เห็นเพียงกู่ยี่เทียนตะโกนออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นบนหัวของเขาก็มีผนึกอันใหญ่ปรากฏขึ้นมา ผนึกนั้นมันซับซ้อนมากมาย มีทั้งแบบและสัญลักษณ์มากมารวมกัน ก่อนจะมีหมอกสีดำแพร่ออก
ถึงแม้หลี่ฝางจะล้าในตอนนี้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเลิกระแวง พลางจ้องกู่ยี่เทียนที่กำลังเปิดผนึกอยู่
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ตอนที่หลี่ฝางคิดว่ากู่ยี่เทียนกำลังจะล้มเหลวนั้น ผนึกทรงกลมตรงกลางนั้นกลับมีแสงสีทองลอดออกมาจากช่องเล็กๆ ก่อนจะปรากฏออกมาจากรอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ราวๆ สามสี่นาทีได้ ผนึกนั้นเกิดเป็นเหมือนแสงจากดวงดาวเล็กน้อยๆ
กู่ยี่เทียนรวบรวมบรรยากาศรอบๆ กายอย่างยิ่งใหญ่ พลังรอบกายทั้งสี่นั้นรวมเข้าไปในกายของเขา ถึงจะบอกว่าในตอนนี้หลี่ฝางเป็นแดนครึ่งเทพแล้ว แต่เมื่อได้เห็นระดับธรรมดาของกู่ยี่เทียนแล้ว ในใจก็มีความสะท้านไม่เบา
เขารู้มาตลอดว่ากู่ยี่เทียนนั้นเก่งกาจไม่เบา อายุเพียงเท่านี้ก็เป็นถึงแดนครึ่งเทพ พรสวรรค์แบบนี้นั้นหาได้น้อยมากบนโลกใบนี้ หลี่ฝางมีความอิจฉาเล็กน้อย
ผ่านไปราวๆ สิบกว่านาที พลังรอบๆ กู่ยี่เทียนถึงจะค่อยๆ กระจายหายไป เมื่อเขาเก็บพลังบริสุทธิ์สุดท้ายไปจนหมด ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ข้าเองก็เป็นครึ่งเทพแล้ว!”
หลี่ฝางกลอกตาใส่เขาอย่างจนปัญญา ก่อนจะเดินไปข้างๆ กู่ยี่เทียนแล้วตบไปที่หลังของเขา “คุณนี่เก่งจริงๆ เลยนะ ฉันยังคิดว่าถ้าคุณเป็นระดับธรรมดาไม่สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าจะทำสำเร็จแล้ว ครั้งนี้คุณต้องขอบคุณฉันนะ”
“แหะๆ ครั้งนี้ต้องขอบคุณแล้วจริงๆ คุณไม่รู้ว่าฉันเกือบจะถูกผนึกนั้นทับตายไปแล้ว พลางรู้สึกเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวจะไม่มีแรงเลย” กู่ยี่เทียนนั้นเกาหัวอย่างภูมิใจ บนหน้าก็มีความภูมิใจไม่น้อย
อันที่จริงกู่ยี่เทียนเป็นครึ่งเทพระดับธรรมดาก็ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถูกผนึกภายในนั้นกดทับเอาไว้ เลยหาทางออกไม่เจออยู่นาน ครั้งนี้หลี่ฝางช่วยอะไรไปมากมายจริงๆ จนทำให้เขาสำเร็จได้
“การขอบคุณโดยคำพูด ฉันไม่รับหรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องจ่ายหลายร้อยล้านแทนคำขอบคุณนะ” หลี่ฝางหยอกล้อกับกู่ยี่เทียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาในตอนนี้ไม่ขาดเงินที่สุดเลย สามารถเอาเงินหลายแสนล้านออกมาได้ง่ายๆ เลย แต่แดนครึ่งเทพของตัวเองนั้นได้เฉิดฉายอยู่ไม่นาน ก็มี “ศัตรู” ในระดับเดียวกันโผล่ขึ้นมา ไม่ต้องถามเขาก็รู้ว่าซวยแล้วจริงๆ
“บ้าหรือไง คุณคือคนที่ขาดเงินเพียงเล็กน้อยนั่นเหรอ?” กู่ยี่เทียนเบ้ปาก พลางไม่ได้คิดว่าสิ่งที่หลี่ฝางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
หลี่ฝางยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อไป แถมเปลี่ยนเรื่องก่อนจะชวนกู่ยี่เทียนพูดถึงเรื่องที่ไปซากปรักหักพังลึกลับ
“เรื่องของซากปรักหักพังลึกลับนั้นคุณเองก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหม?ผู้อาวุโสนั้นหวังว่าฉันจะสามารถไปสักครั้ง ได้ยินว่าอาซาโทสเองก็อยู่ที่นั่น ก่อนหน้านี้ฉันได้คุยกับลูกน้องของเขา เขาโพล่งออกมา บอกว่าตัวเองนั้นเจาะเข้าไปในความลับของการเป็นเทพแล้ว เดี๋ยวก็จะได้เข้าไปเป็นแดนดั่งเทพ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนก็ตกใจเป็นอย่างมาก สีหน้าเองก็จริงจังมากขึ้นไม่น้อย “ที่เขาพูดนั้นมันจริงเหรอ?เข้าไปในแดนดั่งเทพงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?”
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่ว่าความสามารถของอาซาโทสนั้นเหนือกว่าฉันมาก ฉันคนเดียวนั้นไม่มีทางไปต่อกรกับเขาได้ แต่ถ้าเกิดพวกเราสองคนมาร่วมมือกัน เพียงแค่เขาไม่ได้เหยียบเข้าไปในแดนดั่งเทพ เขาก็จะไม่ใช่คู่แข่งของคุณกับฉันแล้ว”
ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่อยากยอมรับว่าตัวเองนั้นฝึกอยู่ระดับต่ำกว่าอาซาโทส แต่นี่มันเป็นเรื่องจริง ตอนนี้พวกเขาทำได้ ก็มีเพียงการไปตามอาซาโทสไปก่อนที่จะเข้าไปในแดนดั่งเทพแล้วก็ฆ่าเขา ถ้าเกิดว่าเขากลายเป็นเทพได้ ถึงจะมีหลี่ฝางสิบคนก็ชนะเขาไม่ได้แม้แต่น้อยเลย
เทพจริงนั้นถึงจะต่างจากครึ่งเทพเพียงคำเดียว แต่ความสามารถนั้นกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
“ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้จะต้องกำจัดอาซาโทสให้ราบคาบ ถ้าเขาไม่ตาย เราก็จะไม่มีวันสงบสุขเลย เรื่องนี้จะรีรอไม่ได้ เรารีบลงมือเถอะ ฉันกลัวว่าถ้าช้าไปเพียงไม่กี่วัน มันจะกลายเป็นว่าทุกอย่างมันสายเกินไป”
กู่ยี่เทียนจับคางของตัวเอง ก่อนจะเห็นด้วยกับหลี่ฝาง อันที่จริงเหมือนกับที่เขาเพิ่งเป็นครึ่งเทพระดับธรรมดา ก็ควรจะใช้เวลาเพื่อทำให้มั่นคงสักหน่อย แต่เวลานั้นไม่เคยรอใคร กู่ยี่เทียนเลยไม่มีเวลาจะมาสนใจอะไรมากแล้ว
“ไม่ต้องร้อนรนเกินไปก็ได้ ถึงแม้อาซาโทสจะรับรู้ความลับของการเป็นเทพแล้ว แต่ว่าอยากจะกลายเป็นเทพก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ภายในคืนเดียว หลังจากที่ฉันความจำเสื่อมก็เข้าใจเรื่องราวผิดไปมากมาย การกลับมาในครั้งนี้ฉันอยากจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จ แถมเมื่อครู่คุณก็ได้เป็นครึ่งเทพระดับธรรมดาแล้ว ต้องใช้เวลาในการทำให้แข็งแกร่งมั่นคงสักหน่อย”
เมื่อเทียบกับกู่ยี่เทียน หลี่ฝางนั้นก็ไม่ได้ดูรีบร้อนขนาดนั้นแล้ว เมื่อไปที่ซากปรักหักพังลึกลับอีกครั้ง มันจะต้องเป็นการสู้รบที่ขมขื่นแน่นอน ตัวเองจะได้กลับมาอย่างปลอดภัยไหมก็ไม่รู้ มีเรื่องบางเรื่องที่เขาต้องจัดการให้เสร็จก่อนจะไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตเลยล่ะ
“งั้นก็ได้ จากนี้สามวันฉันจะไปรอคุณที่การเข้าลึกลับ คุณจัดการเรื่องของคุณให้เสร็จเถอะ” กู่ยี่เทียนเองก็รู้ความคิดในใจของหลี่ฝาง ดังนั้นเลยไม่ได้แปลกใจอะไร
ทั้งสองคนตกลงกันเสร็จแล้วก็จากกันไป หลี่ฝางขับรถไปบนถนนอย่างไร้จุดหมาย ตอนที่เขาความจำเสื่อมนั้นอันที่จริงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านความเป็นความตายมา แถมยังเอายังไปรักหญิงอื่นอีก
วันนี้ได้กลับมาที่เมืองนี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าจะไปเจอฉินวี่เฟยอย่างไรดี ถึงตัวเองจะความจำเสื่อมเลยไปรักคนอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็เหมือนเป็นการหักหลังฉินวี่เฟย แล้วทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ
ถ้าฉินวี่เฟยรู้ว่าตัวเองมีหญิงอื่น เธอจะต้องรู้สึกแย่แน่ๆ ?
แม้ฉินวี่เฟยนั้นจะเป็นหญิงแกร่ง แต่ต่อหน้าหลี่ฝางนั้น เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับว่าจะเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ฝางพลางร้องเสียงดัง เมื่อเจอเรื่องอะไรก็จะโทรมาบอกหลี่ฝางก่อน และพึ่งพาหลี่ฝางทั้งตัวและใจ
ผู้หญิงที่ดีแบบนี้ หลี่ฝางไม่อยากทำร้ายเธอเลย!
หลี่ฝางขับรถมาถึงที่บ้านของฉินวี่เฟยโดยเร็วอย่างไม่ทันสังเกต พลางรอฉินวี่เฟยอยู่ข้างทาง ก่อนจะคิดเรื่องในใจเต็มไปหมด
ในตอนนั้นมีคนถาม ในเมื่ออยู่ด้านล่างแล้ว ทำไมไม่โทรหาฉินวี่เฟยเลยล่ะ?รออย่างโง่ๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะลงมา
อันที่จริงหลี่ฝางนั้นจำเบอร์โทรศัพท์ของฉินวี่เฟยได้ตลอด ถึงขนาดท่องกลับตัวเลขได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ตอนนี้เขาขี้ขลาดแล้ว เขาไม่กล้าสู้หน้าฉินวี่เฟยจริงๆ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายเรื่องของตัวเองกับหยางฉงให้ฉินวี่เฟยฟังอย่างไรดี
หลี่ฝางที่มึนงงอยู่นั้นกลับนอนหลับอยู่บนรถ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนั้นฟ้าก็มืดหมดแล้ว ไฟสลัวตามถนนนั้นสาดส่องลงมาตามถนน ในถนนใหญ่ที่ไม่มีใครนั้นมันช่างเปล่าเปลี่ยว
หลี่ฝางสูบบุหรี่อย่างหงุดหงิดใจ เพิ่งจะสูบไปเล็กน้อย เงาที่คุ้นเคยของฉินวี่เฟยนั้นก็ปรากฏมาอยู่ในสายตาของหลี่ฝาง เมื่อได้เห็นคนของตัวเองที่ไม่ได้เห็นหลายวัน หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะปรี่เข้าไปกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด