“ก็แค่งูเล็กตัวเดียวไม่ใช่หรือไง? เป็นถึงครึ่งเทพอย่างฉัน จะถูกงูตัวเล็กๆ นี่กัดตายหรือไง”
สิ้นสุดคำของกู่ยี่เทียน พลันยื่นมือออกไปหวังจับกุมงูเล็กนั้น กลับถูกหลี่ฝางเตะปลิวเสียก่อน
“แกรู้ไหมว่านี่มันงูอะไร? ถึงได้กล้าจับมัน!” หลี่ฝางคำรามด้วยความโกรธฟึดฟัด หากไม่เห็นว่ากู่ยี่เทียนมีความสามารถระดับครึ่งเทพ เขาไม่มีทางพาไอ้หมอนี่เข้ามาที่ซากปรักหักพังลึกลับนี่ด้วยแน่
อย่ามองว่างูสีแดงภายนอกมีสีสดใส รูปลักษณ์สวยงาม แต่มันกลับเป็นสัตว์พิษหนึ่งในห้าที่ร้ายแรงที่สุด หรือแม้กระทั่งฟันของมันแหลมจนสามารถทิ่มแทงผิวหนังของคนได้อย่างง่ายดาย หากโดนมันกัดเข้าละก็ แม้แต่เทพองค์เองก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่ดีที่งูชนิดนี้ความต้องการต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสูง ได้เคยพบเห็นแค่ในซากปรักหักพังลึกลับเท่านั้น
กู่ยี่เทียนนวดเอวที่แทบจะหักของตนเอง ถลึงตาโตใส่หลี่ฝางอย่างไม่พอใจ “ความอดทนของกูมีขีดจำกัดนะโว้ย หากแกกล้าทำร้ายกูอีก กูไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“ถ้าโดนงูนั่นกัดเข้าละก็ แกรอตายได้เลย ต่อจากนี้ ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งจากฉัน ทางที่ดีอย่าแตะอะไรในซากปรักหักพังนี่ดีกว่า อย่าไปไหนมั่วซั่วด้วย ถ้าแกตายขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบนะ”
หลี่ฝางเบื่อที่จะอธิบายกับกู่ยี่เทียน พลางแค่กำชับด้วยความเย็นชา จึงกลับหลังไปกลับไปจัดการกับงูสีแดงตัวนั้น
งูพวกนี้ ผิวหนังของมันมีผิวร้ายแรง หากสัมผัสด้วยมือโดยตรง ทำให้ประสาทของเราชาทันที ชาอย่างที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้อีก ถึงขั้นอัมพาต
ดีที่ก่อนที่จะเข้ามาที่ซากปรักหักพังหลี่ฝางนึกถึงเหตุการณ์นี้ก่อนอยู่แล้ว จึงได้กำชับให้ลูกน้องช่วยเตรียมถุงมือยางเอาไว้ให้แล้ว เขาสวมถุงมือยาง จับงูเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างดึงมีดพกออกมาจากต้นไม้
“ช่วยเอาขวดสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าฉันที” เขาออกคำสั่งกับกู่ยี่เทียนโดยไม่แม้แต่แหงนหน้าขึ้น อีกฝ่ายไม่พอใจนัก แต่ก็ทำตามคำสั่งด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ในเมื่องูนี่พิษแรงขนาดนี้ ทำไมนายไม่ฆ่ามันไปเลยล่ะ นายทำอะไรอยู่?”
เมื่อเห็นหลี่ฝางง้างปากของงูออก รีดเอาพิษใส่ขวดสีน้ำตาล กู่ยี่เทียนกล่าวถามอย่างรังเกียจ
แม้ว่ากู่ยี่เทียนจะไม่กลัวอะไร แต่เมื่อเห็นสัตว์เลื้อยคลานที่ไร้ขนผิวลื่นแบบนี้ แต่ก็รู้สึกขนลุกซู่
หลี่ฝางเก็บพิษงูอย่างระแวดระวัง เพื่อแนวคิดการประหยัด เขาแทบจะอยากลอกหนังงูที่มีพิษที่ออกมาด้วย
การถลกหนังเป็นๆ นองเลือดอย่างมาก กู่ยี่เทียนที่ดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านหนังตากระตุกไม่หยุด ให้ตายหลี่ฝางเป็นคนมีรสนิยมรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“แกแกแก น่าสะอิดสะเอียนเกินไปรึเปล่า? แม้หนังงูนี่จะสีแดงเพลิงร้อนแรง ดูสวยงาม แต่นายก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใจร้ายถึงขนาดถลกหนังมันเลยนี่”
“แกจะไปรู้อะไร! อาซาโทสเขามีลูกน้องสิบสองคน แกแน่ใจหรือว่าเราสองคนจะหนึ่งต่อสิบสามได้? งูสีแดงนี่เป็นของพิเศษของซากปรักหักพังลึกลับนี่ พิษในตัวแทบจะไร้ทางแก้ ฉันเก็บพิษและหนังของมันเอาไว้ เพื่อเอามาสร้างอาวุธลับ ให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับอาซาโทสและพวกของมัน”
หากไม่ใช่เพราะต่อจากนี้ต้องเพิ่งกู่ยี่เทียนเพื่อเอาชนะการต่อสู้ หลี่ฝางไม่อยากจะแยแสเขาด้วยซ้ำ หลังเก็บพิษงูและถลกหนังงูเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่ฝางทำการสร้างอาวุธอย่างไม่รอช้า
พิษงูไม่เยอะมากนัก เพียงแค่สองหยดเท่านั้น เขาจึงถูมันบนเข็มเหล็กมีพกมาด้วยในตัว ทั้งหมดมีสิบสองเข้ม เมื่อได้ผสมพิษของงูเข้าไป รับรองว่าพิษร้ายกาจจนมิอาจต้านได้แน่
หรือแม้แต่หนังงู เขาใช้พลังงานภายในทำให้แห้ง แล้วบดเป็นผงสีแดงเข้ม หากคนสูดเข้าไปแม้เพียงนิดเดียว ไม่ถึงสามวินาทีก็จะอัมพาตทันที
เมื่อจ้องมองอาวุธลับที่ถึงแก่ชีวิต หลี่ฝางเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเลห์ ต่อให้อาซาโทสอยู่เหนือกว่าเขาแล้วยังไง ต่อให้เหนือแค่ไหนก็หนีไม่พ้นการลอบฆ่าอยู่ดี
ขณะที่เขาสร้างอาวุธลับเสร็จไม่นาน อุปกรณ์พิเศษที่ใช้ติดต่อกับโลกภายนอกก็ดังขึ้น ทำให้กู่ยี่เทียนและหลี่ฝางตกใจแทบแย่
“ฮัลโหล ลูกพี่ใหญ่……หลี่ฝาง พวกคุณ……ได้ยินไหม? โหลโหลโหล ลูกพี่ใหญ่ หลี่ฝาง ได้ยินแล้ว……ตอบด้วย!”
เสียงของมังกรฟ้าแล่นผ่านมาตามอุปกรณ์ แม้เสียงจะขาดๆ หายๆ แต่หลี่ฝางทั้งคู่ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน กู่ยี่เทียนรีบตอบกลับ
“รับทราบ รับทราบ ฉันคือกู่ยี่เทียน ฉันกับหลี่ฝางเราปลอดภัยดี”
ผ่านไปประมาณสิบวินาที เสียงของเสือขาวแล่นผ่านมายังอุปกรณ์อีกครั้ง “ลูกพี่ใหญ่! พี่จริงๆ ใช่ไหม? ให้ตาย ติดต่อพี่ได้สักที!”
หลี่ฝางทั้งคู่ได้ยินอย่างงั้นฉงนอย่างมาก พวกเขาเข้ามาที่ซากปรักหักพังไม่นาน แต่คำพูดของเสือขาวเหมือนว่าเราหายไปนานมากอย่างไรอย่างงั้น กู่ยี่เทียนกล่าวถามอย่างประหลาดใจ
“เสือขาว เกิดอะไรขึ้น? เราตกลงกันแล้วนี่ ว่าหนึ่งชั่วโมงติดต่อกันที ยังไม่ถึงเวลาเลย ทำไมพวกนายถึงส่งสัญญาณมาล่ะ”
สิ่งนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตกลงกันเอาไว้ หลี่ฝางร้อนรนขึ้นมาทันที หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้างนอกนั่นรึเปล่า? เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาแย่งอุปกรณ์สื่อสารมาจากมือของกู่ยี่เทียน พูดกับอุปกรณ์อย่างร้อนใจ
“เสื้อขาว นี่ฉันหลี่ฝางนะ ข้างนอกนั่นเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? วี่เฟยไม่เป็นอะไรใช่ไหม สถานตากอากาศล่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
เสือขาวที่เฝ้าหน้าทางเข้าที่คิดจะตอบคำถามของกู่ยี่เทียน เมื่อได้ยินเสียงของหลี่ฝางเขาทำตาขวางอย่างไม่พอใจ เบาะปากสบถอย่างไม่พอใจ “วี่เฟยเธอเลิกกับแกไปแล้ว แกจะยุ่งกับเธออีกทำไมกัน”
“อย่าพูดมาก รีบตอบคำถามกูมา” หลายวันมานี้หลี่ฝางดูก่นด่าเพราะเรื่องนอกใจมาตลอด ในใจเขาเองก็โกรธมากไม่แพ้กัน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อได้ยินประโยคของเสือขาวแล้วทำให้เขาเกิดไร้ความอดทนขึ้นมา จนต้องระเบิดอารมณ์ออกมา
ไฟโกรธที่ปะทุขึ้นมากะทันหันทำให้เสือขาวสะดุ้งอย่างตกใจ เขาบ่นอุบกับอุปกรณ์สื่อสารว่าประสาทก่อนที่จะยื่นมันให้กับมังกรฟ้า
“ข้างนอกทุกอย่างเรียบร้อยดี หลี่ฝางอย่าโกรธเลย”
เมื่อได้ยินมังกรฟ้าบอกว่าวี่เฟยและคนอื่นๆ ไม่เป็นอะไร หลี่ฝางถึงได้คลายความโกรธ แต่ความหงุดหงิดในใจกลับไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย
ตามหลักแล้ว เขาไม่ใช่คนที่โมโหง่าย เมื่อก่อนเสือขาวก็ต่อปากต่อคำกับเขาอยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยโมโหเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่มันไม่ปกติแล้ว!
“หลี่ฝาง นายใจเย็นก่อน ฉันจะพูดกับมังกรฟ้าเอง” เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนตบบ่าของเขา พร้อมปลอบใจ
หลี่ฝางเองก็รู้ตัวว่าอารมณ์ของเขาผิดปกติ จึงพยักหน้ายื่นเครื่องมือสื่อสารให้กับกู่ยี่เทียน ก่อนที่ตนจะเดินไปอีกทางเพื่อสงบสติ
“ลูกพี่ใหญ่ ซากปรักหักพังนี่ประหลาดมาก พี่บอกพี่อยู่ในนั้นไม่ถึงชั่วโมง แต่เราอยู่ข้างนอกจะสามวันแล้ว สามวันมานี้เราติดต่อพี่มาตลอด แต่ไม่ว่าจะติดต่อยังไงก็ไม่ได้ผล”
ประโยคของมังกรฟ้าทำให้กู่ยี่เทียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อสักครู่เขาพบว่าบรรยากาศในซากปรักหักพังลึกลับนี่ต่างจากข้างนอก แต่ไม่คิดเลยว่าจะมากมายขนาดนี้