ผู้ชมที่อยู่ตรงตีนเขาเห็นภาพนี้ ทันใดนั้นก็เข้าใจ ว่าศึกครั้งนี้ กำลังจะปิดม่านลง
สติสตังของเจิ้งชิงก็เริ่มจะวิตกกังวล
เขาเข้าใจว่า เมื่อผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้ปรากฏออกมา ตระกูลเจิ้งของเขาสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง เรื่องราวจะจบลงแล้ว
และในตอนนั้นเอง ซุนเฟยจู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้นมา
“เจิ้งเหวินจุ้น นายจะทำอะไร!”
ซุนเฟยที่ไม่ทันระวังตัว ก็ถูกเจิ้งเหวินจุ้นพุ่งเข้ามาคว้าตัวไว้ ใบหน้าที่โหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบ ทำให้เธอกรีดร้องอย่างหวาดกลัว
“นังชั่ว!” สีหน้าของเจิ้งเหวินจุ้นบูดเบี้ยว และตบไปที่หน้าของซุนเฟยอย่างแรง
เขาไม่กล้ามีเรื่องกับหลี่ฝาง จึงทำได้แค่หาโอกาสมาระบายลงที่ซุนเฟย
ส่วนซุนเฟยที่ถูกตบ กลับไม่ได้รับความเห็นใจจากคนรอบข้างเลย แม้กระทั่งไม่มีใครสนใจเลย
เพราะว่าในตอนนั้นทุกคนล้วนต่างตั้งใจมองไปที่บนยอดเขา
หลี่ฝางที่กุมมีดเล่มใหญ่ยาวร้อยเมตร ก็ทำหน้าตื่นเต้นและพูดขึ้น: “นายว่า ถ้าหากฉันทำลายภูเขาจิ่วเจทิ้ง นายยังจะสามารถยืมพลังจากปราณชีพจรมังกรได้อยู่มั้ย?”
คำพูดของหลี่ฝาง ก็ทำให้ถังโจวมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันทีทันใด
ทันใดนั้น ถังโจวก็พุ่งเข้าไปหาหลี่ฝางอย่างบ้าคลั่งแบบหาที่เปรียบไม่ได้
แต่แค่มันสายไปแล้ว
มีดเล่มใหญ่ยาวร้อยเมตรในมือของหลี่ฝางได้ถูกชูขึ้นสูง และสับลงมาอย่างแรง
ปัง!
ภูเขาถล่ม!
หินผากระเด็นกระดอน ฝุ่นควันเต็มท้องฟ้า!
พวกผู้ชมด้านล่างก็รีบหลบอย่างหวาดกลัวทันที ดีที่หินผาพวกนั้นไม่ได้กระเด็นมาชนทางพวกเขา ไม่เช่นนั้น คนพวกนี้ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บล้มตายแน่ๆ
ส่วนฝุ่นควันที่บดบังท้องฟ้าแสงอาทิตย์ก็ค่อยๆ สลายไป สายตาของทุกคนนั้นตื่นตระหนกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในที่สุดก็ได้เห็นภาพหลังที่ฝุ่นควันจางหายไป
และตอนนั้น ทุกคนก็เงียบกริบ
“ภูเขาจิ่วเจ……” หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดเจิ้งชิงถึงจะมีเสียงพูด แต่แค่น้ำเสียงดูเหมือนจะสิ้นหวัง
แบบเดียวกัน ส้งหมิงในตอนนั้นก็ทำสีหน้าเหลือเชื่อ: “ภูเขาจิ่วเจ ถูกสับแยกแล้วเหรอ?”
ตรงกลางของภูเขาจิ่วเจทั้งลูกแยกออกเป็นสองชิ้น ส่วนที่ถูกสับ ก็กลายเป็นพื้นที่ราบระหว่างภูเขาขนาดใหญ่มหึมา
“ศึกครั้งนี้สรุปแล้วใครแพ้ใครชนะ!”
หลังจากช็อกไปก็ดึงสติกลับมา สิ่งที่ผู้ชมสนใจมากที่สุดก็ยังเป็นผลการต่อสู้
ถึงยังไง ผู้แพ้ผู้ชนะในศึกครั้งนี้ นั้นเป็นตัวกำหนดชะตากรรมสุดท้ายของตระกูลชั้นสูง
ทันใดนั้น ในสายตาของผู้ชม ก็มีเงาร่างนึงปรากฏตัวลอยอยู่กลางอากาศ
“ครึ่งเทพ……บินได้ด้วย……” มีคนพูดขึ้นเสียงสั่น
ความจริงแล้ว จากการช็อกกับภาพมีดสับภูเขาแยกที่อยู่ตรงหน้า ครึ่งเทพบินได้เรื่องแบบนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจจนเกิดไปแล้ว
ราวกับในใจของผู้คน การมีอยู่ของครึ่งเทพ มันอยู่เหนือสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง
ในตอนนั้นหลี่ฝางที่ร่างลอยอยู่กลางอากาศ ก็มองดูภูเขาจิ่วเจที่ตรงกลางถูกแยกออกอย่างเงียบๆ คลื่นที่อยู่ในใจก็ค่อยๆ สงบไป
เขารู้อยู่นานแล้วว่าเป็นครึ่งเทพนั้นมีพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเพียงใด และก็รู้ได้ว่าการสับภูเขาแยกออกจากกันแบบนี้ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดการณ์ของเขา
แม้แต่ในสุสานจูหลง พลังงานที่แข็งแกร่งกว่านี้เป็นร้อยเท่า เขาก็เคยสัมผัสมาแล้ว
“ถังโจว ถือว่านายได้สิ่งที่ต้องการแล้วนะ”
หลี่ฝางคิดแบบนี้ และก็หันหลังบินลงไปด้านล่าง
เมื่อหลี่ฝางเข้ามาใกล้ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างภูเขาที่เบียดเสียดยัดเหยียด ทันใดนั้นก็เว้นที่ว่างกว้างใหญ่ให้หลี่ฝาง
ด้วยความยิ่งใหญ่ ทำให้คนพวกนี้ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้
ส่วนเจิ้งชิงในตอนนั้น ก็อ่อนแรงไปทั้งร่าง ชะตากรรมของตระกูลตัวเองหลังจากนี้ เขาก็พอจะคาดการณ์ได้บ้างแล้ว
แต่ไม่ทันใดรอให้เขาพูดอะไร จู่ๆ ก็เห็นหลี่ฝางเดินไปทางกลุ่มคน
ทันใดนั้น ผู้ชมที่อยู่ทางนั้นทั้งหมดก็แหวกทางให้ แสดงให้เห็นซุนเฟยที่ใบหน้าแดงเป็นรอยห้านิ้ว น้ำตาไหลติ๋งๆ
“ใครตบ?” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับสามารถแช่แข็งวิญญาณคนได้เลย
พลังงานที่น่ากลัวแบบนี้ ทันใดนั้นก็ทำให้เจิ้งเหวินจุ้นที่ซ่อนอยู่ในฝูงคนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
วินาทีแบบนี้ก็ถูกหลี่ฝางสังเกตเห็น สายตาคู่ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและเย็นชาสุดๆมองไป ทำให้เจิ้งเหวินจุ้นถึงกับหวาดกลัวและลงไปคุกเข่ากับพื้น
“ดี ดีมาก” หลี่ฝางยิ้มอย่างโมโหสุดๆ
ในตอนนั้นเจิ้งเหวินจุ้น ถึงแม้จะตกใจจนร่างกายอ่อนปวกเปียก แต่ก็ยังคงเพราะความเย่อหยิ่งที่บ่มเพาะมากว่ายี่สิบปี เขาจึงตะโกนพูดอย่างไม่รู้ตัว: “นายกล้าแตะต้องฉัน ตระกูลเจิ้งไม่ปล่อย……”
เสียงของเขาอยู่ๆ ก็หยุดลง และก็พูดไม่ออกอีกต่อไป
เพราะว่าภายใต้พลังงานของหลี่ฝาง ร่างกายของเขา ได้ถูกบีบเละอย่างกะทันหันแล้ว
หลี่ฝางที่ไม่อยากให้ซุนเฟยเห็นฉากนองเลือดนี้ วินาทีนั้นจึงบังตาของเธอ และยังเอาก้อนเนื้อเละๆ และเลือด เขวี้ยงออกไปไกลร้อยเมตร กระจัดกระจายลงพื้น จะประกอบก็ประกอบไม่ได้
“เหวินจุ้น!”
สายตาที่มองเห็นหลานของตนตายไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง เจิ้งชิงปริปากอย่างแทบจะขาดใจหลังความตายนั้น และตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“หลี่ฝาง!ตระกูลเจิ้งกับแกไม่ตายไม่เลิกรา!” เจิ้งชิงตะคอกอย่างบ้าคลั่งและชี้ไปทางหลี่ฝาง
“ไม่ตายไม่เลิกรา?” หลี่ฝางเอียงหัว จู่ๆ บนใบหน้าก็ฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นจนแทบบ้า
“นายแน่ใจเหรอ?”
เมื่อเห็นหลี่ฝางก้าวเท้าเข้ามา ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเจิ้งชิงก็รีบออกมายืน และพูดเสียงเบา: “คุณหลี่ พอเถอะ ตระกูลเจิ้งไม่สามารถ……”
ผู้ชายคนนี้คือผู้ว่าการเมืองตง สาเหตุที่เขาออกมาห้ามนั้นง่ายมาก เพราะความสัมพันธ์เศรษฐกิจระหว่างตระกูลเจิ้งกับเมืองตงนั้นใหญ่มาก ถ้าหากตระกูลเจิ้งนั้นถูกทำลายล้าง เกรงว่าทั้งเมืองตงจะวุ่นวายกันหมด
“นายก็จะมาห้ามฉัน?” ตาสองข้างของหลี่ฝางหรี่ลง เหลือบมองผู้ชายคนนั้น แค่เหลือบมอง ผู้ว่าการใหญ่เมืองตงที่ธรรมดาดูยิ่งใหญ่ นั้นก็ลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น เหงื่อตกพลางก้มหน้าลง
วินาทีเมื่อครู่ เขารู้สึกได้ถึงความตาย