อันที่จริงนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายปีมานี้กู่ยี่เทียนถึงไม่มีแฟนสักที แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ไม่แน่พรุ่งนี้ที่เขาทำภารกิจอยู่อาจจะเสียชีวิตก็เป็นได้
คนที่มองไม่เห็นอนาคต ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเรียกร้องความสุขที่เรียบง่ายแบบนั้น
“ฉันห้ามไม่ให้พี่พูดแบบนี้! พี่ต้องโค่นล้มอาซาโทสได้แน่! ลูกพี่ใหญ่พี่เก่งขนาดนี้ จะแพ้ได้ยังไง! ถ้าหาก ถ้าหากพี่ไม่มีชีวิตกลับมา ฉันจะต้องไปหาพี่แน่ มีชีวิตต้องเห็นร่าง ตายต้องเห็นศพ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของกู่ยี่เทียน หงส์แดงไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป โผเข้ากอดเอวของกู่ยี่เทียนแน่น น้ำเสียงคำรามประโยคของกล้ำกลืน
เมื่อรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของหญิงสาว ร่างของกู่ยี่เทียนแข็งทื่อ เขาต้องผลักหงส์แดงออกในทันทีแต่แรก แต่เขากลับโอบหญิงสาวในอ้อมกอดราวต้องมนต์
เมื่อเห็นหงส์แดงที่สะอึกสะอื้น กู่ยี่เทียนถอนหายใจอย่างไร้หนทาง “ฉันแค่พูดไปเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะตายจริงๆ ซะหน่อย โตขนาดนี้แล้วยังจะขี้แยอีก หากพวกเสือขาวมาเห็นต้องล้อเธอแน่”
“ฉันไม่สน คำพูดอัปมงคลแบบนี้พูดไม่ได้! ยังไงปกติพวกเขาก็ล้อฉันเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ขาดคราวนี้หรอกหนเดียวหรอก หากพี่ หากกล้าไปเองคนเดียวก่อน ต่อให้ฉันไล่ตามไปถึงยมบาลก็ต้องไปอัดพี่แน่!”
ยังไงกอดก็กอดแล้ว คราวนี้หงส์แดงสู้ตาย ตอนนี้เธอไม่ได้มองเขาเป็นหัวหน้าแต่อย่างใด ทว่ามองเขาเป็นชายที่ตนรักคนหนึ่ง
ประโยคที่เผด็จการและเอาแต่ใจเล็กน้อยของเธอ กู่ยี่เทียนได้แต่ตอบด้วยรอยยิ้ม “โอเค ฉันจะไม่พูดแบบนี้อีก ฉันรับรองว่าจะมีชีวิตกลับมา แบบนี้โอเคไหม? ถ้าเธอยังไม่ปล่อยฉันอีก จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้นะ”
ได้รับการรับรองจากกู่ยี่เทียน หงส์แดงถึงได้ใช้แรงปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนที่จะละออกจากอ้อมกอดของเขาอย่างเคอะเขิน
หลี่ฝางที่อยู่ไกลออกไปเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ เห็นว่าคุยกันพอสมควรแล้ว จึงเดินเข้ามา “เหล่ากู่ ได้เวลาแล้ว เราไปกันเถอะ”
รับกระเป๋าเป้ในการปีนเขา กู่ยี่เทียนพยักหน้า “อืม ไปกันเถอะ”
“เสี่ยวหงส์แดง ผมจะดูแลหัวหน้าของคุณเป็นอย่างดีเลย เธอวางใจเถอะ แล้วก็ฝากพวกคุณช่วยดูแลคนในครอบครัวของผมด้วยนะ โดยเฉพาะทางด้านวี่เฟย หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้คนไปปกป้องความปลอดภัยของเธอ” หลี่ฝางที่เห็นหงส์แดงยังคงอาลัยจึงหยอกล้อขึ้น
แม้เขาจะให้ราฟาเอลปกป้องฉินวี่เฟยอย่างลับๆ แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจ หากศัตรูของเขาถือโอกาสที่เขาเข้าสู่ห้วงเวลาซากปรักหักพังลึกลับ ไปหาเรื่องฉินวี่เฟย ราฟาเอลคนเดียวก็ยากที่จะรับมือได้ทั้งหมด เพราะงั้นให้พวกหงส์แดงช่วยดูแลอีกแรงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
“แค่ช่วยดูแลฉินวี่เฟย? แล้วผู้หญิงอีกคนไม่ต้องสนใจหรือไง?”
เรื่องของหลี่ฝางและหยางฉงสำหรับหงส์แดงและคนอื่นๆ แล้วไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด เป็นผู้หญิงเหมือนกัน หงส์แดงรังเกียจผู้ชายที่เหยียบเรือสองแคมเป็นที่สุด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้เธอได้พบหลี่ฝางถึงได้หาเรื่องเขาตลอด
เมื่อได้ยินหงส์แดงพูดถึงหยางฉง หลี่ฝางนิ่งไป อันที่จริงช่วงนี้หยางฉงจะส่งข้อความและโทรหาเขาทุกวัน เพียงแต่เขาไม่เคยตอบกลับเลยสักครั้ง
ข้อแรกเพราะเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าต่อหยางฉงยังไงดี ข้อสองคือเขาตัดสินใจที่จะตัดขาดกับหยางฉง การติดต่อกันมากเกินไปมีแต่จะทำให้เขาลังเลยิ่งไปกว่าเก่า
“ทางด้านหยางฉงแล้วแต่พวกคุณเห็นสมควร เรื่องราวไม่ได้ใหญ่โตก็ไม่ต้องสนใจไป หากเธอไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาแล้วจริงๆ พวกคุณค่อยยื่นมือช่วยเหลือ”
ท้ายที่สุดหลี่ฝางก็ไม่ใจเด็ดพอที่จะไม่สนใจหยางฉง คิดซะว่าเพื่อตอบแทนที่เธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้
“เหอะ ผู้ชายสารเลว” หงส์แดงทำตาขาวใส่หลี่ฝาง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะแยแสเขามากนัก
หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่น เบื่อที่จะแก้ตัวให้กับตนเอง ผู้ชายสารเลวก็ผู้ชายสารเลวแล้วกัน ความผิดที่ตนกระทำตัวเขาก็ต้องยอมรับผลของมันเอง
เมื่อสักครู่ถือโอกาสที่กู่ยี่เทียนและหงส์แดงคุยกัน หลี่ฝางได้ส่งข้อความกลุ่มในโทรศัพท์ บอกฉินวี่เฟยและคนอื่นๆ ว่าเขาอาจจะขาดการติดต่อไปสักระยะหนึ่ง ให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงรอเขากลับมา
นอกจากนี้เขายังติดต่อหาไท่ซางช่วงนี้ให้เขาอยู่ตระกูลหยางไปก่อน เพื่อให้การสนับสนุนหยางฉงแทนเขา ยังไงซะท่านปู่หยางเพิ่งเสียไปไม่นาน วิกฤติของตระกูลหยางยังไม่คลี่คลายดี หยางฉงที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งอยากจะควบคุมตระกูลหยางต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
สนามแม่เหล็กในซากปรักหักพังลึกลับมีความแปลกประหลาดมากเมื่อเข้าไปแล้วจะขาดการติดต่อกับโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ต่างก็ใช้ไม่ได้ ดีที่องค์กรต้าเซี่ยหลงเช่วได้คิดค้นอุปกรณ์พิเศษชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้หลี่ฝางติดต่อกับคนที่อยู่ที่ปากทางเข้าได้
หลังเตรียมอุปกรณ์และทุกอย่างเสร็จแล้ว หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนจึงเข้าไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ เมื่อเข้าสู่บริเวณปีศาจซากปรักหักพัง หลี่ฝางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสนามแม่เหล็กเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วแรงกว่าไม่น้อย
แถมพลังงานในนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แข็งแกร่งกว่ามาก หากไม่ใช่เพราะเขาและกู่ยี่เทียนเป็นครึ่งเทพ แค่จะอยู่ในนี้ให้นานสักหน่อยก็ยังยาก
“ทางที่ดีเราสองคนอย่าแยกจากกัน ในซากปรักหักพังลึกลับประหลาดมาก แถมอาซาโทสก็อยู่ในนี้ด้วย หากเราแยกกัน คงจะอันตราย”
มีประสบการณ์จากครั้งก่อน หลี่ฝางค่อนข้างชำนาญในซากปรักหักพังลึกลับ เดินทางไปด้วยพลางกำชับกู่ยี่เทียน
“หลี่ฝาง แกรู้สึกไหมว่าบรรยากาศในซากปรักหักพังแตกต่างจากด้านนอก?” กู่ยี่เทียนกวาดมองป่าทึบต้นไม้ใหญ่กว่าปกติรอบด้าน ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
เมื่อถูกเขาเตือน หลี่ฝางถึงได้ตรวจสอบบรรยากาศรอบด้าน เป็นอย่างที่ว่า บรรยากาศในซากปรักหักพังลึกลับแตกต่างจากด้านนอก
ตอนนี้โลกภายนอกเป็นช่วงที่ร้อนอบอ้าว ต้นไม้ต่างเขียวขจีทั้งสิ้น แต่ต้นไม้ใบหญ้าในซากปรักหักพังลึกลับกลับเหี่ยวเฉา เป็นฤดูใบไม้ร่วงเห็นๆ
ที่มันอะไรกัน? ครั้งก่อนที่เขาเข้ามาที่ซากปรักหักพังลึกลับไม่ได้เป็นแบบนี้
“แกว่าของในนี้กินได้ไหว?” เผชิญหน้าต่อเหตุการณ์ประหลาดนี่ กู่ยี่เทียนกลับมีอารมณ์ล้อเล่น จบประโยคเขาจึงยื่นมือเด็ดผลไม้จากต้นไม้
“ระวัง!”
มือของกู่ยี่เทียนเพิ่งจะแตะผลไม้ หลี่ฝางก็ออกกระบวนท่า มีดเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของกู่ยี่เทียนลอยออกไป กู่ยี่เทียนตกใจจนตัวสั่น “ให้ตาย แกคิดว่าลอบฆ่าใช่ไหม!”
หลี่ฝางอยากจะอัดกู่ยี่เทียนสักหมัด ให้ตายเวลาที่ควรจะจริงจังกลับไม่จริงจัง “บัดซบ หากข้าไม่ช่วย แกคงตายไปแล้ว!”
เขากล่าวพลางเดินไปด้านหลังของกู่ยี่เทียน ก็ได้พบกับงูสีแดงเพลิงที่รัดอยู่บนต้นไม้ใหญ่เท่าถังน้ำ ต่อให้มีดพกแทงเข้าที่ตัวของมัน แต่ก็ยังนิสัยดุร้ายข่มขู่ด้วยพลังอันล้นหลาม