NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1124 มีแขกมาเยื่อน

บทที่ 1124 มีแขกมาเยื่อน

“คุณชายลู่ครับ เพื่อนคนหนึ่งของผมมาแล้ว ผมไปคุยกับเขาก่อน ขอตัวนะครับ” เมื่อบรรลุเป้าหมาย ซูจื้อเย่ทักทายเสร็จก็จากไปทันที

แน่นอน เขาเพียงแค่หาข้ออ้างเท่านั้นเอง แล้วพาพรรคพวกมาอยู่ที่ที่ไม่สะดุดตา และมองดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นเอง

“มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว” พวกเขาสบตากัน ต่างก็มองแววความไม่ประสงค์ดีของอีกฝ่ายออก

และหลังจากที่พวกซูจื้อเย่ได้จากไป ลู่เผิงเฟยครุ่นคิดอยู่สักพัก ท้ายที่สุดแล้วยังคงยกเท้าก้าวเดินเข้าไปทางฟางหยู่ถง

เขาจะมองความคิดของคนอย่างซูจื้อเย่ไม่ออกได้ยังไงกัน เพียงแต่วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดคุณย่าของฟางหยู่ถง ยังไงเขาก็ต้องเจอกับฟางหยู่ถง สู้เข้าไปทักทายตอนนี้ยังจะดีกว่า

ทางด้านฟางหยู่ถงในเวลานี้ ทั้งสี่คนกำลังนั่งล้อมทานผลไม้บนโต๊ะอาหาร

หลี่ฝางนั้นทานอย่างมีความสุข ข่งจูและสวู่เจินเจินกลับรู้สึกขายหน้ามาก เพราะยังไงซะในงานเลี้ยงเช่นนี้ ผลไม้พวกนี้ไม่ได้มีไว้ทานสักหน่อย แต่เอามาเพื่อประดับต่างหาก

ไม่นาน ทั้งสองคนก็ทนไม่ไหวขึ้นมา แล้วกระซิบกับฟางหยู่ถง: “พวกเราทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า ที่นี่คนเยอะแบบนี้……”

ในวโรกาสเช่นนี้ ไม่มีใครทานผลไม้บนโต๊ะนี้หรอก มีเพียงหลี่ฝาง ที่ไม่เพียงแค่ทาน แถมยังเพื่อทานได้อย่างเต็มที่ ยังเรียกให้คนเอาเก้าอี้มาให้นั่งทานอย่างช้า ๆ

ฟางหยู่ถงกล่าวกับพวกสวู่เจินเจินด้วยความเขินอายเล็กน้อย: “พวกเธอไปคุยกับคนอื่นก่อนดีไหม ฉันนั่งเล่นอยู่ตรงนี้สักพักก่อน”

“อย่าเลย พวกเราอยู่ที่นี่ดีกว่า” ข่งจูกล่าวด้วยท่าทางเศร้าสร้อย: “จะทิ้งเธอไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก”

กล่าวอยู่แบบนี้ เธอยิ่งไม่พอใจหลี่ฝางเข้าไปใหญ่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา: “หยู่ถง เขาใช้ยาเสน่ห์อะไรใส่เธอกันแน่ถึงทำให้เธอหลงขนาดนี้? แปลกแบบนี้เธอก็ยังอยู่ข้างเขาไม่ยอมจากไปไหน”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ทำไมแค่ทานผลไม้ก็เป็นปัญหาขึ้นมาได้

“ข่งจูพูดจาโผงผางไปหน่อย คุรอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ” ฟางหยู่ถงกล่าวปลอบใจหลี่ฝาง

“หึ!” ข่งจูหันหน้าหนีไปอย่างไม่ชอบใจนักไม่อยากมองหลี่ฝางอีก ทว่าไม่นานเธอก็เห็นเงาร่างของลู่เผิงเฟย และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

ได้ยินเสียงร้องของข่งจู ทุกคนต่างมองไปอย่างอดไม่ได้ พบว่าลู่เผิงเฟยกำลังเดินมาทางนี้จริง ๆ

“ดูเหมือนว่าจะต้องเพิ่มเก้าอี้อีกตัวซะแล้ว” หลี่ฝางลูบคางกล่าว

“อะไรกัน คุณคิดว่าลู่เผิงเฟยจะนั่งกินดื่มอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์อยู่ที่นี่เหมือนคุณหรือไง” ข่งจูเบ้ปากกล่าว

หลี่ฝางกล่าวด้วยความจนใจเล็กน้อย: “ผมแค่ทานผลไม้เอง ไม่รักษาภาพลักษณ์ตรงไหน”

“หึ ทานผลไม้ไม่ดูสถานการณ์เลยหรือไง? ตัวคุณเองจะไม่ใส่ใจก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้คุณปรากฏตัวที่นี่ในฐานะแฟนของหยู่ถง คุณทำแบบนี้ไม่ทำให้หยู่ถงต้องถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรอกเหรอ?”

ข่งจูเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับฟางหยู่ถงด้วยความโมโห

“พอแล้ว ข่งจู เธอเองก็พูดน้อย ๆ หน่อย” ฟางหยู่ถงรีบกล่าวโน้มน้าว

ข่งจูงเหลือบตามองบนให้กับหลี่ฝางด้วยความโมโหเล็กน้อย และจู่ ๆ ก็หันไปถามฟางหยู่ถง: “หยู่ถง ทำไมตอนที่ลู่เผิงเฟยตามจีบเธอ เธอถึงไม่ตอบตกลงล่ะ?”

“เรื่องนี้……” ฟางหยู่ถงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

มันก็จริง ลู่เผิงเฟยนั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานะครอบครัวหรือรูปลักษณ์ภายนอกรวมไปถึงความสามารถเฉพาะตัว ต่างก็อยู่ในอันดับต้น ๆ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตนของลู่เผิงเฟย รวมทั้งการทะนุถนอมชื่อเสียงของตัวเองที่ไม่เหมือนกับคุณชายในระดับเดียวกันคนอื่น ๆ

สามารถพูดได้ว่า ลู่เผิงเฟยคนนี้สมบูรณ์แบบไร้ตำหนิ

แต่ก็เพราะความสมบูรณ์แบบที่มากเกินไปของลู่เผิงเฟย ดังนั้นในตอนที่เขาตามจีบตัวเอง จึงทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ความรู้สึกไม่จริงเช่นนี้มาพร้อมกับความรู้สึกห่างเหินของระยะห่าง ทำให้ฟางหยู่ถงแปลกใจเป็นพิเศษ เธอเองก็เคยลองดูเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีตรงไหนที่ลู่เผิงเฟยทำให้เธอรู้สึกใจเต้นเลยสักนิด

ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธลู่เผิงเฟยไป เพราะเธอกลัวว่าถ้ารับปากลู่เผิงเฟยไปแล้ว เธอจะต้องมีชีวิตที่ไร้รสชาติแบบนี้ไปตลอด

แต่ทว่า ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ หลังจากที่ได้รู้จักกับหลี่ฝาง เธอกลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกใจเต้นได้อย่างน่าแปลกใจ

ก็เพราะความรู้สึกแบบนี้ ถึงทำให้เธอใกล้ชิด และคล้อยตามหลี่ฝางเช่นนี้

หรือแม้แต่ เธอยังแอบคาดหวังอยู่ในใจว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในตอนนี้ จะเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เพียงแค่ละครตบตา

ไม่นาน ลู่เผิงเฟยก็ได้เดินเข้ามา นอกจากฟางหยู่ถงแล้ว ข่งจูกลับมีท่าทางตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นข่งจูมีท่าทางแบบนี้ หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามฟางหยู่ถง: “สาวน้อยคนนี้คงไม่ได้ชอบลู่เผิงเฟยหรอกนะ?”

“ใช่แล้ว” ฟางหยู่ถงพยักหน้าอย่างจำใจเล็กน้อย

ส่วนในเวลานนี้ลู่เผิงเฟยกลับกำลังจ้องฟางหยู่ถงเขม็ง ในดวงตาคู่นั้นของเขาไม่มีคนอื่นอยู่เลย เขากล่าวกับฟางหยู่ถง: “ไม่เจอกันนานเลยนะ หยู่ถง”

“นั่นน่ะสิคะ พี่เผิงเฟย” ฟางหยู่ถงกล่าวกับลู่เผิงเฟยด้วยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท

จากนั้น ลู่เผิงเฟยก็ได้หันไปทักทายข่งจูและสวู่เจินเจินอย่างเรียบ ๆ ข่งจูใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ตื่นเต้นดีใจอย่างสุดขีด

ท้ายที่สุด ในตอนที่ลู่เผิงเฟยเลื่อนสายตาไปที่หลี่ฝางจริง ๆ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นมีสีสันขึ้นมาอย่างสุดขีด เขาชะงักงันไปทันที

ส่วนข่งจู่ที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของลู่เผิงเฟย นึกว่าท่าทางไม่มีมารยาทของหลี่ฝางทำให้ลู่เผิงเฟยตกใจ จึงรีบกระซิบกับหลี่ฝาง: “นี่ รีบทักทายเร็วเข้า หยุดกินได้แล้ว!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท