NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1197 เดินทางสู่เมืองตงไห่

บทที่ 1197 เดินทางสู่เมืองตงไห่

หลังตัดสินใจเก็บเด็กในท้องเอาไว้ ในที่สุดหยางฉงก็ตั้งสติ เพื่อเด็กคนนี้เธอถึงกับทิ้งงานทั้งหมดให้กับอารองและอาสามดูแล ส่วนเธออยู่ภายใต้ความดูแลครรภ์กับหมอและหวางซีเหยา

เวลาผ่านๆ ไปหนึ่งเดือน เมื่อคุณหมอบอกว่าอาการของเด็กปกติดีทุกอย่าง หยางฉงถึงได้เดินทางไปหาหลี่ฝาง

“พี่สะใภ้ เมื่อถึงที่แล้ว ได้เจอพี่ใหญ่ พี่บอกเขาไม่ได้นะว่าผมเป็นคนบอกพี่ ถ้าเขารู้ว่าผมหลุดปาก เขาต้องถลกหนังผมแน่”

บนเครื่องบิน ไท่ซางร้องขอหยางฉงอย่างยกยอ

หลังจากที่หยางฉงออกไปในวันนั้น เขาแทบจะพลิกทั้งเมืองจิงซาน ขณะที่เขาแทบบ้าคลั่ง หยางฉงกลับมาพร้อมกับหวางซีเหยา แถมหวางซีเหยาก็บอกเขาว่า หยางฉงท้องลูกของหลี่ฝาง ให้เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมด

คนท้องจะโมโหไม่ได้ ไท่ซางจึงต้องเล่าเรื่องของหลี่ฝางและฉินวี่เฟยอย่างว่าง่าย ทีแรกคิดว่าหยางฉงจะเสียใจมาก แต่สิ่งที่ทำให้ไท่ซางประหลาดใจ หยางฉงไม่เพียงแค่ไม่ร้องโวยวาย แถมยังบอกว่าจะไปเมืองตงไห่เพื่อหาหลี่ฝาง

ฉินวี่เฟยก็เป็นคนเมืองตงไห่ หยางฉงไปถึงที่แบบนี้ ต้องพบกับฉินวี่เฟยแน่ ผู้หญิงสองคนนี้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำให้ไท่ซางปวดหัว

หนึ่งเดือนที่หยางฉงรักษาครรภ์ เขาคิดหาวิธีที่จะให้หยางฉงเลิกคิดที่จะไปหาหลี่ฝาง แต่ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง หยางฉงก็ยังคงนั่งรถมุ่งไปสู่สนามบินตงไห่

“แกหุบปาก! แกมันพวกเดียวกับไอ้สารเลวหลี่ฝาง ไม่เห็นหรือไงว่าหยางฉงกำลังเสียใจ? ไปอยู่ที่อื่นซะ!”

หวางซีเหยาที่อยู่อีกด้านด่ากราดไท่ซาง เมื่อก่อนตอนที่หลี่ฝางยังไม่ฟื้นความจำ หวางซีเหยายังพอมีความประทับใจในตัวไท่ซางบ้าง ยังไงซะปรมาจารย์ยุทธภพอายุน้อยขนาดไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ปากหวานแถมยังหน้าตาดีน้อยนัก

แต่หลังจากที่เธอรู้เรื่องราวของหลี่ฝางและฉินวี่เฟย ปฏิกิริยาของหวางซีเหยาที่มีต่อไท่ซางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก วันๆ เอาแต่ชักสีหน้าใส่เขา แถมยังไม่ให้เขาเข้าใกล้หยางฉง

“อะไรกัน ผมพูดกับพี่สะใภ้ของผมมันเดือดร้อนอะไรเธอ? ขี้เหร่อย่างเธอยุ่งอะไรด้วย? ผมจะบอกให้ ถ้าไม่เห็นแก่ที่คุณเป็นเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้ผม ผมฆ่าคุณไปแล้วเชื่อไหม”

ช่วงนี้ไท่ซางทนกับหวางซีเหยามามากพอแล้ว ทีแรกเขาทนได้ ท้ายที่สุดเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงทะเลาะกับหวางซีเหยา

“แน่จริงก็ฆ่าฉันซะเลยสิ ผู้ชายของแกรังแกผู้หญิงไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย! ถ้าไม่ใช่ว่าต้องการแกนำทาง เราไม่พาแกไปตงไห่ด้วยหรอก!”

หวางซีเหยาไม่อ่อนข้อ ไม่กลัวการข่มขู่ของไท่ซางแม้แต่น้อย พลันโต้แย้งกลับไป ไท่ซางโมโหจนแทบระเบิด อยากจะใช้อารมณ์แต่ก็ไม่กล้า

ตอนนี้พวกเขาอยู่กลางอากาศ ถ้าเขาทนไม่ได้ พังเครื่องบินขึ้นมา พวกเขาต้องจบเห่กันหมดนี่

เขายังหนุ่ม ยังขึ้นเตียงกับผู้หญิงไม่เพียงพอ เขาไม่อยากตายตอนหนุ่มขนาดนี้

ไท่ซางสูดหายใจเข้า ท่องประโยคนั้นในใจอยู่หลายรอบ ถึงได้คลายความโกรธลงได้บ้าง

“ผมใจกว้าง ไม่ถือสาคนไร้สมองอย่างเธอ เธอด่าไปเถอะ ฉันจะถือซะว่าหมาเห่าแล้วกัน”

หลังจบประโยค ไท่ซางดึงที่ปิดตาลงมาจากหัว ปรับเบาะก่อนงีบหลับ หวางซีเหยาโมโหจนหน้าแดง คิดที่จะด่าต่อ แต่หยางฉงกลับขัดขึ้นเสียก่อน

“เหยาเหยา เลิกทะเลาะกับไท่ซางเถอะ อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงตงไห่ เธอหลับเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะ”

หลังได้ยินคำของหยางฉง หวางซีเหยาถึงได้ทำเสียงไม่พอใจใส่ไท่ซาง ยุติการต่อสู้ที่ไร้ไอควันในครั้งนี้

“ฉันรู้แล้ว ผู้หญิงที่ดีไม่สู้กับผู้ชาย เห็นแก่เสี่ยวฉงเธอ วันนี้ฉันจะไม่ถือสาเขา เสี่ยวฉง เธอพักผ่อนหน่อยเถอะ ช่วงนี้เพราะเด็กในท้องเธอไม่ค่อยได้พักผ่อน ผมลงไปมาก”

หยางฉงที่ผอมจนเสียรูปทรง หวางซีเหยาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อุ้มท้องช่างลำบากเหลือเกิน โดยเฉพาะหยางฉง ที่คลื่นไว้อาเจียนหนักกว่าคนธรรมดาทั่วไป ช่วงนี้ไม่ว่าทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด กลิ่นแปลกนิดหน่อยก็ไม่ได้

เมื่อสักครู่ขึ้นเครื่องได้กลิ่นของเครื่องก็อาเจียนไปแล้วหนึ่งรอบ อาเจียนอาหารที่อุตส่าห์ทานเข้าไปอย่างยากลำบากออกมาไม่เหลือ ทำให้หวางซีเหยาเจ็บปวดใจ

“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาแก้วสักหน่อย ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น เธอนี่นะ วางใจเถอะ” หยางฉงตบหลังมือของหวางซีเหยาด้วยรอยยิ้ม บอกให้เธอไม่ต้องเป็นกังวลในตัวเธอ หลังจากที่เธอท้อง หวางซีเหยาค่อนข้างระมัดระวัง กลัวว่าเธอจะได้รับการขีดข่วน ไว้ตรงฝ่ามือก็กลัวว่าจะตกแตก อมอยู่ในปากก็กลัวว่าจะละลาย

“พอได้แล้ว เธอนอนเถอะ ถึงตงไห่แล้วฉันจะปลุกเอง” หวางซีเหยาเองก็รู้ว่าหยางฉงไม่ชอบให้เธอบ่นมากเหมือนกับแม่ ช่วยหยางฉงห่มผ้าแล้วอุ้มไอแพดเอาไว้ดูซีรีส์

ช่วงบ่ายสี่โมงครึ่ง หยางฉงทั้งสามถึงสนามบินเมืองตงไห่อย่างตรงเวลา นาทีที่เดินออกจากสนามบิน หยางฉงอดรู้สึกกลัวไม่ได้

“เสี่ยวฉง ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่กับเธอ” หวางซีเหยามองออกถึงความหวาดหวั่นของหยางฉง จึงกุมมือของหยางฉงเอาไว้อย่างใส่ใจ ปลอบใจด้วยรอยยิ้ม

“ฉันไม่เป็นไร เหยาเหยาเราไปกันเถอะ” หยางฉงกุมมือของหวางซีเหยากลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนก้าวยาวออกไปที่ทางออก

ภายใต้การนำทางของไท่ซางหยางฉงและหวางซีเหยามาถึงที่สถานตากอากาศ แม้หยางฉงและหวางซีเหยาจะไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่นาทีที่เห็นสถานตากอากาศ พวกเธอก็ต้องตกตะลึง

“นี่ พื้นที่นี้เป็นของหลี่ฝางงั้นหรือ?” หวางซีเหยาจ้องมองบรรยากาศข้างหน้านิ่ง กล่าวถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ พี่ใหญ่ผมเขารวยมากเลย เพียงแต่เขาไม่ชอบอวดเท่านั้น” ไท่ซางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ฐานะของหลี่ฝางเขาไม่แน่ใจนัก แต่ผู้ชายมีสถานตากอากาศแบบนี้ในครอบครอง เขาจะจนได้ยังไง?

“เหอะ จะมีเงินแค่ไหนก็เป็นผู้หญิงสารเลว” เมื่อเห็นทีท่าที่ได้ใจของไท่ซาง หวางซีเหยาอดไม่ได้ที่จะหาเรื่องเขา

เมื่อถึงพื้นที่ของตนเองแล้ว ไท่ซางไม่จำเป็นที่จะต้องไว้หน้าหวางซีเหยา ทั้งคู่ต่างทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน จนลืมใส่ใจหยางฉงที่อยู่อีกด้าน

“ไท่ซาง บ้านของหลี่ฝางหลังไหนล่ะ?” หยางฉงจ้องมองสถานตากอากาศแต่ละหลัง กล่าวถามเสียงแผ่ว

บอกตามตรง เธอเองก็ตกตะลึงกับบ้านพักตากอากาศที่นี่เช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่เขาอยู่ที่เมืองจิงซาน เดินเล่นกับหวางซีเหยาก็ต้องให้หยางฉงออกเงิน ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะรวยขนาดนี้ แค่สถานตากอากาศที่นี่ ฐานะทางด้านการเงินของหลี่ฝางต้องเหนือกว่าตระกูลหยางแน่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท