเสียงเบา

“ฮ่า ๆ ๆ หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย ฮ่า ๆ ๆ ……” ซูจื้อเย่หัวเราะจนตัวงอ ราวกับได้ฟังเรื่องราวที่น่าหัวเราะอย่างสุดขีด ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยตามอย่างอย่างไร้ความปรานี

“นี่ ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ นะ หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง จะทำให้ฉันให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มเรกแบบนี้ ฮ่า ๆ ๆ ……” ซูจื้อเย่หัวเราะเสียงดังอย่างไม่หยุด

สายตาที่เขามองหลี่ฝาง เต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ส่วนสายตาที่มองฟางหยู่ถงนั้น กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเห็นใจ

หึหึ แม้แต่หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยยังเข้าตาเธอได้ คราวนี้ถูกเปิดโปงเข้าให้แล้ว ดูสิว่าเธอจะ หยิ่งกับฉันต่อไปยังไง!

คิดอยู่แบบนี้ ซูจื้อเย่ก็หันไปเอ่ยกับหลี่ฝางด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ: “นี่นาย ต่อไปถ้าหมดหนทาง ก็มาหาฉันที่บริษัทรักษาความปลอดภัยจินตุ้น เดี๋ยวฉันจะจัดหางานให้นายเอง รับรองว่าตำแหน่งสูงกว่าหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยแน่นอน! ฮ่า ๆ ๆ ……”

เมื่อรู้สถานะของหลี่ฝาง ไฟโมโหที่อยู่ในใจของซูจื้อเย่ ก็ถูกปลดปล่อยไปทันที มันรู้สึกดีมากเลยจริง ๆ

คำพูดของซูจื้อเย่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์กลับคิดว่ามันปกติ เพราะถึงยังไงในสายตาของพวกเขา หลี่ฝางเป็นเพียงแค่หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยเท่านั้นเอง

รวมทั้งสวู่เจินเจินและข่งจู ความประทับใจที่มีต่อหลี่ฝางนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

หลี่ฝางกลับไม่ได้รีบร้อนอะไร การยั่วยุของคนพวกนี้ สำหรับเขาแล้วก็เป็นเหมือนเรื่องตลก ที่ไม่อาจทำให้เขารู้สึกอะไรได้เลยสักนิด

“ลู่เผิงเฟยมาแล้ว!”

ในตอนนั้นเอง ก็มีคนตะโกนขึ้นมาที่ด้านข้าง ทำให้ผู้คนที่อยู่ทางนี้ต่างมองไปที่ประตูทันที ก็พบว่าคนกลุ่มหนึ่งมุงกันอยู่ตรงนั้น เหมือนกับจะคึกคักเป็นพิเศษ

“ได้ยินมานานแล้วว่าคุณชายลู่ท่านนี้มาที่เมืองจินซาน คิดไม่ถึงว่าเขาจะมางานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้ด้วย”

“พวกเราเองก็เข้าไปทักทายหน่อยเถอะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ควรจะเป็นเช่นนั้น ถึงแม้อิทธิพลของตระกูลลู่จะไม่ได้อยู่ที่เมืองจินซาน แต่ถึงยังไงก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศ จะต้องเป็นมิตรด้วย จะเป็นศัตรูด้วยไม่ได้” ซูจื้อเย่พยักหน้ากล่าว

ลู่เผิงเฟยลูกหลานของตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ท่านนี้ ฐานะและตำแหน่งนั้นสูงกว่าพวกเขามาก

ทันทีทันใด ทุกคนต่างก็ไม่มีเวลาจะมาเหยาะเย้ยหลี่ฝางแล้ว และเดินไปทางลู่เผิงเฟยทันที

หลังจากที่คนพวกนี้ได้จากไปแล้ว ฟางหยู่ถงก็ได้เอ่ยขอโทษหลี่ฝาง: “คนพวกนี้พูดจาไม่น่าฟัง ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้คุณต้องได้รับความไม่เป็นธรรมฟรี ๆ แบบนี้”

ในสายตาของเธอ อาชีพอะไรก็มีสังคมอย่างนั้น เดิมทีหลี่ฝางอยู่ในสังคมของตัวเองดี ๆ ก็ต้องถูกเธอดึงมาให้คนอื่นหัวเราะเยาะอยู่ในสังคมนี้ เป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่เคยเห็นตัวตลกแบบนั้นอยู่ในสายตาเลยสักนิด” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“หึ ขี้โม้!” ข่งจูหันไปกล่าวกับหลี่ฝางด้วยความโมโห

เธอไม่ได้ดูถูกสถานะหน้าที่การงานของหลี่ฝางหรอกนะ แต่หลี่ฝางเงียบในตอนที่คนพวกนั้นพูดจาเหยียดยาม พอมาตอนนี้กลับยกหางตัวเอง จึงทำให้ข่งจูไม่พอใจเป็นธรรมดา

หลี่ฝางยิ้มพลางส่ายหัว และไม่ได้กล่าวอะไร

และในกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ตรงนั้น ลู่เผิงเฝยกำลังทักทายกลับแต่ละคนที่เข้าไปทักทายเขาอย่างสุภาพมีมารยาท

ต่อให้เขารู้ว่าคนพวกนั้นเพียงเพราะฐานะคุณชายแห่งตระกูลลู่ ต้องการประจบสอพลอเขา อยากจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับตระกูลลู่ เพื่อผลกำไรมหาศาล

ให้ตัวเองก้าวหน้าไปอีกขั้น หรือแม้แต่มีความคิดกลอุบายมากกว่านั้น มีแผนการชั่วร้าย ลู่เผิงเฟยล้วนไม่ใส่ใจทั้งนั้น

ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่รู้ว่าเขาผ่านมากี่ครั้ง จนชินกับมันไปนานแล้ว พูดได้ว่าเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด จึงสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่มีความกดดันใด ๆ เลยสักนิด

ณ เวลานี้ซูจื้อเย่เองก็ได้เข้าไปต้อนรับเหมือนกัน เป็นธรรมดาที่ลู่เผิงเฟยจะรู้จักซูจื้อเย่ ท่าทีที่มีต่อเขานั้น จึงดูสนิทสนมกว่าคนอื่น ๆ ไม่น้อย

เขารู้ว่าคุณแม่ของซูจื้อเย่เป็นคนของตระกูลใหญ่ด้านยุทธภพของหนานเจียง คุณพ่อของเขาก็เป็นนักธุกิจที่มีชื่อเสียง เป็นธรรมดาที่ฐานะของเขาจะสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบมาก

ซูจื้อเย่เองก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าท่าทีที่ลู่เผิองเฟยมีต่อเขานั้นไม่เหมือนกัน พลันรู้สึกได้ใจขึ้นมาทันที

“อ้อใช่ คุณชายซู หยู่ถงก็น่าจะมาแล้วใช่ไหม?” จู่ ๆ ลู่เผิงเฟยก็เอ่ยถามซูจื้อเย่ขึ้นมา

ลู่เผิงเฟยเองก็เคยแสดงออกว่ารู้สึกดีต่อฟางหยู่ถง และฟางหยู่ถงก็ได้ปฏิเสธเขาไปเช่นเดียวกัน

ถึงแม้หลังจากนั้นมาลู่เผิงเฟยจะไม่เคยถามอีก แต่ถึงยังไงวันนี้ก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว ในเมื่อเขามีใจ จึงคิดที่จะเอ่ยถามเป็นธรรมดา

“ฮ่า ๆ ๆ คุณชายลู่ ตอนนี้หยู่มีแฟนแล้วนะ พวกเราสองคนไม่ได้ต้องเป็นศัตรูหัวใจล่องหนกันอีกต่อไปแล้ว” ซูจื้อเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณดูสิ หยู่ถงอยู่ทางนั้นยังไงล่ะ”

ซูจื้อเย่พึ่งจะเริ่มตามจีบฟางหยู่ถง ทีหลังลู่เผิงเฟย ถ้าหากลู่เผิงเฟยยังตามจีบฟางหยู่ถงอยู่ ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้าแย่งลู่เผิงเฟย

“หือ? หยู่ถงมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนกัน?” ลู่เผิงเฟยขมวดคิ้วถาม

ซูจื้อเย่แอบดีใจขึ้นมา และกระซิบเสียงเบา: “นั้นไงล่ะ ผู้ชายคนที่ยืนอยู่กับหยู่ถงคนนั้นไง”

ถึงแม้เขาอยากจะเล่นงานหลี่ฝางให้ตาย แต่ว่าถ้าหากเขาเป็นคนลงมือเอง เกรงว่าจะทำให้ฟางหยู่ถงแค้นเคือง พอถึงตอนนั้นเขาคงไม่มีโอกาสจีบหยู่ถงติดอีกแล้ว

ดังนั้นเขาเลยจงใจพูดแบบนี้ต่อหน้าลู่เผิงเฟย เพื่อให้ลู่เผิงเฟยโมโหนั่นเอง

อาศัยฐานะของลู่เผิงเฟย คิดจะจัดการพนักงานรักษาการเล็ก ๆ คนหนึ่งนั้นไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ เพียงแค่มีท่าทีเกลียดชัง ก็จะมีผู้คนนับไม่ถ้วนลงมือกับหลี่ฝางเพื่อประจบลู่เผิงเฟย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท