NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1202 ถูกจับ

บทที่ 1202 ถูกจับ

ในเมื่อหลี่ต๋าคางได้ยอมรับหยางฉงแล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ให้หยางฉงแบกท้องไปพักที่โรงแรมข้างนอก ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความปลอดภัย นี่เป็นท้องแรกของหยางฉง มีหลายอย่างที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ อยู่ข้างนอกเพียงลำพังในที่ที่ไม่คุ้นเคย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาจะต้องแย่แน่เลย

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือให้หยางฉงอยู่ที่สถานตากอากาศ ที่นี่มีตัวเองและพวกส้าวส้วยคอยดูแล ต่อให้มีคู่อริมาหาเรื่องก็ไม่ต้องกลัว

“คุณลุงนี้ นี่ มันไม่ค่อยดีมั้งคะ? ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้พวกคุณลุง” หยางฉงมองหลี่ต๋าคางด้วยความลังเล เธอยังทันได้แต่งงานกับหลี่ฝาง คงไม่ดีที่จะอาศัยอยู่กับพ่อแม่สามีในอนาคตแบบนี้

“ไม่มีอะไรไม่ดีหรอก เห็นที่นี่เป็นเหมือนบ้านของตัวเองนะเสี่ยวฉง ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ต่อ อีกเดี๋ยวคุณป้าของเธอพื้นขึ้นมาจะต้องเล่นงานลุงแน่ ๆ ถือว่าช่วยลุงเถอะนะ อยู่เป็นเพื่อนคุณป้าที่นี่”

หลี่ต๋าคางนั้นเข้าใจความคิดของผู้หญิงมากจริง ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นกับหยางฉง แต่ได้ยกเมี๋ยวชุ่ยออกมา หยางฉงไม่รับปากก็ต้องรับปากแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ หลังจากที่หยางฉงได้ยินว่าหลี่ต๋าคางให้ตัวเองอยู่ต่อเพื่อพูดคุยเป็นเพื่อนเมี๋ยวชุ่ย ใจที่อยากปฏิเสธนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้แรงกล้าเหมือนเดิม เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยความลังเล: “ก็ได้ค่ะ งั้นฉันพักอยู่ที่นี่คุยเป็นเพื่อนคุณป้า”

เมื่อเห็นหยางฉงไม่ไปแล้ว หลี่ต๋าคางก็ได้รีบสั่งให้เหล่าคนรับใช้ไปทำความสะอาดตึกที่อยู่ใกล้เขาและเมี๋ยวชุ่ยที่สุดออกมา หยางฉงและหวางซีเหยาได้เข้าพักที่สถานตากอากาศไปอย่างเป็นทางการเช่นนี้

ถึงแม้ที่ด้านนอกจะผ่านไปเกือบจะครึ่งเดือนแล้ว แต่ที่ด้านในซากปรักหักพังลึกลับ นั้นพึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วันเอง

หลังจากที่ขาดการติดต่อกับพวกมังกรฟ้าไปในวันนั้น หลี่ฝางก็ได้พากู่ยี่เทียนเข้าไปในส่วนลึกของซากปรักหักพังลึกลับ ตอนกลางคืนของในป่านั้นมักจะมาถึงเร็วกว่าที่ไหน ๆ ทั้งสองคนเดินคลำอยู่ในป่าลึกลับสี่ห้าชั่วยาม จากนั้นท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง

ในซากปรักหักพังลึกลับ นั้นมีสิ่งมีชีวิตที่โลกภายนอกไม่มีอยู่มากมาย ตอนกลางวันยังไม่คิดว่ามันน่ากลัวสักเท่าไหร่นัก แต่พอมาถึงตอนกลางคืน ป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่แม้แต่คนเดียว บวกกับเสียงร้องคำรามของสัตว์ป่าที่ดังมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ลูกผู้ชายที่ไม่เกรงกลัวความตายอย่างหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนเกิดขนลุกขนพองขึ้นมาภายในใจ

“พวกเราหาที่ปลอดภัยตั้งค่ายพักแรมกันเถอะ ซากปรักหักพังลึกลับ ในตอนกลางคืนอันตรายมาก ไม่เหมาะที่จะเดินทางต่อ” ในตอนนี้ท้องฟ้าได้มืดสนิทไปแล้ว มองดุสภาพแวดล้อมที่มองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเอง หลี่เหตุการณ์ตัดสินใจที่จะตั้งค่ายพักแรมตรงนั้นเลย

กู่ยี่เทียนเองก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้กางเต็นท์พักแรมบนโขดหินขนาดใหญ่ที่นูนออกมา หาเก็บฟืนที่อยู่รอบ ๆ มาก่อกองไฟ

“หวังจริง ๆ ว่าจะหาอาซาโทสเจอโดยเร็ว จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย ฉันไม่อยากจะอยู่ในที่บ้า ๆ นี่นานกว่านี้แม้วินาทีเดียว”

นั่งอยู่ที่ข้างกองไฟ กู่ยี่เทียนบ่นกับหลี่ฝางไปพลางเคี้ยวธัญพืชอัดแผ่นที่ยากจะกลืนลงคอไป

ถึงแม้อยู่ในซากปรักหักพังลึกลับ แห่งนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่อากาศนั้นยังคงร้อนอบอ้าวเหมือนเดิม ทำให้พวกหลี่ฝางทั้งสองคนที่สวมชุดป้องกันพิเศษร้อนจนแทบทนไม่ไหว ในตอนแรกกู่ยี่เทียนอยากจะถอดชุดป้องกันพิเศษนี่ออก แต่เมื่อเห็นยุงพิษตัวใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือนั่นความคิดนี้ก็ถูกทำลายไป

ถึงขนาดค้นเอาหมวกใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ห่อหุ้มตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่หัวจรดเท้า เกรงว่าจะมีผิวหนังส่วนใดส่วนหนึ่งโผล่ออกมา

นอกจากนี้ทางเดินต่อไปข้างหน้ายังอันตรายอย่างสุดขีด ไม่รู้ว่าทางน้ำไหลเปลี่ยนแปลงไปหรือยังไง ทางเดินบนเขาที่หลี่ฝางเคยเดินเมื่อครั้งที่แล้วกลับกลายเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก ไม่มีทางเลือกทั้งสองคนจึงได้แต่เดินขึ้นไปตามริมแม่น้ำ

พวกเขาไม่เพียงต้องคอยระวังสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ในป่าตลอดเวลา แล้วยังต้องคอยระวังสัตว์ประหลาดที่อยู่ในแม่น้ำอีก

สัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้นมีหน้าตาน่าเกลียดเป็นอย่างมาก ดำสนิทไปทั้งตัว คล้ายกับจระเข้ คลานเคลื่อนที่ด้วยสี่เท้า มีหางยาว ๆ ลากอยู่ด้านหลัง แต่ผิวหนังของสัตว์ประหลาดนั่นกลับลื่นราวกับงู แถมยังหลั่งเมือกสีเขียวออกมา มีพลังกัดกร่อนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

หัวก็ราบเรียบไปหมด ดวงตาคู่นั้นไม่มีแม้แต่เปลือกตา ปูดนูนอยู่บนหัวนั่น ไม่มีจมูก มีเหงือกปลาอยู่ที่ข้างหัวทั้งสองข้าง ในปากที่ใหญ่โตนั้นมีฟันอันแหลมคมเรียงรายกันอยู่อย่างไม่สม่ำเสมอ

ตอนที่กู่ยี่เทียนเห็นสัตว์ประหลาดชนิดนี้เป็นครั้งแรกนั้นเขาแทบจะอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง ยังไม่ทันที่เขาจะได้ศึกษาสัตว์ประหลาดนี่ได้อย่างละเอียด ก็ถูกสัตว์ประหลาดจู่โจมเข้าให้แล้ว หลี่ฝางและกู้ยี่เทียนใช้ความพยายามอย่างมากถึงหลุดพ้นจากสัตว์ประหลาดพวกนั้นมาได้

“นายเลิกบ่นได้แล้วน่า กินเสร็จก็รีบพักผ่อน เก็บรวบรวมพลังเอาไว้ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” พูดตามจริงการกลับเข้ามาที่ซากปรักหักพังลึกลับ อีกครั้งในครั้งนี้ หลี่ฝางเองก็ถูกเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี่ทำให้ตกตะลึง

ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซากปรักหักพังลึกลับ เมื่อครั้งที่แล้วจะเกินกว่าขอบเขตของวิทยาศาสตร์ไปแล้ว แต่สิ่งที่พบเจอในครั้งนี้นั้น มันแปลกประหลาดกว่าครั้งที่แล้วอีกมาก มันทำให้คนที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไรอย่างเขารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

“เฮ้อ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอาซาโทสนั่นนะ ตอนนี้ฉันก็คงเล่นเกมอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ ไม่จำเป็นต้องมาทุกทรมานอยู่ที่นี่แบบนี้หรอก แม่ง ฉันแทบอยากจะลอกหนังหักกระดูกมันจริง ๆ !”

ถึงแม้หลี่ฝางจะบอกให้กู่ยี่เทียนเลิกบ่น แต่เขาก็ยังคงด่าสาปแช่งอาซาโทสอยู่ไม่หยุด ด่าไปพลางกัดธัญพืชอัดแผ่นที่แข็งราวกับหินที่อยู่ในมือไป อย่างกับว่าธัญพืชอัดแผ่นนั่นเป็นอาซาโทสอย่างไรอย่างนั้น

หลี่ฝางมองดูท่าทางดุร้ายของเขา ก็ยิ้มไปพลางส่ายหัวไป ในขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างขึ้นมานั้น จู่ ๆ ในป่าที่ทึบที่เงียบสนิทก็มีเสียงนกหวีดดังแสบหูลอยมา

เสียงนกหวีดนั่นเหมือนกับมีเวทมนตร์ ราวกับมีพลังที่สามารถโจมตีจิตวิญญาณของมนุษย์ หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนเพียงรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองกำลังสั่นสะท้าน ปวดหัวราวกับสมองจะระเบิด สติก็เริ่มเลือนรางขึ้นมา

วินาทีก่อนที่หลี่ฝางจะสลบไปนั้น ก็ได้เห็นเงาร่างสีดำทะมึนกระโดดเข้ามาที่ด้านหน้าของตัวเองและกู่ยี่เทียน เมื่อเห็นพวกเขาจะลงมือต่อกู่ยี่เทียน เขาก็พยายามดิ้นรนที่จะต่อสู้กลับ แต่ท้ายทอยพลันถูกคนตีเข้าให้อย่างจัง จากนั้นทั่วทั้งโลกก็ได้เข้าสู่ความมืดมิด

“ซี้ด……” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดหลี่ฝางก็ได้สติขึ้นมา หลังจากที่ครางเบา ๆ เขาก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้น

“หลี่ฝาง นายฟื้นแล้วเหรอ? !” กู่ยี่เทียนได้ฟื้นขึ้นมาก่อนหลี่ฝางสักพักแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของหลี่ฝาง ก็ได้รีบวิ่งเข้าไป และพยุงหลี่ฝางที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา

หลี่ฝางลูบคลำท้ายทอยที่ยังคงบวมและเจ็บอยู่เบา ๆ เขามองกู่ยี่เทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย สายตาที่เขาจ้องมองมานั้นทำให้หัวใจของกู่ยี่เทียนเต้นตึกตัก เย็xเข้ หมอนี่คงไม่ได้ความจำเสื่อมอีกแล้วหรอกนะ?

“นี่! หลี่ฝาง! นายยังจำฉันได้ไหม? นายยังไม่ได้ความจำเสื่อมอีกแล้วหรอกนะ?”

“แม่งฉันไม่ได้กินโรคความจำเสื่อมเป็นอาหารสักหน่อย จะความจำเสื่อมทุกวันได้ยังไง” หลี่ฝางที่ได้สติกลับคืนมาตีมือของกู่ยี่เทียนที่จับอยู่บนไหล่ของตัวเองออกอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็เริ่มสังเกตการณ์พื้นที่โดยรอบ

ในตอนนี้เขาและกู่ยี่เทียนถูกขังไว้ในคุกแห่งหนึ่ง คุกแห่งนี้นั้นทั้งสามด้านเป็นกำแพงหิน มีเพียงด้านเดียวเท่านั้นที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยกรงเหล็ก

คุกแห่งนี้น่าจะถูกสร้างอยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่ง เพราะเมื่อหลี่ฝางมองผ่านกรงเหล็กออกไปนั้นก็เห็นเป็นผืนป่าดึกดำบรรพ์

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท