หลี่ฝางปิดปากแน่นไม่พูดอะไรอีก ต่อให้กู่ยี่เทียนพูดแบบนั้น เขาไม่เต็มใจนัก หากสามารถดูดพลังของอาซาโทสมาได้ละก็ ถ้างั้นพวกเขาก็ชนะขาด!
“พอได้แล้วนายน่ะ เลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกอธรรมเลย ความคิดการดูดซับพลังของคนอื่น นั่นเป็นวิธีของนักรบสำนักมืด ถ้าแกไม่กลัวถูกจิตมารครอบงำนายก็ไปฝึกเลย”
กู่ยี่เทียนยักคิ้ว ตบหัวของหลี่ฝาง ตัดสินความคิดที่เกินจริงของเขา หลี่ฝางอุทานด้วยความเจ็บ พลันใช้แขนศอกเข้าที่เอวของกู่ยี่เทียนหนึ่งที เจ็บจนกู่ยี่เทียนแทบหวีดร้องออกมา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แลกหมัดหยอกล้อกันซอกซอยแคบๆ
“สหายน้อยทั้งสอง หากพวกคุณยังแลกหมัดแบบนี้ต่อไปละก็ ตึกนี้คงพังแน่” หลี่ฉี่หมิงเปิดประตูบ้านของตนเอง จ้องมองทั้งคู่อย่างไร้คำพูด
แม้ว่าพวกเขาเพียงแค่หยอกล้อเท่านั้น ไม่ได้เอาจริง แต่ตึกเล็กนี้ได้ถูกสร้างมาสิบกว่าปีแล้ว จะทนต่อการเย้าแหย่ของครึ่งเทพสองคนได้อย่างไร
“แค่กๆ รุ่นพี่หลี่ นี่คือเพื่อนของผม กู่ยี่เทียน” หลังได้ยินคำของหลี่ฉี่หมิง หลี่ฝางจึงรีบหยุดทันที พลันกระแอมไออย่างประหม่า ทำการแนะนำกับเขาอย่างเรียบง่าย
“รุ่นพี่หลี่สวัสดีครับ เรียกผมว่าเสี่ยวกู่ก็ได้ครับ ผู้อาวุโสฝากให้ผมทักทายท่านแทนเขา” กู่ยี่เทียนยิ้มตาหยียื่นมือขวาออกไปที่หลี่ฉี่หมิง
เมื่อได้ยินคำว่าผู้อาวุโส หลี่ฉี่หมิงดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลันยิ้มตอบจับมือกู่ยี่เทียน “ดูเหมือนว่าผมจะแก่แล้วจริงๆ หลายปีมานี้ประเทศจีนของเราคนมีความสามารถเยอะไปหมด ผู้อาวุโสช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง? ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ใช่ไหม?”
หลี่ฝางที่ฟังอยู่อีกด้านขมวดคิ้วแน่น หลี่ฉี่หมิงจะรู้จักผู้อาวุโสได้ยังไง? ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกตนเรื่องนี้มาก่อนนี่นา เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้สี่คนที่เข้าไปที่ซากปรักหักพังลึกลับด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือคนผู้อาวุโส การตามหาหินเฮยสวนก็เป็นคำสั่งของผู้อาวุโส”
“น่าเสียดายที่รุ่นพี่ทั้งสี่ต้องพ่ายลงเพราะอาซาโทส ภารกิจจึงล้มเหลว หินเฮยสวนเองก็หายสาบสูญ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ในเงื้อมมือของรุ่นพี่หลี่ ก่อนหน้านี้ใช้กำลังออกแรงค้นหาแต่หาไม่เจอ ตอนนี้กลับได้พบโดยบังเอิญ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลี่ฝางไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร เขาเป็นคนโชคดีมาโดยตลอด ไม่แน่หินเฮยสวนนี่อาจจะเป็นของชิ้นสำคัญในการโค่นล้มอาซาโทส
“ในเมื่อคุณเป็นคนของผู้อาวุโส วิธีการดูดพลังของหินเฮยสวนคงจะรู้อยู่แล้วสินะ แล้วทำไมถึงยังต้องมาหาผมอีก?”
อันที่จริงหลี่ฉี่หมิงไม่เชื่อใจผู้อาวุโส ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ซ่อนตัวมาหลายปี ยอมที่จะดูแลหินเฮยสวนเอง ก็ไม่ยอมนำมันให้กับผู้อาวุโส
ตอนนี้การมาของกู่ยี่เทียนยิ่งทำให้เขามีสติ เต็มไปด้วยความสงสัย
“รุ่นพี่หลี่วางใจเถอะ ผมมาในครั้งนี้ไม่มีเจตนาคิดร้าย ผมคิดว่าหลังจากที่คุณถูกอาซาโทสดูดพลังไป ก็ต้องลองฝึกใหม่อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พลังทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกายของคุณถึงได้เหมือนกับก้อนหินที่จมลงไปในทะเล ไม่ได้ผลอะไร ใช่ไหม?”
เหมือนกับไม่เห็นทีท่าป้องกันของหลี่ฉี่หมิง กู่ยี่เทียนหัวเราะคิกเดินเข้าไปในบ้านของหลี่ฉี่หมิง หลี่ฉี่หมิงคิดที่จะขัดขวาง แต่เขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น ได้แต่นั่งกังวลอยู่อย่างนั้น
“ในเมื่อแกรู้หมดแล้ว ยังจะถามเรื่องพวกนี้กับฉันทำไม คิดจะมาหัวเราะเยาะหรือไง?”
น้ำเสียงของหลี่ฉี่หมิงไม่พอใจอย่างชัดเจน เมื่อก่อนเขาก็เป็นผู้มีอิทธิพลโด่งดังเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างให้ความสนใจ ตอนนี้สูญเสียพลังแห่งยุทธไป ได้แต่อาศัยการขายแผงลอยประทังชีวิต หากไม่ใช่เพราะมีลูกสาวที่ใสซื่อน่ารัก เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ตั้งนานแล้ว
กู่ยี่เทียนคนนี้ยังจะตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่ได้หาเรื่องแล้วอะไรกันล่ะ?
“เห้ๆ รุ่นพี่หลี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาหาเรื่อง ฟังผมก่อน” เมื่อเห็นหลี่ฉี่หมิงโมโห กู่ยี่เทียนรีบอธิบาย
“หลายปีมานี้เราเองก็ได้วิจัยเรื่องการดูดพลังของนักรบสำนักมืดเช่นกัน เราได้พบการผนึกที่ประหลาดในร่างกายของพวกเขา เพราะการผนึกนี้ ทำให้พวกเราฝึกไม่ได้อีก หากคาดไม่ผิด ร่างกายของรุ่นพี่เองก็เป็นเช่นนี้”
เรื่องนี้ผู้อาวุโสพวกเขาเพิ่งบอกกับกู่ยี่เทียนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ยังไงซะองค์กรต้าเซี่ยหลงเช่วยิ่งใหญ่มาก มีการวิจัยทุกสิ่ง กู่ยี่เทียนไม่มีทางรู้ทั้งหมด เรื่องนี้หากไม่ใช่เพราะหลี่ฝางได้พบกับหลี่ฉี่หมิง ผู้อาวุโสพวกเขาก็ไม่มีทางบอกกับกู่ยี่เทียน
ทว่าหลี่ฉี่หมิงกลับไม่สนใจในคำพูดของกู่ยี่เทียน พลันสบถอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้ฉันรู้ตั้งนานแล้ว ผลึกนี้แปลกประหลาดมาก ไม่ว่าฉันใช้วิธีไหนก็เปิดผนึกมันไม่ได้ พอนานเข้าฉันก็ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกแล้ว แถมสถานะคนธรรมดาก็ทำให้ฉันหลบซ่อนตัวได้ดี”
หลี่ฝางยืนฟังอยู่อีกด้านเงียบๆ แม้หลี่ฉี่หมิงจะบอกว่ายอมรับในโชคชะตาแล้ว แต่หลี่ฝางก็ได้รับรู้ถึงความไม่เต็มใจจากน้ำเสียงของเขา
ก็ต้องไม่เต็มอยู่แล้วสิ เขาเป็นถึงปรมาจารย์กำลังภายใน เกือบจะสู่แดนครึ่งเทพแล้วแท้ๆ แต่กลับถูกคนอื่นที่แจ้นออกมากลางทางแย่งชิงวิทยายุทธทั้งหมดไป ไม่ว่าเป็นใครก็ทนไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?
หากเป็นหลี่ฝาง ต่อให้ตามล่าไปสุดหล้าฟ้าเขียว เขาก็จะฆ่าอาซาโทสให้ได้
“ใครว่าผนึกนี้เปิดไม่ได้ องค์กรหาวิธีได้แล้ว เพียงแค่ต้องเสียเวลานิดหน่อยก็เท่านั้น”
ประโยคของกู่ยี่เทียนราวกับระเบิดใต้น้ำลึก ที่ระเบิดขึ้นในใจที่สิ้นหวังของนักรบหลี่ฉี่หมิง เขาเด้งกายลุกขึ้น มือทั้งสองข้างจับไหล่ของกู่ยี่เทียนแน่น กล่าวถามด้วยความตื่นเต้น
“ที่แกพูดเป็นเรื่องจริงใช่ไหม? เปิดผนึกในร่างกายของฉันได้จริงๆ งั้นหรือ? ฉันฝึกได้อีกจริงๆ ใช่ไหม?”
คำถามที่โถมเข้ามาทำให้กู่ยี่เทียนนิ่งไป คนที่ไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้าอย่างเขาได้แต่เว้นระยะห่างกับหลี่ฉี่หมิงพร้อมพยักหน้าหงึก
นักรบที่หลงใหลในวิทยายุทธน่ากลัวเสียจริง ต่อให้ตนเองอายุปาเข้าไปห้าสิบ หลี่ฉี่หมิงยังมีหัวใจที่จะฝึกยุทธภพอยู่อีก
“ดีจังเลย ฉันฝึกยุทธภพได้อีกแล้ว!” เมื่อได้รับการยืนยันจากกู่ยี่เทียน หลี่ฉี่หมิงซาบซึ้งจนดวงตาแดงก่ำ แม้น้ำเสียงยังสั่นเครือไปด้วย
สวรรค์รู้ดีว่าหลายปีมานี้ที่เขาเป็นคนปกติใช้ชีวิตยังไง หากเขายังเป็นปรมาจารย์เยี่ยงในอดีต ต่อให้ในมือของเขามีหินเฮยสวน ก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เขาก็ไม่ต้องพาภรรยาของเขาออกจากบ้านเกิด แยกจากบรรพบุรุษไม่ได้พบเจอ
หลี่ฝางจ้องมองใบหน้าที่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดของหลี่ฉี่หมิง เขาดีใจกับเขาไปด้วย หลังเปิดผนึก ต่อให้หลี่ฉี่หมิงกลับไปเป็นอย่างอดีตไม่ได้ แต่พรสวรรค์ที่สูงมากของเขา การไปให้ถึงกำลังภายนอกชั้นสูงไม่ใช่ปัญหา