NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1172 สำเร็จกับการเป็นครึ่งเทพขั้นธรรมดา

บทที่ 1172 สำเร็จกับการเป็นครึ่งเทพขั้นธรรมดา

เห็นเพียงกู่ยี่เทียนตะโกนออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นบนหัวของเขาก็มีผนึกอันใหญ่ปรากฏขึ้นมา ผนึกนั้นมันซับซ้อนมากมาย มีทั้งแบบและสัญลักษณ์มากมารวมกัน ก่อนจะมีหมอกสีดำแพร่ออก

ถึงแม้หลี่ฝางจะล้าในตอนนี้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเลิกระแวง พลางจ้องกู่ยี่เทียนที่กำลังเปิดผนึกอยู่

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ตอนที่หลี่ฝางคิดว่ากู่ยี่เทียนกำลังจะล้มเหลวนั้น ผนึกทรงกลมตรงกลางนั้นกลับมีแสงสีทองลอดออกมาจากช่องเล็กๆ ก่อนจะปรากฏออกมาจากรอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ราวๆ สามสี่นาทีได้ ผนึกนั้นเกิดเป็นเหมือนแสงจากดวงดาวเล็กน้อยๆ

กู่ยี่เทียนรวบรวมบรรยากาศรอบๆ กายอย่างยิ่งใหญ่ พลังรอบกายทั้งสี่นั้นรวมเข้าไปในกายของเขา ถึงจะบอกว่าในตอนนี้หลี่ฝางเป็นแดนครึ่งเทพแล้ว แต่เมื่อได้เห็นระดับธรรมดาของกู่ยี่เทียนแล้ว ในใจก็มีความสะท้านไม่เบา

เขารู้มาตลอดว่ากู่ยี่เทียนนั้นเก่งกาจไม่เบา อายุเพียงเท่านี้ก็เป็นถึงแดนครึ่งเทพ พรสวรรค์แบบนี้นั้นหาได้น้อยมากบนโลกใบนี้ หลี่ฝางมีความอิจฉาเล็กน้อย

ผ่านไปราวๆ สิบกว่านาที พลังรอบๆ กู่ยี่เทียนถึงจะค่อยๆ กระจายหายไป เมื่อเขาเก็บพลังบริสุทธิ์สุดท้ายไปจนหมด ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ข้าเองก็เป็นครึ่งเทพแล้ว!”

หลี่ฝางกลอกตาใส่เขาอย่างจนปัญญา ก่อนจะเดินไปข้างๆ กู่ยี่เทียนแล้วตบไปที่หลังของเขา “คุณนี่เก่งจริงๆ เลยนะ ฉันยังคิดว่าถ้าคุณเป็นระดับธรรมดาไม่สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าจะทำสำเร็จแล้ว ครั้งนี้คุณต้องขอบคุณฉันนะ”

“แหะๆ ครั้งนี้ต้องขอบคุณแล้วจริงๆ คุณไม่รู้ว่าฉันเกือบจะถูกผนึกนั้นทับตายไปแล้ว พลางรู้สึกเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวจะไม่มีแรงเลย” กู่ยี่เทียนนั้นเกาหัวอย่างภูมิใจ บนหน้าก็มีความภูมิใจไม่น้อย

อันที่จริงกู่ยี่เทียนเป็นครึ่งเทพระดับธรรมดาก็ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถูกผนึกภายในนั้นกดทับเอาไว้ เลยหาทางออกไม่เจออยู่นาน ครั้งนี้หลี่ฝางช่วยอะไรไปมากมายจริงๆ จนทำให้เขาสำเร็จได้

“การขอบคุณโดยคำพูด ฉันไม่รับหรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องจ่ายหลายร้อยล้านแทนคำขอบคุณนะ” หลี่ฝางหยอกล้อกับกู่ยี่เทียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เขาในตอนนี้ไม่ขาดเงินที่สุดเลย สามารถเอาเงินหลายแสนล้านออกมาได้ง่ายๆ เลย แต่แดนครึ่งเทพของตัวเองนั้นได้เฉิดฉายอยู่ไม่นาน ก็มี “ศัตรู” ในระดับเดียวกันโผล่ขึ้นมา ไม่ต้องถามเขาก็รู้ว่าซวยแล้วจริงๆ

“บ้าหรือไง คุณคือคนที่ขาดเงินเพียงเล็กน้อยนั่นเหรอ?” กู่ยี่เทียนเบ้ปาก พลางไม่ได้คิดว่าสิ่งที่หลี่ฝางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

หลี่ฝางยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อไป แถมเปลี่ยนเรื่องก่อนจะชวนกู่ยี่เทียนพูดถึงเรื่องที่ไปซากปรักหักพังลึกลับ

“เรื่องของซากปรักหักพังลึกลับนั้นคุณเองก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหม?ผู้อาวุโสนั้นหวังว่าฉันจะสามารถไปสักครั้ง ได้ยินว่าอาซาโทสเองก็อยู่ที่นั่น ก่อนหน้านี้ฉันได้คุยกับลูกน้องของเขา เขาโพล่งออกมา บอกว่าตัวเองนั้นเจาะเข้าไปในความลับของการเป็นเทพแล้ว เดี๋ยวก็จะได้เข้าไปเป็นแดนดั่งเทพ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนก็ตกใจเป็นอย่างมาก สีหน้าเองก็จริงจังมากขึ้นไม่น้อย “ที่เขาพูดนั้นมันจริงเหรอ?เข้าไปในแดนดั่งเทพงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?”

“ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่ว่าความสามารถของอาซาโทสนั้นเหนือกว่าฉันมาก ฉันคนเดียวนั้นไม่มีทางไปต่อกรกับเขาได้ แต่ถ้าเกิดพวกเราสองคนมาร่วมมือกัน เพียงแค่เขาไม่ได้เหยียบเข้าไปในแดนดั่งเทพ เขาก็จะไม่ใช่คู่แข่งของคุณกับฉันแล้ว”

ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่อยากยอมรับว่าตัวเองนั้นฝึกอยู่ระดับต่ำกว่าอาซาโทส แต่นี่มันเป็นเรื่องจริง ตอนนี้พวกเขาทำได้ ก็มีเพียงการไปตามอาซาโทสไปก่อนที่จะเข้าไปในแดนดั่งเทพแล้วก็ฆ่าเขา ถ้าเกิดว่าเขากลายเป็นเทพได้ ถึงจะมีหลี่ฝางสิบคนก็ชนะเขาไม่ได้แม้แต่น้อยเลย

เทพจริงนั้นถึงจะต่างจากครึ่งเทพเพียงคำเดียว แต่ความสามารถนั้นกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

“ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้จะต้องกำจัดอาซาโทสให้ราบคาบ ถ้าเขาไม่ตาย เราก็จะไม่มีวันสงบสุขเลย เรื่องนี้จะรีรอไม่ได้ เรารีบลงมือเถอะ ฉันกลัวว่าถ้าช้าไปเพียงไม่กี่วัน มันจะกลายเป็นว่าทุกอย่างมันสายเกินไป”

กู่ยี่เทียนจับคางของตัวเอง ก่อนจะเห็นด้วยกับหลี่ฝาง อันที่จริงเหมือนกับที่เขาเพิ่งเป็นครึ่งเทพระดับธรรมดา ก็ควรจะใช้เวลาเพื่อทำให้มั่นคงสักหน่อย แต่เวลานั้นไม่เคยรอใคร กู่ยี่เทียนเลยไม่มีเวลาจะมาสนใจอะไรมากแล้ว

“ไม่ต้องร้อนรนเกินไปก็ได้ ถึงแม้อาซาโทสจะรับรู้ความลับของการเป็นเทพแล้ว แต่ว่าอยากจะกลายเป็นเทพก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ภายในคืนเดียว หลังจากที่ฉันความจำเสื่อมก็เข้าใจเรื่องราวผิดไปมากมาย การกลับมาในครั้งนี้ฉันอยากจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จ แถมเมื่อครู่คุณก็ได้เป็นครึ่งเทพระดับธรรมดาแล้ว ต้องใช้เวลาในการทำให้แข็งแกร่งมั่นคงสักหน่อย”

เมื่อเทียบกับกู่ยี่เทียน หลี่ฝางนั้นก็ไม่ได้ดูรีบร้อนขนาดนั้นแล้ว เมื่อไปที่ซากปรักหักพังลึกลับอีกครั้ง มันจะต้องเป็นการสู้รบที่ขมขื่นแน่นอน ตัวเองจะได้กลับมาอย่างปลอดภัยไหมก็ไม่รู้ มีเรื่องบางเรื่องที่เขาต้องจัดการให้เสร็จก่อนจะไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตเลยล่ะ

“งั้นก็ได้ จากนี้สามวันฉันจะไปรอคุณที่การเข้าลึกลับ คุณจัดการเรื่องของคุณให้เสร็จเถอะ” กู่ยี่เทียนเองก็รู้ความคิดในใจของหลี่ฝาง ดังนั้นเลยไม่ได้แปลกใจอะไร

ทั้งสองคนตกลงกันเสร็จแล้วก็จากกันไป หลี่ฝางขับรถไปบนถนนอย่างไร้จุดหมาย ตอนที่เขาความจำเสื่อมนั้นอันที่จริงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านความเป็นความตายมา แถมยังเอายังไปรักหญิงอื่นอีก

วันนี้ได้กลับมาที่เมืองนี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าจะไปเจอฉินวี่เฟยอย่างไรดี ถึงตัวเองจะความจำเสื่อมเลยไปรักคนอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็เหมือนเป็นการหักหลังฉินวี่เฟย แล้วทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ

ถ้าฉินวี่เฟยรู้ว่าตัวเองมีหญิงอื่น เธอจะต้องรู้สึกแย่แน่ๆ ?

แม้ฉินวี่เฟยนั้นจะเป็นหญิงแกร่ง แต่ต่อหน้าหลี่ฝางนั้น เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับว่าจะเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ฝางพลางร้องเสียงดัง เมื่อเจอเรื่องอะไรก็จะโทรมาบอกหลี่ฝางก่อน และพึ่งพาหลี่ฝางทั้งตัวและใจ

ผู้หญิงที่ดีแบบนี้ หลี่ฝางไม่อยากทำร้ายเธอเลย!

หลี่ฝางขับรถมาถึงที่บ้านของฉินวี่เฟยโดยเร็วอย่างไม่ทันสังเกต พลางรอฉินวี่เฟยอยู่ข้างทาง ก่อนจะคิดเรื่องในใจเต็มไปหมด

ในตอนนั้นมีคนถาม ในเมื่ออยู่ด้านล่างแล้ว ทำไมไม่โทรหาฉินวี่เฟยเลยล่ะ?รออย่างโง่ๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะลงมา

อันที่จริงหลี่ฝางนั้นจำเบอร์โทรศัพท์ของฉินวี่เฟยได้ตลอด ถึงขนาดท่องกลับตัวเลขได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ตอนนี้เขาขี้ขลาดแล้ว เขาไม่กล้าสู้หน้าฉินวี่เฟยจริงๆ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายเรื่องของตัวเองกับหยางฉงให้ฉินวี่เฟยฟังอย่างไรดี

หลี่ฝางที่มึนงงอยู่นั้นกลับนอนหลับอยู่บนรถ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั้นฟ้าก็มืดหมดแล้ว ไฟสลัวตามถนนนั้นสาดส่องลงมาตามถนน ในถนนใหญ่ที่ไม่มีใครนั้นมันช่างเปล่าเปลี่ยว

หลี่ฝางสูบบุหรี่อย่างหงุดหงิดใจ เพิ่งจะสูบไปเล็กน้อย เงาที่คุ้นเคยของฉินวี่เฟยนั้นก็ปรากฏมาอยู่ในสายตาของหลี่ฝาง เมื่อได้เห็นคนของตัวเองที่ไม่ได้เห็นหลายวัน หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะปรี่เข้าไปกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท