NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1175 ขายห้อง

บทที่ 1175 ขายห้อง

ท้องฟ้านั้นเปลี่ยนสีไป มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาผ่านหน้าต่าง หลี่ฝางนั่งอยู่ที่พื้นห้องรับแขกอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีหมอกวนอยู่รอบๆ ในห้องนั้นเหมือนจะมีกลิ่นหอมของควันอย่างชัดเจน

พอจะเดาได้จากใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนของหลี่ฝางได้ไม่ยาก เมื่อวานเขานอนไม่หลับ โทรศัพท์นั้นอยู่ในหน้าของโทรศัพท์มาตลอด ด้านบนนั้นเป็นเบอร์ที่เขาคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรแล้ว

คืนนี้เขาคิดว่าอยากจะโทรหาฉินวี่เฟยดีไหม ในใจก็สับสนเป็นอย่างมาก เขานั่งอยู่อย่างนั้นอย่างคิดอะไรไม่ออกทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสาง เขาถึงจะขยับร่างกาย

เพราะนั่งอยู่นานขาทั้งสองข้างเลยชาไปหมด หลี่ฝางเสียแรงไปมากก่อนจะลุกขึ้นมาได้ เพราะเลือดนั้นมันเดินไม่สะดวก ขาทั้งสองข้างเลยมีท่าทีแปลกๆเป็นอย่างมาก

จู่ๆ ที่ประตูก็มีเสียงดังเข้ามา เหมือนมีคนกำลังไขประตูอยู่

“วี่เฟย?!” หลี่ฝางมองออกไปด้านนอกด้วยความดีใจ เขายังคิดว่าฉินวี่เฟยกลับมาแล้ว เลยเดินเข้าไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากที่เห็นอย่างชัดเจนแล้วก็ต้องหยุดก้าวเดิน พลางมองหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าดำคร่ำเครียด “คุณเป็นใคร?ทำไมถึงมีกุญแจที่นี่ได้?”

บ้านนี้เป็นที่หวานชื่นของฉินวี่เฟยและหลี่ฝาง ขนาดครอบครัวของฉินวี่เฟยยังไม่มีกุญแจเลย แล้วหญิงวัยกลางคนคนนี้คืออะไรกัน?

หญิงวัยกลางคนเองก็ตกใจเพราะหลี่ฝาง เห็นเพียงเธอตบหน้าอกของตัวเอง ก่อนจะกลอกตาใส่หลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นด้วยความติดสำเนียงเสฉวน

“ฉันตกใจหมดเลยจริงๆ คุณนี่เป็นอะไรกันแน่ ในห้องเองก็ไม่เถียงอะไร เมื่อเห็นความรกรุงรังของคุณแล้ว อายุเท่านี้ก็ไม่รู้จักเก็บกวาดแล้วเหรอ”

หลี่ฝางแอบตรวจสอบความสามารถของหญิงวัยกลางคนเล็กน้อย หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเธอเป็นคนธรรมดาก็เลิกระแวง “คุณป้า นี่เป็นห้องของแฟนสาวฉันชื่อฉินวี่เฟย คุณมีกุญแจที่นี่ได้อย่างไร?”

“อ๋อ คือคุณหนูวี่เฟยให้ฉันมาเอง เธอบอกว่าเธอไม่เอาห้องนี้แล้ว ให้ขายในราคาถูกเลย ฉันเป็นนายหน้า หลังจากที่เอากุญแจมาแล้วก็มาดูสักหน่อย” หญิงวัยกลางคนพูดพลางเดินไปมาในห้อง กวาดตามองเล็กน้อย ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ

“ห้องนี้ไม่เลวเลยจริงๆ ที่ตั้งก็ดีไม่น้อยเลย ถึงจะเป็นมือสอง แต่ว่าตกแต่งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว น่าจะขายได้ราคาดีเลยล่ะ”

หลี่ฝางในตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เดาไม่ถูกว่าฉินวี่เฟยเพิ่งจะบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใยเมื่อวาน วันนี้กลับมาขายบ้านแห่งรักหลังนี้เลยเหรอ

เธอนั้นเกลียดตัวเองขนาดนั้นเลยหรือไง?

“ไม่ได้ คุณจะขายบ้านหลังนี้ไม่ได้นะ!” หลังจากที่หลี่ฝางมีสติกลับมาก็รีบจับแขนของหญิงวัยกลางคนเอาไว้ พลางตะโกนเสียงดังด้วยอารมณ์ตื่นตัว

“โอ้ๆ จะตายอยู่แล้ว!รีบปล่อยมือนะ ปล่อยมือ!” คนธรรมดาจะรับแรงของหลี่ฝางไหวได้อย่างไรกัน หญิงวัยกลางคนถูกเขาจับจนร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของหญิงวัยกลางคน หลี่ฝางถึงได้ปล่อยมือออก “คุณป้า ฉันซื้อห้องนี้เอง คุณบอกราคามาเลย”

นี่เป็นบ้านแห่งรักของหลี่ฝางกับฉินวี่เฟย เขาไม่มีทางให้คนอื่นเข้ามาอยู่แทน ในเมื่อฉินวี่เฟยอยากขาย ตัวเองซื้อเอาไว้ก็ได้

หญิงวัยกลางคนนวดแขนที่เจ็บปวดของตัวเอง ก่อนจะกลอกตาด้วยความไม่สบอารมณ์ “คุณชื่อหลี่ฝางใช่ไหม?คุณหนูวี่เฟยบอกแล้ว ว่าจะขายให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ ดังนั้นคุณรีบเก็บของแล้วไปเถอะ เดี๋ยวผู้ซื้อจะมาดูบ้านแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงวัยกลางคน ในใจของหลี่ฝางก็เจ็บปวดขึ้นมา ฉินวี่เฟยหมายความว่าอย่างไรกันนะ?นี่จะตัดขาดกับตัวเองไปเลยจริงๆ เหรอ?

เมื่อคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอฉินวี่เฟยอีก หลี่ฝางก็ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เลยรีบโทรหาฉินวี่เฟยอย่างไม่คิด แต่เมื่อเสียงโทรติดขึ้นก็ถูกตัดสาย เป็นแบบนี้หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าฉินวี่เฟยนั้นบล็อกเบอร์หลี่ฝางไปแล้ว

“ฉันว่านะหนุ่มน้อย คุณอย่าคิดจะเป็นหมามองเครื่องบินเลย คนอย่างคุณหนูวี่เฟย สวยราวกับนางฟ้าแบบนั้น คนต้องรู้ตัวเองหน่อยถึงจะถูก คุณรีบไปเถอะ ฉันยังต้องจัดของในห้องให้เรียบร้อยอีก”

หญิงวัยกลางคนเห็นหลี่ฝางโทรหาฉินวี่เฟยไม่ติด เลยคิดว่าเขาเป็นคนที่มาจีบฉินวี่เฟยอย่างบ้าคลั่ง ในตาก็มีความไม่แยแสอยู่มาก เลยพยายามไล่ให้หลี่ฝางออกไปสักที

“ของในห้องเธอเองก็ไม่เอาแล้วงั้นเหรอ?” หลี่ฝางมองของที่อยู่ในห้อง พลางถามด้วยความไม่เชื่อ

ต้องรู้ว่าห้องนี้มีของมากมาย เป็นของที่เขากับฉินวี่เฟยจัดแต่งกันมาด้วยใจ ฉินวี่เฟยจะบอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอางั้นเหรอ?

“คุณหนูวี่เฟยเป็นคนรวย ทิ้งขว้างของมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?คุณอย่าขวางการทำงานของฉันเลย รีบไปได้แล้ว ไปๆ ” หญิงวัยกลางคนหมดความอดทนกับหลี่ฝาง และไม่อยากจะเสียเวลาพูดกับหลี่ฝางอีก เลยผลักหลี่ฝางออกไปด้านนอก

“เดี๋ยวก่อน บ้านนี้ฉันซื้อแล้ว ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ฉันก็จะเอา แล้วฉันก็จะให้คุณอีกล้านหนึ่ง เพื่อเป็นค่านายหน้า”

ในเมื่อฉินวี่เฟยจะขาย งั้นเขาซื้อเอาไว้ก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็มีเงิน ไม่ว่าอย่างไรห้องนี้เขาก็จะไม่ยอมให้ใครเด็ดขาด

เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินว่าหลี่ฝางจะให้ตัวเองล้านหนึ่ง นายหน้าก็ใจเต้นแล้ว เลยยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตูอยู่นาน “ค่านายหน้าหนึ่งล้านห้าแสน!ถ้าน้อยกว่านี้ฉันไม่ขาย!ถึงอย่างไรคุณหนูวี่เฟยก็กำชับเอาไว้ว่าห้ามขายให้คุณเด็ดขาด”

“ไม่เป็นไร ฉันจะให้คุณครบทุกบาททุกสตางค์” หลี่ฝางตกลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ท่าทีสบายอารมณ์นี้ทำให้หญิงวัยกลางคนเสียดาย เธอน่าจะเพิ่มเงินให้มากกว่านั้นอีกสักหน่อย!

แต่เงินราวหนึ่งล้านห้าแสนนี้ก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าขายให้คนอื่น อย่างมากก็ได้ค่านายหน้าแค่ไม่กี่แสน หญิงวัยกลางคนคิดออก เลยมีท่าทีที่ดีกับหลี่ฝางเล็กน้อย

“แหะๆ หนุ่มน้อย บ้านนี้ ตามราคาท้องตลาดน่าจะราคาราวๆ แปดล้านเลยล่ะ ถ้าคุณอยากจะซื้อเงินสดล่ะก็ ฉันลดให้คุณได้สิบเปอร์เซ็นต์ รวมค่านายหน้าก็เป็นแปดล้านเจ็ดแสน คุณโอเคไหม?”

หลี่ฝางหยิบเช็กออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเขียนอะไรลงบนนั้นแล้วส่งให้หญิงวัยกลางคน “นี่สิบล้าน เอาเงินแล้วก็ไปได้แล้ว”

พูดให้ถูก หลี่ฝางในตอนนี้ไม่เห็นค่าของเงินแล้ว สิบล้านนั้นสำหรับคนธรรมดามันเป็นตัวเลขที่มากมาย แต่สำหรับเขาขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก มันไม่เท่าไหร่เอง

“เจ้านายนี่ร่ำรวยจริงๆ เลย!สิทธิ์ในการถือครองบ้านหลังนี้เดี๋ยวฉันจะส่งมอบให้คุณเอง!” หญิงวัยกลางคนมองเช็กสิบล้านนั้นก่อนจะยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู จากนั้นก็ถือเช็กก่อนจะโทรให้คนเอาสัญญามา

การใช้เงินแก้ปัญหานั้นมันได้ผลเป็นอย่างมาก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลี่ฝางก็ได้ใส่ชื่อของตัวเองลงในห้องแล้ว เมื่อมองชื่อของฉินวี่เฟยในสัญญา ในใจของเขาก็สับสนเป็นอย่างมาก พลางพูดสิ่งที่รู้สึกออกมาไม่ได้

อันที่จริงเขาเข้าในการกระทำของฉินวี่เฟยดี ถึงอย่างไรตัวเองก็ทำให้ใจของเธอเจ็บ แต่หลี่ฝางกลับไม่ยอม ไม่อยากเป็นคนแปลกหน้ากับฉินวี่เฟย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท