NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1156 เอาทรัพย์สินตระกูลนายออกมาเถอะ

บทที่ 1156 เอาทรัพย์สินตระกูลนายออกมาเถอะ

ผู้ชมที่อยู่ตรงตีนเขาเห็นภาพนี้ ทันใดนั้นก็เข้าใจ ว่าศึกครั้งนี้ กำลังจะปิดม่านลง

สติสตังของเจิ้งชิงก็เริ่มจะวิตกกังวล

เขาเข้าใจว่า เมื่อผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้ปรากฏออกมา ตระกูลเจิ้งของเขาสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง เรื่องราวจะจบลงแล้ว

และในตอนนั้นเอง ซุนเฟยจู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้นมา

“เจิ้งเหวินจุ้น นายจะทำอะไร!”

ซุนเฟยที่ไม่ทันระวังตัว ก็ถูกเจิ้งเหวินจุ้นพุ่งเข้ามาคว้าตัวไว้ ใบหน้าที่โหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบ ทำให้เธอกรีดร้องอย่างหวาดกลัว

“นังชั่ว!” สีหน้าของเจิ้งเหวินจุ้นบูดเบี้ยว และตบไปที่หน้าของซุนเฟยอย่างแรง

เขาไม่กล้ามีเรื่องกับหลี่ฝาง จึงทำได้แค่หาโอกาสมาระบายลงที่ซุนเฟย

ส่วนซุนเฟยที่ถูกตบ กลับไม่ได้รับความเห็นใจจากคนรอบข้างเลย แม้กระทั่งไม่มีใครสนใจเลย

เพราะว่าในตอนนั้นทุกคนล้วนต่างตั้งใจมองไปที่บนยอดเขา

หลี่ฝางที่กุมมีดเล่มใหญ่ยาวร้อยเมตร ก็ทำหน้าตื่นเต้นและพูดขึ้น: “นายว่า ถ้าหากฉันทำลายภูเขาจิ่วเจทิ้ง นายยังจะสามารถยืมพลังจากปราณชีพจรมังกรได้อยู่มั้ย?”

คำพูดของหลี่ฝาง ก็ทำให้ถังโจวมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันทีทันใด

ทันใดนั้น ถังโจวก็พุ่งเข้าไปหาหลี่ฝางอย่างบ้าคลั่งแบบหาที่เปรียบไม่ได้

แต่แค่มันสายไปแล้ว

มีดเล่มใหญ่ยาวร้อยเมตรในมือของหลี่ฝางได้ถูกชูขึ้นสูง และสับลงมาอย่างแรง

ปัง!

ภูเขาถล่ม!

หินผากระเด็นกระดอน ฝุ่นควันเต็มท้องฟ้า!

พวกผู้ชมด้านล่างก็รีบหลบอย่างหวาดกลัวทันที ดีที่หินผาพวกนั้นไม่ได้กระเด็นมาชนทางพวกเขา ไม่เช่นนั้น คนพวกนี้ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บล้มตายแน่ๆ

ส่วนฝุ่นควันที่บดบังท้องฟ้าแสงอาทิตย์ก็ค่อยๆ สลายไป สายตาของทุกคนนั้นตื่นตระหนกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในที่สุดก็ได้เห็นภาพหลังที่ฝุ่นควันจางหายไป

และตอนนั้น ทุกคนก็เงียบกริบ

“ภูเขาจิ่วเจ……” หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดเจิ้งชิงถึงจะมีเสียงพูด แต่แค่น้ำเสียงดูเหมือนจะสิ้นหวัง

แบบเดียวกัน ส้งหมิงในตอนนั้นก็ทำสีหน้าเหลือเชื่อ: “ภูเขาจิ่วเจ ถูกสับแยกแล้วเหรอ?”

ตรงกลางของภูเขาจิ่วเจทั้งลูกแยกออกเป็นสองชิ้น ส่วนที่ถูกสับ ก็กลายเป็นพื้นที่ราบระหว่างภูเขาขนาดใหญ่มหึมา

“ศึกครั้งนี้สรุปแล้วใครแพ้ใครชนะ!”

หลังจากช็อกไปก็ดึงสติกลับมา สิ่งที่ผู้ชมสนใจมากที่สุดก็ยังเป็นผลการต่อสู้

ถึงยังไง ผู้แพ้ผู้ชนะในศึกครั้งนี้ นั้นเป็นตัวกำหนดชะตากรรมสุดท้ายของตระกูลชั้นสูง

ทันใดนั้น ในสายตาของผู้ชม ก็มีเงาร่างนึงปรากฏตัวลอยอยู่กลางอากาศ

“ครึ่งเทพ……บินได้ด้วย……” มีคนพูดขึ้นเสียงสั่น

ความจริงแล้ว จากการช็อกกับภาพมีดสับภูเขาแยกที่อยู่ตรงหน้า ครึ่งเทพบินได้เรื่องแบบนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจจนเกิดไปแล้ว

ราวกับในใจของผู้คน การมีอยู่ของครึ่งเทพ มันอยู่เหนือสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง

ในตอนนั้นหลี่ฝางที่ร่างลอยอยู่กลางอากาศ ก็มองดูภูเขาจิ่วเจที่ตรงกลางถูกแยกออกอย่างเงียบๆ คลื่นที่อยู่ในใจก็ค่อยๆ สงบไป

เขารู้อยู่นานแล้วว่าเป็นครึ่งเทพนั้นมีพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเพียงใด และก็รู้ได้ว่าการสับภูเขาแยกออกจากกันแบบนี้ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดการณ์ของเขา

แม้แต่ในสุสานจูหลง พลังงานที่แข็งแกร่งกว่านี้เป็นร้อยเท่า เขาก็เคยสัมผัสมาแล้ว

“ถังโจว ถือว่านายได้สิ่งที่ต้องการแล้วนะ”

หลี่ฝางคิดแบบนี้ และก็หันหลังบินลงไปด้านล่าง

เมื่อหลี่ฝางเข้ามาใกล้ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างภูเขาที่เบียดเสียดยัดเหยียด ทันใดนั้นก็เว้นที่ว่างกว้างใหญ่ให้หลี่ฝาง

ด้วยความยิ่งใหญ่ ทำให้คนพวกนี้ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้

ส่วนเจิ้งชิงในตอนนั้น ก็อ่อนแรงไปทั้งร่าง ชะตากรรมของตระกูลตัวเองหลังจากนี้ เขาก็พอจะคาดการณ์ได้บ้างแล้ว

แต่ไม่ทันใดรอให้เขาพูดอะไร จู่ๆ ก็เห็นหลี่ฝางเดินไปทางกลุ่มคน

ทันใดนั้น ผู้ชมที่อยู่ทางนั้นทั้งหมดก็แหวกทางให้ แสดงให้เห็นซุนเฟยที่ใบหน้าแดงเป็นรอยห้านิ้ว น้ำตาไหลติ๋งๆ

“ใครตบ?” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับสามารถแช่แข็งวิญญาณคนได้เลย

พลังงานที่น่ากลัวแบบนี้ ทันใดนั้นก็ทำให้เจิ้งเหวินจุ้นที่ซ่อนอยู่ในฝูงคนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา

วินาทีแบบนี้ก็ถูกหลี่ฝางสังเกตเห็น สายตาคู่ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและเย็นชาสุดๆมองไป ทำให้เจิ้งเหวินจุ้นถึงกับหวาดกลัวและลงไปคุกเข่ากับพื้น

“ดี ดีมาก” หลี่ฝางยิ้มอย่างโมโหสุดๆ

ในตอนนั้นเจิ้งเหวินจุ้น ถึงแม้จะตกใจจนร่างกายอ่อนปวกเปียก แต่ก็ยังคงเพราะความเย่อหยิ่งที่บ่มเพาะมากว่ายี่สิบปี เขาจึงตะโกนพูดอย่างไม่รู้ตัว: “นายกล้าแตะต้องฉัน ตระกูลเจิ้งไม่ปล่อย……”

เสียงของเขาอยู่ๆ ก็หยุดลง และก็พูดไม่ออกอีกต่อไป

เพราะว่าภายใต้พลังงานของหลี่ฝาง ร่างกายของเขา ได้ถูกบีบเละอย่างกะทันหันแล้ว

หลี่ฝางที่ไม่อยากให้ซุนเฟยเห็นฉากนองเลือดนี้ วินาทีนั้นจึงบังตาของเธอ และยังเอาก้อนเนื้อเละๆ และเลือด เขวี้ยงออกไปไกลร้อยเมตร กระจัดกระจายลงพื้น จะประกอบก็ประกอบไม่ได้

“เหวินจุ้น!”

สายตาที่มองเห็นหลานของตนตายไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง เจิ้งชิงปริปากอย่างแทบจะขาดใจหลังความตายนั้น และตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“หลี่ฝาง!ตระกูลเจิ้งกับแกไม่ตายไม่เลิกรา!” เจิ้งชิงตะคอกอย่างบ้าคลั่งและชี้ไปทางหลี่ฝาง

“ไม่ตายไม่เลิกรา?” หลี่ฝางเอียงหัว จู่ๆ บนใบหน้าก็ฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นจนแทบบ้า

“นายแน่ใจเหรอ?”

เมื่อเห็นหลี่ฝางก้าวเท้าเข้ามา ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเจิ้งชิงก็รีบออกมายืน และพูดเสียงเบา: “คุณหลี่ พอเถอะ ตระกูลเจิ้งไม่สามารถ……”

ผู้ชายคนนี้คือผู้ว่าการเมืองตง สาเหตุที่เขาออกมาห้ามนั้นง่ายมาก เพราะความสัมพันธ์เศรษฐกิจระหว่างตระกูลเจิ้งกับเมืองตงนั้นใหญ่มาก ถ้าหากตระกูลเจิ้งนั้นถูกทำลายล้าง เกรงว่าทั้งเมืองตงจะวุ่นวายกันหมด

“นายก็จะมาห้ามฉัน?” ตาสองข้างของหลี่ฝางหรี่ลง เหลือบมองผู้ชายคนนั้น แค่เหลือบมอง ผู้ว่าการใหญ่เมืองตงที่ธรรมดาดูยิ่งใหญ่ นั้นก็ลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น เหงื่อตกพลางก้มหน้าลง

วินาทีเมื่อครู่ เขารู้สึกได้ถึงความตาย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท