NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1208 เลื่อนขั้นอีกครั้ง

บทที่ 1208 เลื่อนขั้นอีกครั้ง

แคทเธอรินเองก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูของหลี่ฝาง ต่อให้หลี่ฝางไม่อยากจะปลุกพลังของเทพอ้านขึ้นมา เธอก็ยินดีที่จะช่วยหลี่ฝางเอาชนะอาซาโทส

สุดท้ายหลี่ฝางและแคทเธอรินก็ได้กลายเป็นพันธมิตรกัน อาซาโทสได้ให้สองในสิบสองอัศวินอยู่ที่ชนเผ่าอูข่าและถูกชนเผ่าอูข่าจับตัวเอาไว้ได้ในศึกครั้งนี้

“แม่มด เธอต้องคิดให้ดี ๆ นะ เป็นปรปักษ์กับจักรพรรดิของฉันชนเผ่าของพวกแกจะต้องจบไม่สวยแน่ จักรพรรดิของฉันถึงเป็นทายาทของเทพอ้านทันทีที่เขาได้ของล้ำค่าที่อยู่ในโลกใต้พิภพมาครอบครอง ก็จะกลายเป็นเทพได้สำเร็จ พวกแกทุกคนล้วนต้องตาย!”

ถึงแม้ได้ตกเป็นเฉลยศึก แต่ลูกน้องของอาซาโทสก็ยังคงมีท่าทางหยิ่งผยองเหมือนเดิม ชายผมสีทองตาสีฟ้าหนึ่งในนั้นจ้องมองแคทเธอรินพลางข่มขู่

“แม่งเอ๊ย ถ้าแกยังพูดมากอีก เชื่อไหมว่าฉันจะทำให้หัวของแกหล่นลงบนพื้น!” ท่าทางหยิ่งผยองของทั้งสองคนได้กระตุ้นต่อมโมโหของกู่ยี่เทียน ยกมือขึ้นจะฆ่าสิบสองอัศวิน

ในตอนที่มือของกู่ยี่เทียนอยู่ห่างจากคอของคนคนนั้นเพียงไม่กี่เซนติเมตรนั่นเอง แคทเธอรินก็ได้ห้ามเขาเอาไว้ “ช้าก่อน! อย่างพึ่งฆ่าเขา”

ถึงแม้กู่ยี่เทียนจะไม่รู้ว่าแคทเธอรินเอาทั้งสองคนนี้ไว้ทำไม แต่ก็ยังคงยั้งมือเอาไว้อย่างว่าง่าย

“หลี่ฝาง เอาหินเฮยสวนมาให้ฉัน” หลังจากที่ยับยั้งกู่ยี่เทียนเอาไว้ แคทเธอรินก็หันไปเอ่ยกับหลี่ฝาง หลี่ฝางไม่ได้สงสัยอะไร และได้ค้นเอาหินเฮยสวนออกมาจากกระเป๋าเป้ทันที

ทันทีที่หินเฮยสวนปรากฏขึ้น ชาวอูข่าทุกคนก็ได้คุกเข่าลงไปบนพื้นทันที แม้แต่อาคาอูและปันปูที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกมาโดยตลอดก็ได้โค้งตัวลงอย่างนอบน้อม

ก็ไม่รู้ว่าแคทเธอรินได้กล่าวอะไรกับอาคาอูและปันปู เห็นเพียงพวกเขาได้ลากเอาสิบสองอัศวินทั้งสองขึ้นมาจากพื้น จนเดินไปถึงที่ว่างที่อยู่ตรงกลางเผ่า

และชาวอูข่าส่วนที่เหลือต่างก็ได้ตั้งวงล้อมเข้าไปที่ที่วางตรงกลาง ในปากยังร่ายคาถาแปลก ๆ ออกมา เมื่อเห็นเช่นนี้ทั้งสองคนที่เมื่อสักครู่ยังหยิ่งผยองอยู่นั้นก็เกิดกลัวขึ้นมาทันที แต่ก็ยังคงปากแข็ง และตะคอกด่าอยู่ตรงนั้น

“นังผู้หญิงสมควรตาย! แกจะทำอะไรพวกเรา? ฉันสั่งให้พวกแกรีบปล่อยพวกเราไปซะ! ถ้าจักรพรรดิของฉันรู้ว่าพวกแกกล้าก่อกบฏล่ะก็ จะต้องฆ่าพวกแกทั้งหมดอย่างแน่นอน!”

“พวกตัวประหลาด! นี่พวกแกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไงกัน?”

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะด่าว่ายังไง ชาวอูข่าก็เหมือนกับฟังไม่ได้ยิน สายตาที่มองดูพวกเขานั้นทั้งเยือกเย็นทั้งน่ากลัว จากนั้นแคทเธอรินก็ได้ใช้ทั้งสองมือประคองหินเฮยสวนเอาไว้และเดินเข้าไปที่ด้านหน้าของสิบสองอัศวินทั้งสองด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ต่อให้หลี่ฝางจะไม่เข้าใจยังไง เขาก็ได้เข้าใจแล้ว ในเวลานี้พวกแคทเธอรินคงกำลังทำพิธีกรรมโบราณบางอย่างอยู่

เห็นเพียงหินเฮยสวนนั่นลอยอยู่บนหัวของทั้งสองคนอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนสิบสองอัศวินทั้งสองคนนั้นราวกับได้ถูกคนเสกคาถาให้ขยับตัวไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น ทั้งสองคนแววตาเหม่อลอยคุกเข่าอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน

ลำแสงที่แทบจะมองไม่เห็นลอยออกมาจากบนหัวของสิบสองอัศวิน และได้ถูกหินเฮยสวนกลืนกินเข้าไป

ในตอนที่แสงทั้งสองสายได้หายไปนั่นเอง สองคนนั้นก็ได้ล้มลงไปเหมือนกัน แคทเธอรินกวักมือให้กับหลี่ฝาง เป็นเชิงบอกให้เขาเข้ามาหา ร่างของหลี่ฝางชะงักเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อแคทเธอริน

สัญชาตญาณบอกกับเขาว่า แคทเธอรินจะไม่ทำร้ายขาอย่างแน่นอน

ในตอนที่หลี่ฝางเดินมาถึงที่ด้านหน้าของแคทเธอรินนั่นเอง เธอก็ได้กรีดที่มือของตัวเองอีกครั้ง และหยดเลือดสด ๆ ลงไปบนหินเฮยสวน ปากก็ขมุบขมิบไป

ผ่านไปสักพัก แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งงก็ได้สาดส่องออกมาจากหินเฮยสวนและพุ่งเข้าไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของหลี่ฝาง หลี่ฝางรู้สึกว่าเส้นเลือดทั่วทั้งร่างกายของเขาได้ถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ เขารู้สึกสบายไปหมดทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก

รอจนแสงสีน้ำเงินหายไป หลี่ฝางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังของตัวเองได้ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้น ก่อนหน้านี้พลังของเขาแค่อยู่ในขั้นครึ่งเทพระยะแรก หลังจากที่ได้ดูดกลืนพลังที่อยู่ในหินเฮยสวนเข้าไป พลังของเขาก็ได้ก้าวมาถึงขั้นครึ่งเทพระยะกลางทันที

“แคทเธอริน คุณรู้จักวิธีใช้หินเฮยสวนได้ยังไง?” หลี่ฝางมองแคทเธอรินอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ก่อนหน้านี้หลี่ฉี่หมิงจะได้บอกกับหลี่ฝางแล้วว่าพวกเขาดูดพลังจากหินเฮยสวนได้ยังไง แต่วิธีนั้นยังคงมีความเสี่ยงสูง ถ้าหากไม่ถึงขึ้นที่จำเป็นจริง ๆ หลี่ฝางก็ไม่คิดจะใช้มัน

คิดไม่ถึงว่าแคทเธอรินจะสามารถดึงพลังในหินเฮยสวนออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ นอกจากนี้ยังได้ส่งมันเข้าสู่ร่างกายของหลี่ฝางอีกด้วย

“เดิมทีหินเฮยสวนก็เป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเราลูกหลานเทพอ้านแต่ได้ถูกคนจากโลกภายนอกขโมยไปเมื่อหลายปีก่อน คิดไม่ถึงว่าคุณจะพามันกลับมาอีกครั้ง” แคทเธอรินมองหลี่ฝางด้วยท่าทางซับซ้อน

เหตูการณ์ที่หินเฮยสวนถูกขโมยไปเมื่อก่อนหน้านี้ ชาวอูข่าก็เริ่มระมัดระวังบุคคลจากโลกภายนอกมากขึ้น และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมตอนที่หลี่ฝางมาที่ซากปรักหักพังลึกลับ เมื่อครั้งที่แล้ว ถึงได้ถูกชาวเผ่าอูข่าสะกดรอยตาม

“เวลาไม่คอยท่า พวกเรารีบไปที่โลกใต้พิภพกันเถอะ อาซาโทสได้เข้าไปหลายวันแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสามารถของเขาในเวลานี้อยู่ในระดับไหนแล้ว ถึงแม้ตอนนี้คุณจะเข้าสู่ขึ้นครึ่งเทพระยะกลาง แต่ฉันเดาว่าคงยังไม่สามารถสู้อาซาโทสได้”

เมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ ท่าทางของแคทเธอรินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น และเป็นธรรมดาที่หลี่ฝางเองก็เข้าใจจุดนี้ อาซาโทสกล้าบุกเข้ามาในซากปรักหักพังลึกลับ อย่างอุกอาจเช่นนี้ แสดงว่าเข้าจะต้องมั่นใจเรื่องกลายเป็นเทพเป็นอย่างมาก คาดเดาว่าพลังของเขาในตอนนี้คงถึงขั้นครึ่งเทพระยะสุดท้ายแล้ว คงอีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถกลายเป็นเทพได้

แต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้ว หลี่ฝางยิ่งอยากรู้ว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าอูข่ามีสมบัติล้ำค่าอะไรอยู่ข้างในกันแน่ ถึงได้ทำให้อาซาโทสดั้นด้นมาแม้ไกลเพียงใดก็ตาม: “แคทเธอริน สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในโลกใต้พิภพนี้คืออะไรกันแน่?”

“หัวใจของเทพอ้าน” ในวันนี้ความสงบสุขของชนเผ่าอูข่าได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ความลับที่เผ่าพันธุ์ปกป้องมาทุกยุคทุกสมัยนั้นก็ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป แคทเธอรินก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก จึงได้บอกความจริงกับหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนโดยตรง

“แคทเธอริน หัวใจที่คุณพูดถึง คงไม่ใช่แบบที่ผมคิดหรอกนะ?” ตอนนี้ในสมองของกู่ยี่เทียนมีหัวใจที่เต็มไปด้วยเลือดสด ๆ กำลังเต้นอยู่อย่างมีพลัง เป็นภาพที่เต็มไปด้วยเลือด

“หัวใจของเทพอ้านไม่ได้หมายถึงหัวใจที่เป็นเลือดเนื้อเท่านั้น แต่เป็นหินคริสทัลที่เกิดจากการรวมตัวกันของการฝึกฝนตลอดชีวิตของเทพอ้านผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ถ้าได้หินคริสทัลไปครอบครอง อาซาโทสก็จะสามารถทะลุขั้นครึ่งเทพ ผ่านพ้นความทุกข์ทรมานจากสายฟ้าทั้งเก้าสาย เข้าสู่แดนเทพ”

เมื่อฟังแคทเธอรินกล่าวจบ สีหน้าของหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าในซากปรักหักพังลึกลับ แห่งนี้จะซ่อนสมบัติล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้ มิน่าอาซาโทสถึงได้กล้าพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าตัวเองกำลังจะเข้าสู่แดนเทพ

“หลี่ฝาง ตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ? อาศัยพลังของพวกเราในตอนนี้ เกรงว่าคงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาซาโทส”

เมื่อนึกถึงอาซาโทสที่อยู่ในขึ้นครึ่งเทพระยะสุดท้าย กู่ยี่เทียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา หลี่ฝางพึงจะดูดซับพลังของหินเฮยสวนข้าไป ตอนนี้ได้เลื่อนเข้าสู่ขั้นครึ่งเทพระยะกลาง แต่เขายังไม่นี่นา เขายังอยู่ในขั้นครึ่งระยะแรกอยู่เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาซาโทส จะต้องถูกทรมานอย่างแน่นอน

“แคทเธอริน คุณมีวิธีที่ทำให้พวกเราติดต่อกับโลกภายนอกได้ไหม?” หลี่ฝางครุ่นคิดอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขาก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท