NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1178 หินวิเศษ

บทที่ 1178 หินวิเศษ

เมื่อพูดจบ ลุงวัยกลางคนก็เอากล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีดำส่งให้ด้านหน้าหลี่ฝาง สี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้นมันเป็นประกาย สีสวยงาม ถึงแม้จะเป็นกล่องเล็กๆ แต่หลี่ฝางกลับรู้สึกหนักเมื่ออยู่ในมือ

ตอนที่เพิ่งได้จับกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้น หลี่ฝางก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณแข็งทื่อไป จากนั้นก็มีกระแสไฟฟ้าส่งผ่านนิ้วขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเข้าไปทั่วร่าง จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนฟ้ากลับตาลปัตร จากนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ

“พี่!” เมื่อสาวน้อยเห็นหลี่ฝางเป็นลมล้มไปก็ตกใจ ก่อนจะเข้าไปพยุงหลี่ฝางพลางถามตาแก่หลี่ “พ่อ พี่เขาเป็นอะไรเหรอ?ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นลมลงไป?”

เมื่อเห็นหลี่ฝางที่กำลังไม่ได้สติ ตาแก่หลี่ก็มองเหม่อไปด้วย ก่อนจะพูดกับตัวเอง “คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ฟ้าลิขิตนั้นจะเป็นเขา”

“พ่อ!คุณกำลังพูดอะไรเหรอ คนที่ฟ้าลิขิตคืออะไรเหรอ?พี่ไม่ได้สติไปแล้ว พวกเรารีบส่งเขาไปโรงพยาบาลเถอะ!” สาวน้อยเห็นว่าพ่อของตัวเองไม่เพียงแค่ไม่รีบร้อน แต่ยังพูดบ้าบอคนเดียว เลยร้อนใจขึ้นมา

เมื่อถูกลูกสาวตัวเองดุ ตาแก่หลี่เองก็ไม่ได้โกรธอะไร เลยนั่งยองลงก่อนจะพาหลี่ฝางที่นอนอยู่บนพื้นไป โดยที่ไม่เก็บแผงเลย ก่อนจะพาสาวน้อยกลับเข้าไปในห้องเช่า

สาวน้อยตักน้ำอุ่น ก่อนจะเช็ดตัวให้หลี่ฝางที่ไม่ได้สติ ใบหน้าเล็กๆ นั้นทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะบ่นอุบ

“ตาแก่หลี่บ้า พี่เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่พาไปส่งโรงพยาบาลอีก แถมยังบอกไม่เป็นไร น่าโมโหจริงๆ เลย!”

ตาแก่หลี่กำลังยกถ้วยโจ๊กมาพอดี เมื่อได้ยินสาวน้อยบ่นแต่ก็ไม่อธิบาย ก่อนจะตรวจหลี่ฝางบริเวณหัวเตียงเล็กน้อย หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าหลี่ฝางนั้นร่างกายไม่เป็นอะไรก็นั่งลงข้างๆ

“พ่อ พี่เป็นลมไปหลายชั่วโมงแล้ว เราส่งเขาไปที่โรงพยาบาลเถอะ ถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นเรา……”

เมื่อเห็นท่าทีของตาแก่หลี่ที่เหมือนจะไม่สนใจ สาวน้อยก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ก่อนจะบอกให้พาหลี่ฝางไปส่งที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันรอให้เธอพูดจบ หลี่ฝางที่อยู่บนเตียงก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา

เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย หลี่ฝางก็ยังไม่ทันได้มีสติกลับมา จนกระทั่งสาวน้อยปรี่เข้ามาหาเขา แล้วตะโกนเรียกเขาว่าพี่ เขาเลยคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้

เขาเคาะสมองที่ปวดเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งขึ้นมาบนเตียง พลางมองตาแก่หลี่ที่อยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรแล้วถาม “รุ่นพี่หลี่ คุณเองก็เคยไปที่ซากปรักหักพังลึกลับใช่ไหม?”

คืนนี้หลี่ฝางไม่ได้เป็นลมไปอย่างธรรมดา แต่จิตใจของเขานั้นถูกดึงเข้าไปในสี่เหลี่ยมเล็กๆ กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้มันเหมือนกับภาพที่ภูเขาและแม่น้ำเลย ในนั้นมีหลุมดำอื่นๆ มันแสดงจุดเริ่มต้นและการพัฒนาของนักรบ

อีกอย่างลี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้มันเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับซากปรักหักพังลึกลับเป็นอย่างมาก ด้านในมีพลังที่รวมอยู่และเป็นที่ปล่อยออกมาเหมือนกับพลังภายในของนักรบ

เพราะสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้นทำให้หลี่ฝางเข้าใจเรื่องของซากปรักหักพังลึกลับนี้ ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ซากปรักหักพังลึกลับถูกคนที่เรียกว่าอูนัส เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ คนที่เข้าไปถึงคนของอูนัสนั้น อย่างน้อยต้องเป็นปรมาจารย์กำลังภายในขึ้นไป

อูนัสในตอนนั้นมีพื้นที่ที่กว้างไกลเป็นอย่างมาก และมีซากปรักหักพังลึกลับในตอนนี้เป็นจุดศูนย์กลาง จากนั้นก็แพร่กระจายออกไปอย่างน้อยห้าพันลี้

อีกอย่างระดับของอูนัสนั้นแบ่งอย่างชัดเจน นักรบที่เพิ่งเข้าไปในอูนัสนั้นจะใช้ชีวิตอยู่ภายนอก ด้านในจะเป็นเขตอาศัยของครึ่งเทพ แต่ตอนนี้ที่ของซากปรักหักพังลึกลับนั้น กลับเป็นที่ของเทพ

อูนัสมีเทพสององค์ที่ทั้งมืด และสว่าง ที่แบ่งกันดูแลอูนัส ในขณะเดียวกันนักรบของอูนัสนั้นก็แบ่งเป็นฝ่ายมืดกับฝ่ายสว่างด้วย แล้วการฝึกเองก็ไม่เหมือนกัน

สำนักมืดฝึกอย่างโหดร้าย เทพมืดนั้นทำเพื่อฝึกให้ตัวเองสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เลยค้นพบวิธีการดึงดูดการฝึกของนักรบคนอื่นๆ นักรบหลายคนนั้นมีฝีมือที่โหดร้าย สำนักสว่างเองก็เริ่มเกิดการรบกับเทพมืด ซึ่งมันกินเวลาไปหลายร้อยปี

สุดท้ายวันหนึ่งก่อนหน้านี้ราวพันปี เทพสว่างนำครึ่งเทพสิบสองตนไปสู้กับเทพมืด เสียการฝึกทั้งหมดไป สุดท้ายก็ปิดเทพมืด คนของสำนักสว่างก็ใช้เวลานี้เพื่อเริ่มกำจัดสำนักมืด สุดท้ายก็เหลือเพียงคนเล็กน้อยที่หนีออกมาจากอูนัส โดยที่ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว

หลี่ฝางนั้นถึงขั้นมองไปเห็นอนาคตได้ด้วยซ้ำ ในสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้นตอนที่เขากำลังอยู่ในซากปรักหักพังลึกลับและสู้กับอาซาโทสนั้น ก็ถูกม้วนเข้าไปในการระเบิด จนเหมือนจะแพ้แล้ว

หลี่ฝางยังอยากรู้อะไรอยู่อีก แต่ว่ากลับถูกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ผลักออกมาอีกครั้งมันทำให้ใจของหลี่ฝางนั้นฮวบลงเป็นอย่างมาก อนาคตก็ดับมืดไปอีกครั้ง

“สี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้เรียกว่าหินเฮยสวน ก่อนหน้านี้หลายปีฉันกับพวกพ้องเอาพลังที่มีอยู่มากมายจากซากปรักหักพังลึกลับออกมาด้วย มีเพียงคนที่ฟ้าลิขิตเท่านั้นที่สามารถเกิดการเชื่อมต่อได้ หลายปีมานี้ เพื่อการหาคนที่ฟ้าลิขิต ฉันเลยปิดบังชื่อของตัวเอง จากนั้นก็พาลูกเมียออกมาไกล แถมยังเป็นเพราะหินเฮยสวนนี้ด้วยที่ทำให้ครอบครัวแตกสลาย”

“ฉันคิดว่าชีวิตนี้จะหาคนที่ฟ้าลิขิตไม่ได้อีกแล้ว แถมยังคิดว่าจะโยนหินนี้ทิ้งไป คิดไม่ถึงเลยว่าคุณกลับมาปรากฏตัวในตอนนี้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ นะ วันนี้ฉันเอาหินเฮยสวนนี้ให้คุณ ก็ถือว่าเป็นหน้าที่แล้ว ฉันจะได้มีชีวิตที่ดีกับญาญาสักที”

ตาแก่หลี่มองหลี่ฝางด้วยความเห็นใจ ดวงตาทั้งสองข้างนั้นก็มีความนึกถึงช่วงเวลาใดๆ เต็มไปหมด มองออกเลยว่าหลายปีมานี้เพราะหินเฮยสวนนี้ทำให้เขาต้องจ่ายอะไรไปมากมาย แถมคำพูดจากปากของเขาทำให้หลี่ฝางเดาออก ว่าแม่ของญาญานั้นอย่างมากต้องจากไปเพราะหินเฮยสวนนี้แน่นอน

“รุ่นพี่หลี่ คุณเข้าไปในซากปรักหักพังลึกลับได้ อีกอย่างยังกลับมาได้อย่างปลอดภัยอีก การฝึกของคุณจะต้องไม่น้อยแน่ๆ แล้วทำไม……”

คำพูดด้านหลังนั้นหลี่ฝางไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด เขาเชื่อว่าตาแก่หลี่รู้ว่าตัวเองอยากถามอะไร

หลังจากที่ได้ฟังหลี่ฝางถาม ร่างกายของตาแก่หลี่ก็สั่นขึ้นมา สีหน้านั้นก็ขมขื่น ราวกับว่าคำถามนี้มันดึงความทรงจำอันเจ็บปวดของเขาขึ้นมา

เมื่อเห็นหน้าตาเจ็บปวดของตาแก่หลี่ หลี่ฝางก็เสียดายที่ถามคำถามนี้ออกไป ตอนที่กำลังจะบอกตาแก่หลี่ว่าไม่ต้องตอบ ตาแก่กลับอยู่ในความคิดนั้น

ตาแก่หลี่เคยเป็นผู้ฝึกที่มีความสามารถคนหนึ่ง อายุไม่ถึงสามสิบปีก็เป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แต่ว่าหลายปีมานี้ติดอยู่แต่ที่แดนปรมาจารย์ เลยไม่มีทางที่จะทะลุไปต่อได้

นี่มันทำให้เขาเจ็บปวดมาก ในตอนนี้พวกพ้องของเขาหลายคนนั้นได้รับภาระหน้าที่ ว่าให้ไปหาของในซากปรักหักพังลึกลับ เพราะการกระตุ้นของพวกพ้องเหล่านั้นเลยตัดสินใจเข้าไปเสี่ยงในซากปรักหักพังลึกลับ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นได้ถึงครึ่งเทพระดับธรรมดาเลยนะ

ตอนแรกคนที่ร่วมกับตาแก่หลี่มีเพียงห้าคนเท่านั้น แต่หลังจากนั้นระหว่างทางก็มีคนต่างชาติคนหนึ่งเข้ามาร่วมด้วย คนต่างชาติคนนี้ไม่ได้มีฝีมือมาก ยังไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ ถึงแม้จะไม่ใช่คนชาติเดียวกัน แต่ว่าเพราะเห็นใจคนอ่อนแอ พวกตาแก่หลี่เลยดูแลเขาตลอดทาง แต่สำหรับเรื่องการหาหินเฮยสวนนั้น พวกตาแก่หลี่กลับไม่เคยพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท