NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1130 ถูกจำได้เข้าให้แล้ว

บทที่ 1130 ถูกจำได้เข้าให้แล้ว

และในตอนนี้เองฟางหยู่ถงก็ได้เดินเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้มอิดออดบนใบหน้า

“พวกเจินเจินไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” ฟางหยู่ถงเอ่ยถาม

“ไม่ ผมจะหน้าไม่อายรั้งให้พวกเธออยู่เป็นเพื่อนผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่งได้ยังไง?” หลี่ฝางยิ้ม เห็นฟางหยู่ถงสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก เลยเอ่ยถาม: “เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรที่รบกวนใจขึ้นงั้นเหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอก” ฟางหยู่ถงส่ายหัว ไม่ได้บอกคำพูดในใจของตัวเองออกมา

เพราะถึงยังไง สถานะของหลี่ฝางก็เป็นเพียงการแสดงละครชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่แฟนจริง ๆ สักหน่อย อารมณ์ความรู้สึกของเธอ ไม่เหมาะที่จะเล่าให้หลี่ฝางฟัง

ฟางหยู่ถงไม่พูด ก็ไม่ค่อยจะดีนักถ้าหลี่ฝางจะถามต่อ จึงจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจก่อน

ในตอนนี้เอง ฟางจื้อก็ได้เห็นหลี่ฝางและฟางหยู่ถงอยู่ด้วยกันจากที่ที่ไม่ไกลออกไปนัก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพินิจพิจารณาหลี่ฝาง

ก่อนหน้านี้เพราะความรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงไม่ได้พินิจพิจารณาหลี่ฝางอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงไม่พบความผิดปกติใด ๆ ของหลี่ฝาง

แต่ทว่าในตอนนี้ เขาก็ได้ค่อย ๆ ค้นพบความแตกต่าง

ถึงแม้ดูเผิน ๆ แล้วหน้าตาของหลี่ฝางไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ทว่ายิ่งดูนาน ๆ ไป ยิ่งพบว่าหลี่ฝางนั้นยากที่จะหยั่งถึง ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถมองออก

และยิ่งดู ๆ ไป ฟางจื้อก็รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลได้แผ่ซ่านออกมาจากตัวหลี่ฝาง กลายเป็นความกดดันทับถมเข้าที่ร่างของเขาเป็นชั้น ๆ ทำเขาค่อย ๆ รู้สึกว่าแทบจะทนรับไม่ได้

ในตอนที่ฟางจื้อกำลังคิดว่าตัวเองจะต้องคุกเข่าลงไปบนพื้นนั้นเอง จู่ ๆ เสียงของหลี่ฝางก็ได้ดังขึ้นมา

“คุณลุงครับ คุณลุงมองผมอยู่ตรงนี้ตั้งนาน มีอะไรอยากจะถามผมหรือเปล่าครับ?”

จากคำพูดประโยคนี้ของหลี่ฝาง แรงกดดันมหาศาลของเขาก็ได้หายวับไปทันที

วินาทีนี้ สายตาที่ฟางจื้อมองหลี่ฝาง ก็ไปเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

ชายหนุ่อายุยังน้อยคนนี้ ไปเอาพลังรัศมีที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาจากที่ไหนกัน?

ในตอนที่ฟางจื้อกำลังลังเล ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากยังไงอยู่นั่นเอง จู่ ๆ หลี่เฉิน หยางเทียนลี่ และเจ้าพ่อคนนั้นทั้งสามคนก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกัน

ทันทีทันใด มุมเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ได้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย

ได้ยินเพียงเจ้าพ่อที่มีชื่อว่าเหอกวงคนนั้นเอ่ยขึ้นเป็นอันดับแรก: “พี่ฟาง ก่อนหน้านี้พูดซะดิบดีไม่ใช่เหรอว่าจะแนะนำลูกสาวให้กับลูกชายของผม ตอนนี้นับว่ายังไงกันล่ะทีนี้?”

เมื่อได้ยินเหอกวงเอ่ยปาก หลี่เฉิน คุณพ่อของซูจื้อเย่ของก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา: “พี่ฟาง ลูกชายของผมชอบพอหยู่ถง ไม่มีใครไม่รู้ คุณควรจะให้โอกาสเขาสักครั้งใช่ไหม?

กล่าวไป เขาก็พลางกวาดตามองหลี่ฝางอย่างเหยียดหยาม

ฟางจื้อเผชิญหน้ากลับทั้งสองคน ก็เกิดลังเลตัดสินใจไม่ได้ขึ้นมาทันที

เพราะถึงยังไงทั้งสองตระกูลนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ มันทำให้เขาตัดสินใจไม่ได้ เลือกยากมากจริง ๆ

สำหรับข้อสงสัยที่มีต่อหลี่ฝางเมื่อสักครู่นั้น เพราะคำถามที่โพล่งออกมาของคนทั้งสอง จึงทำให้เขาได้สะบัดมันออกจากสมองไปในทันที

และทั้งสามคนที่เดินเข้ามาในตอนนี้ มีเพียงหยางเทียนลี่ที่ไม่ได้เอ่ยปาก พลันทำให้อีกสองคนนั้นรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที

“พี่หยาง คุณไม่ได้มาเพราะลูกชายของคุณหรอกเหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” เหอกวงเอ่ยถาม: “คงไม่ใช่เพราะหยู่ถงมีแฟนแล้ว คุณก็เลยล้มเลิกความคิดนี้ไปหรอกใช่ไหม?”

“โถ่เอ๊ย นั่นเพียงแค่พวกเด็ก ๆ เขาเล่นกัน แฟนไม่แฟนอะไรกันล่ะ” ฟางจื้อรีบกล่าวทันที: “พี่หยางอยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรง ๆ เลย ตระกูลฟางของผมไม่รับรปภ. เล็กแบบนี้เป็นเขยให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรอก!”

ได้ยินคำพูดของพ่อตัวเอง จู่ ๆ ฟางหยู่ถงก็ทนไม่ได้ขึ้นมาอีกครั้ง ดึงหลี่ฝางเตรียมจะจากไป

ในเวลานี้ฟางจื้อกลับไม่มีเวลาจะมาสนใจอารมณ์ลูกสาวของตัวเอง แต่กำลังมองไปที่หยางเทียนลี่ด้วยอย่างรอคอยเล็กน้อย

เพราะถึงยังไง ตระกูลหยางก็ได้ปีนป่ายเข้าหาปรมาจารย์กำลังภายในสำเร็จ ตำแหน่งในอนาคตจะต้องสูงขึ้นเรื่อย ๆ แน่ เกรงว่าทั่วทั้งเมืองจินซาน คงไม่มีอิทธิพลใด ๆ ที่จะสามารถขัดขวางการพัฒนาของตระกูลหยางได้

ตอนนี้ในสายตาของฟางจื้อ ตระกูลหยางถึงเป็นตัวเลือกอันดับแรก ถ้าหากหยางเทียนลี่ก็มาเพื่อขอลูกสะใภ้ให้กับลูกชายตัวเองเหมือนกันล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็จะตัดสินใจได้ในทันที

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฟางจื้อ สายตาของหยางเทียนลี่ยิงผิดแปลกไปกว่าเดิม

ตอนนี้สายตาที่เขามองฟางจื้อนั้นราวกับกำลังมองไอ้โง่คนหนึ่งอยู่ แฟนของลูกสาวตัวเองนั้นเป็นใครมาจากไหน ไปสืบมาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยพูดไม่ได้เหรอ?

เพียงแค่ฟางจื้อไปสืบหาข้อมูลมาสักเล็กน้อย หลี่ฝางที่เป็นหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้เป็นคนในบริษัทของหยางฉง และสืบให้ลึกเข้าไปอีกนิด ก็จะสามารถรู้ตัวตนที่แท้จริงของหลี่ฝางได้แล้ว

ยังจะมาพนักงานรักษาความปลอดภัยเล็ก ๆ? ยังจะมาลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง? ดูนายวาดฝันซะสวยงามเลย!

แต่ทว่าคำพูดเหล่านี้เขาจะไม่พูดออกมาหรอก เพราะถึงยังไงก็มีการเตือนที่ไร้เสียงจากหลี่ฝาง เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรมั่วซั่วหรอกนะ

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไรกัน ตระกูลของเขาพึ่งจะอาศัยความสัมพันธ์ของหยางฉงถึงได้สร้างความสัมพันธ์กับหลี่ฝางได้แท้ ๆ ตอนนี้หลี่ฝางได้มามีความสัมพันธ์กับลูกสาวตระกูลฟาง จะให้เขาเอ่ยปากผลักไสภูเขาที่คอยหนุนหลังลูกนี้ออกไปได้ยังไง

“คุณพูดสักคำสิ เหล่าหยาง?” ฟางจื้อกล่าวอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย

หยางเทียนหลี่หมดคำจะพูดจริง ๆ ตอนนี้เขายังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?

“นายท่านเย่นมาแล้ว!”

ณ เวลานี้พลันมีเสียงตะโกนดังลอยมาจากด้านนอก ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะมองไปทางนั้น ก็เห็นว่าผู้ชายรูปร่างใหญ่โตคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพลางหัวเราะเสียงดัง

“เป็นนายท่านเย่นจริง ๆ ด้วย!” จู่ ๆ ฟางจื้อก็อุทานขึ้นมา และกล่าวอย่างรีบร้อน: “ไปต้อนรับนายท่านเย่นกันก่อน!”

ทันทีทันใด ทุกคนต่างก็ได้วางเรื่องราวตรงหน้าลง และเดินไปทางดด้านนอกพร้อมกัน

การต้อนรับเช่นนี้ แม้แต่ในระดับเดียวกันกับนายท่านหวางอย่างเหอกวงก็ไม่สามารถสัมผัสได้

สืบหาสาเหตุ ง่ายนิดเดียว เหอกวงเป็นเพียงกำลังภายนอกช่วงหลัง แต่นายท่านเย่น กลับเป็นแดนสุดกำลังภายนอก ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่ง อาจกลายเป็นปรมาจารย์ในยุทธภพก็ได้

นายท่านเย่นที่มีอายุเพียงสี่สิบกว่าในวันนี้ เพียงแค่สำเร็จถึงขั้นปรมาจารย์ ก็จะกลายเป็นผู้รักษาการด้านหนึ่ง มีอนาคตที่ยาวไกลจริง ๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท