NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1161 นายท่านหยางจากไปแล้ว

บทที่ 1161 นายท่านหยางจากไปแล้ว

ในขณะนั้น ภายใต้การจับตามองของคนในงาน ในมือของหลี่ฝางก็ค่อยๆ รวมพลังงานจนเกิดมีดเล่มเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ

ทันใดนั้นก็มีคนจำได้ ว่ามีดเล่มเล็กนั้นกับมีดเล่มที่สับภูเขาแยกออกจากกัน มันเหมือนกันเปี๊ยบ แต่แค่หดเล็กลงมาหลายเท่าแค่นั้น

เมื่อเห็นภาพนี้ ก็มีคนอยู่สองคนขยับพร้อมกัน

คนนึงคือหลิวฮุย เขากระโดดขึ้นไปบนเวทีสูง และกดไหล่ของหลี่ฝางไว้ อยากให้เขาได้สติกลับมา

แต่ว่าไม่รอให้เข้าประชิดตัวหลี่ฝาง หลิวฮุยก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่น่ากลัวสุดขีดบางอย่าง บินพุ่งเขามาที่ตัวเขา และกระแทกลงไปกับพื้น ทันใดนั้นพื้นก็แตกด้วยรอยแตกในแนวรัศมีที่นับไม่ถ้วน

อีกคนคือส้งหมิง เข้าพุ่งออกไป ออร่าแผ่กระจายไปทีละชั้น พลังทั้งหมดหดลงไป เตรียมตัวสกัดกั้นการโจมตีของหลี่ฝางที่จะโจมตีออกมาเมื่อไหร่ก็ได้

ขณะที่เข้าพุ่งตัวเข้าไป มีดเล็กในมือหลี่ฝางก็บินออกไป พอดีกับที่ส้งหมิงเข้ามาบังไว้

วินาทีต่อมา ก็มีเสียงที่คมชัดของทองและเหล็กประสานกัน ออร่าของส้งหมิงถูกทะลุทะลวงทันที จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกเจาะทะลุไปพร้อมกัน การสกัดกั้นของเขาดูเหมือนจะไม่เกิดผลเลย!

“อั่ก!” ส้งหมิงกระอักเลือดสดๆ ออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เขาคิดไม่ถึง ว่าเขาป้องกันสุดกำลัง เขายังไม่สามารถหยุดการโจมตีแบบสบายๆ ของหลี่ฝางได้เลยด้วยซ้ำ

ยังดีที่ว่า มีดนั้นแทงถูกซี่โครงของเขา ไม่ใช่บาดแผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ด้วยพละกำลังอันทรงพลังของปรมาจารย์กำลังภายใน เขาจึงไม่ตาย

ส่วนมีดเล่มเล็กหลังจากที่ทะลุผ่านร่างส้งหมิงไปแล้ว จู่ๆ ก็หยุดกลางอากาศ จากนั้น ก็ค่อยๆ สลายหายไป

และสิ่งที่สลายหายไปพร้อมกัน ก็ยังมีพลังงานอาฆาตที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถงนี้

จากนั้น หลี่ฝางก็พูดอย่างเบาๆ ด้วยน้ำเสียงล้าๆ และไม่แยแส: “ลุกขึ้นเถอะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ในใจของจางหมิงเจ๋ก็รู้สึกราวกับรอดพ้นมาจากความตาย และพูดไปทางหลี่ฝางรัวๆ : “ขอบคุณมากครับคุณหลี่ ขอบพระคุณมากครับคุณหลี่!”

เขาพูด พลางรีบลุกขึ้น ไม่แม้แต่จะสนใจเช็ดเลือดบนหน้าผาก และลากคนในครอบครัวรีบวิ่งออกจากโรงแรมไป

ในตอนนั้นไม่มีใครสนใจการจากไปของจางหมิงเจ๋ ทุกคนค่อยๆ รู้สึกโล่ง รู้สึกว่าตนรอดแล้ว

เพียงชั่วพริบตาหลี่ฝางก็พุ่งเข้าไปปรากฏตัวด้านหน้าส้งหมิง และพยุงส้งหมิงที่อ่อนแอเล็กน้อย พลางมองท่าทีตอนกระอักเลือดของเขา และพูดอย่างรู้สึกขอโทษ: “ขอบคุณนะ”

โชคดีที่ส้งหมิงมาป้องกันเอาไว เขาถึงไม่ได้ลงมือฆ่าคนไปจริงๆ

ไม่อย่างนั้น ขอแค่ฆ่าไปคนแรก แรงอาฆาตก็จะปะทุออกมา เกรงว่าถึงตอนนั้น คนที่อยู่ในห้องโถงนี้คงจะไม่มีชีวิตรอดไปแม้สักคนเดียว

“งานเลี้ยงครั้งนี้สิ้นสุดแล้ว” หลี่ฝางลุกขึ้น และพูดอย่างเย็นชา

ในตอนนี้ส้งหมิงและหลิวฮุยต่างได้รับบาดเจ็บ งานเลี้ยงครั้งนี้หลี่ฝางไม่มีอารมณ์จัดต่อไปแล้ว

“ฉันพานายไปส่งโรงพยาบาล”

พูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็พาส้งหมิงกับหลิวฮุยออกไป

เหลือเพียงกลุ่มคนในห้องโถงที่ยืนมองหน้ากัน สุดท้ายก็ยิ้มเจื่อนๆ อย่างไร้หนทาง

แม้แต่ปรมาจารย์กำลังภายในก็เกือบถูกฆ่าภายในวินาทีเดียว แบบนี้เป็นพละกำลังที่น่ากลัวจนพวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ และเป็นอีกครั้งที่ทำทุกคนช็อก

……

ไม่นาน ส้งหมิงกับหลิวฮุยก็ถูกทำแผลเรียบร้อย

หลิวฮุยยังดี แผลของส้งหมิงนั้นหนักกว่าเล็กน้อย มีดเล่มนั้นของหลี่ฝางมีกำลังภายในและแรงอาฆาตอยู่ในนั้น ทำให้อวัยวะภายในของเขานั้นถูกกัดกร่อน

ในตอนนี้ส้งหมิงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ในหัวก็ไม่หยุดคิดถึงภาพที่หลี่ฝางลงมือ

ความแข็งแกร่งของหลี่ฝาง ทำให้เขาไม่เข้าใจ มันเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่สมเหตุสมผลเลย

“นายไม่เป็นไรนะ?” หลี่ฝางที่นั่งอยู่ด้านข้างถาม

ส้งหมิงนึกถึงตอนแรกที่อยู่ที่ตระกูลชิว ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะแข็งแกร่ง อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังสามารถมองเห็นว่าความแตกต่างของทั้งสองคนนั้นมากขนาดไหน ยังพอเห็นความหวังที่จะเร่งตามขึ้นไป

แต่ว่าตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าความสามารถของทั้งสองที่แท้จริงนั้นห่างชั้นกันมากมายขนาดไหน

ส้งหมิงยิ้มเจื่อนๆ และถามอย่างอดไม่ได้: “ตอนนี้นายแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?”

เมื่อเห็นรอยยิ้มเจื่อนๆ ของส้งหมิง หลี่ฝางก็ถอนหายใจอย่างไร้เสีย

“ความแตกต่างระหว่างครึ่งเทพกับจอมยุทธแดนเต๋านั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อเทียบระหว่างการฝึกวิทยายุทธขั้นแรกจนมาถึงแดนเต๋านั้นความต่างนั้นมันใหญ่กว่ามาก

ร่างกายของฉันในตอนนี้ เกรงว่าเป็นแต่ยีนยังถูกเปลี่ยนไปเลย ร่างกายยังเป็นมนุษย์อยู่มั้ยฉันยังไม่กล้ายืนยันเลย”

ได้ยินหลี่ฝางพูดแบบนี้ ส้งหมิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกยาวอีกครั้ง

“มนุษย์กับเทพ มีช่องว่างที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้จริงๆ สินะ!น่าเสียดาย ฉันไม่สามารถเห็นวันนั้นได้แล้ว”

ส้งหมิงถอนหายใจ และถามขึ้นอีกครั้ง: “หลังจากนี้นายคิดจะทำอะไร?”

“กลับไปบ้านสักรอบก่อน จัดการเรื่องบางอย่าง จากนั้นก็ฝึกความเคยชินกับพลังของครึ่งเทพ และก็แสวงหาขั้นสูงต่อไป” หลี่ฝางพูดไปตามจริง

“ได้ยินว่ากู่ยี่เทียน ก็ได้ปลีกวิเวกและพยายามฝึกเพื่อบรรลุครึ่งเทพมานานมากแล้ว ด้วยนิสัยของเขาแบบนี้ ไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์แบบนี้” ส้งหมิงพูด

“ใช่แล้ว ถึงยังไงการต่อสู้ครั้งใหญ่ระดับโลก ก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว” หลี่ฝางถอนหายใจพลางพูด “ยุคการครองอำนาจของครึ่งเทพ ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว”

ในขณะนั้น โทรศัพท์บนตัวของหลี่ฝางก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นหยางฉงที่โทรมา หลี่ฝางรู้สึกว่าไม่ปกติ จึงรีบรับสาย

“หลี่ฝาง คุณปู่ของฉัน……”

เมื่อได้ยินเสียงหยางฉงร้องไห้พูดไม่รู้เรื่อง ในใจของหลี่ฝางก็หนักอึ้ง ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

นายท่านหยางเสียแล้ว

“หลี่ฝาง ทำยังไงดี……”

หยางฉงถามพลางสะอื้น

“เธอย่าเพิ่งรีบร้อน ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้นหลี่ฝาง ก็รีบพูดขึ้น: “ส่งนายท่านให้จากไปอย่างสงบเถอะ ให้คนในบ้านเธอคอยระมัดระวังตัวไว้ ถ้าหากมีปัญหาอะไร ก็ไปหาโจวซู รอฉันกลับไป!”

“นายรักษาตัวไปก่อนนะ!จากนี้ฉันค่อยกลับมาเยี่ยมนาย”

วางสายไป หลังจากหลี่ฝางพูดกับส้งหมิงแล้ว จึงรีบออกจากห้องผู้ป่วยไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท