NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1183 ฝึกอีกครั้ง

บทที่ 1183 ฝึกอีกครั้ง

หลี่ฝางปิดปากแน่นไม่พูดอะไรอีก ต่อให้กู่ยี่เทียนพูดแบบนั้น เขาไม่เต็มใจนัก หากสามารถดูดพลังของอาซาโทสมาได้ละก็ ถ้างั้นพวกเขาก็ชนะขาด!

“พอได้แล้วนายน่ะ เลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกอธรรมเลย ความคิดการดูดซับพลังของคนอื่น นั่นเป็นวิธีของนักรบสำนักมืด ถ้าแกไม่กลัวถูกจิตมารครอบงำนายก็ไปฝึกเลย”

กู่ยี่เทียนยักคิ้ว ตบหัวของหลี่ฝาง ตัดสินความคิดที่เกินจริงของเขา หลี่ฝางอุทานด้วยความเจ็บ พลันใช้แขนศอกเข้าที่เอวของกู่ยี่เทียนหนึ่งที เจ็บจนกู่ยี่เทียนแทบหวีดร้องออกมา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แลกหมัดหยอกล้อกันซอกซอยแคบๆ

“สหายน้อยทั้งสอง หากพวกคุณยังแลกหมัดแบบนี้ต่อไปละก็ ตึกนี้คงพังแน่” หลี่ฉี่หมิงเปิดประตูบ้านของตนเอง จ้องมองทั้งคู่อย่างไร้คำพูด

แม้ว่าพวกเขาเพียงแค่หยอกล้อเท่านั้น ไม่ได้เอาจริง แต่ตึกเล็กนี้ได้ถูกสร้างมาสิบกว่าปีแล้ว จะทนต่อการเย้าแหย่ของครึ่งเทพสองคนได้อย่างไร

“แค่กๆ รุ่นพี่หลี่ นี่คือเพื่อนของผม กู่ยี่เทียน” หลังได้ยินคำของหลี่ฉี่หมิง หลี่ฝางจึงรีบหยุดทันที พลันกระแอมไออย่างประหม่า ทำการแนะนำกับเขาอย่างเรียบง่าย

“รุ่นพี่หลี่สวัสดีครับ เรียกผมว่าเสี่ยวกู่ก็ได้ครับ ผู้อาวุโสฝากให้ผมทักทายท่านแทนเขา” กู่ยี่เทียนยิ้มตาหยียื่นมือขวาออกไปที่หลี่ฉี่หมิง

เมื่อได้ยินคำว่าผู้อาวุโส หลี่ฉี่หมิงดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลันยิ้มตอบจับมือกู่ยี่เทียน “ดูเหมือนว่าผมจะแก่แล้วจริงๆ หลายปีมานี้ประเทศจีนของเราคนมีความสามารถเยอะไปหมด ผู้อาวุโสช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง? ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ใช่ไหม?”

หลี่ฝางที่ฟังอยู่อีกด้านขมวดคิ้วแน่น หลี่ฉี่หมิงจะรู้จักผู้อาวุโสได้ยังไง? ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกตนเรื่องนี้มาก่อนนี่นา เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ก่อนหน้านี้สี่คนที่เข้าไปที่ซากปรักหักพังลึกลับด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือคนผู้อาวุโส การตามหาหินเฮยสวนก็เป็นคำสั่งของผู้อาวุโส”

“น่าเสียดายที่รุ่นพี่ทั้งสี่ต้องพ่ายลงเพราะอาซาโทส ภารกิจจึงล้มเหลว หินเฮยสวนเองก็หายสาบสูญ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ในเงื้อมมือของรุ่นพี่หลี่ ก่อนหน้านี้ใช้กำลังออกแรงค้นหาแต่หาไม่เจอ ตอนนี้กลับได้พบโดยบังเอิญ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลี่ฝางไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร เขาเป็นคนโชคดีมาโดยตลอด ไม่แน่หินเฮยสวนนี่อาจจะเป็นของชิ้นสำคัญในการโค่นล้มอาซาโทส

“ในเมื่อคุณเป็นคนของผู้อาวุโส วิธีการดูดพลังของหินเฮยสวนคงจะรู้อยู่แล้วสินะ แล้วทำไมถึงยังต้องมาหาผมอีก?”

อันที่จริงหลี่ฉี่หมิงไม่เชื่อใจผู้อาวุโส ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ซ่อนตัวมาหลายปี ยอมที่จะดูแลหินเฮยสวนเอง ก็ไม่ยอมนำมันให้กับผู้อาวุโส

ตอนนี้การมาของกู่ยี่เทียนยิ่งทำให้เขามีสติ เต็มไปด้วยความสงสัย

“รุ่นพี่หลี่วางใจเถอะ ผมมาในครั้งนี้ไม่มีเจตนาคิดร้าย ผมคิดว่าหลังจากที่คุณถูกอาซาโทสดูดพลังไป ก็ต้องลองฝึกใหม่อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พลังทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกายของคุณถึงได้เหมือนกับก้อนหินที่จมลงไปในทะเล ไม่ได้ผลอะไร ใช่ไหม?”

เหมือนกับไม่เห็นทีท่าป้องกันของหลี่ฉี่หมิง กู่ยี่เทียนหัวเราะคิกเดินเข้าไปในบ้านของหลี่ฉี่หมิง หลี่ฉี่หมิงคิดที่จะขัดขวาง แต่เขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น ได้แต่นั่งกังวลอยู่อย่างนั้น

“ในเมื่อแกรู้หมดแล้ว ยังจะถามเรื่องพวกนี้กับฉันทำไม คิดจะมาหัวเราะเยาะหรือไง?”

น้ำเสียงของหลี่ฉี่หมิงไม่พอใจอย่างชัดเจน เมื่อก่อนเขาก็เป็นผู้มีอิทธิพลโด่งดังเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างให้ความสนใจ ตอนนี้สูญเสียพลังแห่งยุทธไป ได้แต่อาศัยการขายแผงลอยประทังชีวิต หากไม่ใช่เพราะมีลูกสาวที่ใสซื่อน่ารัก เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ตั้งนานแล้ว

กู่ยี่เทียนคนนี้ยังจะตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่ได้หาเรื่องแล้วอะไรกันล่ะ?

“เห้ๆ รุ่นพี่หลี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาหาเรื่อง ฟังผมก่อน” เมื่อเห็นหลี่ฉี่หมิงโมโห กู่ยี่เทียนรีบอธิบาย

“หลายปีมานี้เราเองก็ได้วิจัยเรื่องการดูดพลังของนักรบสำนักมืดเช่นกัน เราได้พบการผนึกที่ประหลาดในร่างกายของพวกเขา เพราะการผนึกนี้ ทำให้พวกเราฝึกไม่ได้อีก หากคาดไม่ผิด ร่างกายของรุ่นพี่เองก็เป็นเช่นนี้”

เรื่องนี้ผู้อาวุโสพวกเขาเพิ่งบอกกับกู่ยี่เทียนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ยังไงซะองค์กรต้าเซี่ยหลงเช่วยิ่งใหญ่มาก มีการวิจัยทุกสิ่ง กู่ยี่เทียนไม่มีทางรู้ทั้งหมด เรื่องนี้หากไม่ใช่เพราะหลี่ฝางได้พบกับหลี่ฉี่หมิง ผู้อาวุโสพวกเขาก็ไม่มีทางบอกกับกู่ยี่เทียน

ทว่าหลี่ฉี่หมิงกลับไม่สนใจในคำพูดของกู่ยี่เทียน พลันสบถอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้ฉันรู้ตั้งนานแล้ว ผลึกนี้แปลกประหลาดมาก ไม่ว่าฉันใช้วิธีไหนก็เปิดผนึกมันไม่ได้ พอนานเข้าฉันก็ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกแล้ว แถมสถานะคนธรรมดาก็ทำให้ฉันหลบซ่อนตัวได้ดี”

หลี่ฝางยืนฟังอยู่อีกด้านเงียบๆ แม้หลี่ฉี่หมิงจะบอกว่ายอมรับในโชคชะตาแล้ว แต่หลี่ฝางก็ได้รับรู้ถึงความไม่เต็มใจจากน้ำเสียงของเขา

ก็ต้องไม่เต็มอยู่แล้วสิ เขาเป็นถึงปรมาจารย์กำลังภายใน เกือบจะสู่แดนครึ่งเทพแล้วแท้ๆ แต่กลับถูกคนอื่นที่แจ้นออกมากลางทางแย่งชิงวิทยายุทธทั้งหมดไป ไม่ว่าเป็นใครก็ทนไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?

หากเป็นหลี่ฝาง ต่อให้ตามล่าไปสุดหล้าฟ้าเขียว เขาก็จะฆ่าอาซาโทสให้ได้

“ใครว่าผนึกนี้เปิดไม่ได้ องค์กรหาวิธีได้แล้ว เพียงแค่ต้องเสียเวลานิดหน่อยก็เท่านั้น”

ประโยคของกู่ยี่เทียนราวกับระเบิดใต้น้ำลึก ที่ระเบิดขึ้นในใจที่สิ้นหวังของนักรบหลี่ฉี่หมิง เขาเด้งกายลุกขึ้น มือทั้งสองข้างจับไหล่ของกู่ยี่เทียนแน่น กล่าวถามด้วยความตื่นเต้น

“ที่แกพูดเป็นเรื่องจริงใช่ไหม? เปิดผนึกในร่างกายของฉันได้จริงๆ งั้นหรือ? ฉันฝึกได้อีกจริงๆ ใช่ไหม?”

คำถามที่โถมเข้ามาทำให้กู่ยี่เทียนนิ่งไป คนที่ไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้าอย่างเขาได้แต่เว้นระยะห่างกับหลี่ฉี่หมิงพร้อมพยักหน้าหงึก

นักรบที่หลงใหลในวิทยายุทธน่ากลัวเสียจริง ต่อให้ตนเองอายุปาเข้าไปห้าสิบ หลี่ฉี่หมิงยังมีหัวใจที่จะฝึกยุทธภพอยู่อีก

“ดีจังเลย ฉันฝึกยุทธภพได้อีกแล้ว!” เมื่อได้รับการยืนยันจากกู่ยี่เทียน หลี่ฉี่หมิงซาบซึ้งจนดวงตาแดงก่ำ แม้น้ำเสียงยังสั่นเครือไปด้วย

สวรรค์รู้ดีว่าหลายปีมานี้ที่เขาเป็นคนปกติใช้ชีวิตยังไง หากเขายังเป็นปรมาจารย์เยี่ยงในอดีต ต่อให้ในมือของเขามีหินเฮยสวน ก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เขาก็ไม่ต้องพาภรรยาของเขาออกจากบ้านเกิด แยกจากบรรพบุรุษไม่ได้พบเจอ

หลี่ฝางจ้องมองใบหน้าที่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดของหลี่ฉี่หมิง เขาดีใจกับเขาไปด้วย หลังเปิดผนึก ต่อให้หลี่ฉี่หมิงกลับไปเป็นอย่างอดีตไม่ได้ แต่พรสวรรค์ที่สูงมากของเขา การไปให้ถึงกำลังภายนอกชั้นสูงไม่ใช่ปัญหา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท