NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1205 ได้รับการช่วยเหลือ

บทที่ 1205 ได้รับการช่วยเหลือ

เวลาผ่านไปทีละน้อย หลี่ฝางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้นั่งพิงกรงเหล็กมานานเพียงใดแล้ว พระอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำลง แสงอาทิตย์ตกได้สาดส่องเข้ามาในคุก ทำให้ดูไร้ชีวิตชีวามากขึ้น

“เปลี่ยนแล้ว! คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ!” จู่ ๆ น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของแคทเธอรินก็ลอยเข้ามาในหูของหลี่ฝาง

“ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? สัตว์ประหลาดนั่นมาอีกแล้วเหรอ?” กู่ยี่เทียนกำลังงีบหลับ เมื่อได้ยินเสียงของแคทเธอรินเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เขามองหลี่ฝางด้วยแววตางัวเงีย นึกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดปีกยาวเมื่อสักครู่นั่นได้กลับมาอีกครั้ง

“คุณเป็นเทพจริง ๆ ด้วย! ขอบคุณเทพอ้านพวกเราชาวอูข่ารอดแล้ว!” แคทเธอรินในตอนนี้ตกอยู่ในโลกของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง ถ้าหากหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนสามารถมองเห็นเธอได้ ก็จะพบว่าแคทเธอรินในเวลานี้นั้นมีเลือดไหลออกมาจากหูตาจมูกปาก จนชุดสีขาวของเธอมีรอยเลือดอยู่เป็นจุด ๆ

จากน้ำเสียงของแคทเธอรินหลี่ฝางฟังออกถึงความผิดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา: “แคทเธอริน คุณเป็นอะไรไป?”

แคทเธอรินยิ้มพลางใช้มือเช็ดมุมปากที่เปื้อนเลือด ดวงตาคู่นั้นเป็นประกาย: “ฉันไม่เป็นอะไร หลี่ฝาง สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คุณจะต้องตั้งใจฟังให้ดี”

เมื่อพูดประโยคนี้จบ แคทเธอรินก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมา ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะมองไม่เห็น แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ของแคทเธอรินในตอนนี้นั้นไม่ค่อยปกตินัก: “คุณอย่าพึ่งพูด คุณบาดเจ็บเหรอ?”

แคทเธอรินล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง รอยยิ้มที่มุมปากกลับยังไม่จางหาย ที่จริงแล้วอายุขัยของแม่มดประจำชนเผ่าอูข่าแต่ละรุ่นนั้นไม่มากนัก เฉลี่ยแล้วมีอายุเพียงสามสิบปีเท่านั้น

การทำนายอนาคตนั้นจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง ทุกครั้งที่แม่มดใช้พลังเพื่อทำนายอนาคต อายุขัยของเธอก็จะลดลงไปสิบปี แคทเธอรินได้รับบาดเจ็บจากตอนที่ต่อสู้กับอาซาโทสมาก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นยังถูกบังคับให้พลังทำนายอนาคตอีก ร่างกายของเธอนั้นเกินกว่าที่จะทนได้แล้ว

ถ้าหากเมื่อสักครู่เธอไม่ได้ทำนายอนาคตอีกครั้ง บางทีอาจจะพอฝืนทนได้อีกสักระยะ แต่ดูจากสภาพในตอนนี้ คาดว่าอายุขัยของแคทเธอรินคงเหลือไม่ถึงห้าปีแล้ว

“แค่ก ๆ ……ฉันไม่เป็นไร หลี่ฝาง คุณ คุณคือความหวังของพวกเราชาวอูข่า คุณ คุณต้องช่วยชนเผ่าของฉันนะ”

พยายามดึงสติขึ้นมา แคทเธอรินแทบจะขอร้องอ้อนวอนหลี่ฝาง

“เหอะ……ตอนนี้พลังของผมถูกผนึกเอาไว้ เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะไปช่วยชนเผ่าของคุณได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินคำพูดของแคทเธอริน หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะกล่าวหัวเราะตัวเองขึ้นมา

แคทเธอรินเอียงศีรษะไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป ฝืนทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวของร่างกาย เธอได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวอยู่ภายในใจ: “อีกสักครู่หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ผู้ติดตามของฉันจะมาช่วยฉัน ฉันจะให้เขาช่วยพวกคุณออกไป และฟื้นฟูพลังของพวกคุณ ที่เช่นทำแบบนี้แค่ต้องการขอร้องเพียงข้อเดียวนั้นก็คือ หวังว่าพวกคุณจะเอาชนะอาซาโทสให้ได้ ช่วยชนเผ่าของฉันให้พ้นอันตราย”

เมื่อสักครู่ในตอนที่เธอทำนายอยู่นั้น แคทเธอรินได้มองเห็นอนาคตที่แตกต่างจากครั้งก่อน ในตอนที่ทำนายเมื่อครั้งที่แล้วนั้น อาซาโทสได้เอาชนะพวกหลี่ฝาง และยังสำเร็จเป็นเทพได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่ในครั้งนี้ หลังจากที่แคทเธอรินรู้ว่าหลี่ฝางมีหินเฮยสวนอยู่ในมือ อนาคตก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่สามารถเอาชีวิตของอาซาโทสได้ แต่ก็ขัดขวางการเป็นเทพของเขาเอาไว้ได้

จุดจบเช่นนี้นั้นดีกว่าที่ได้ทำนายเมื่อครั้งที่แล้วมาก เพื่อความอยู่รอดของชนเผ่า แคทเธอรินยินดีที่จะยืนอยู่ฝั่งหลี่ฝาง

“จริงเหรอ? คุณมีวิธีทำให้พลังของพวกเราฟื้นฟู?” กู่ยี่เทียนฟังอย่างสับสนมึนงง แต่ประโยคสุดท้ายนั้นเขาฟังเข้าใจแล้ว เรื่องอื่นเขาไม่สนใจ ขอเพียงแค่สามารถฟื้นฟูพลังของเขาได้ ทุกอย่างล้วนไม่มีปัญหา

“สิ่งที่ปิดผนึกพลังของพวกคุณเอาไว้นั้น ความจริงแล้วเป็นเคล็ดวิชาลับอย่างหนึ่งของพวกกเราชนเผ่าอูข่า เพียงแค่ดื่มเลือดของฉัน เคล็ดวิชาลับก็จะถูกเปิดผนึกแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาของแคทเธอรินก็ได้หม่นหมองลง ร่องรอยของความเจ็บปวดแวบผ่านไปใต้แววตาของเขา

ถึงแม้เธอจะถูกยกย่องให้เป็นแม่มดของชนเผ่า มีฐานะที่สูงส่ง แต่หลังจากที่การบูชาสำเร็จ แคทเธอรินก็ได้ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง เธอไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ การเป็นตายของเธอเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของชนเผ่า

นอกจากนี้คนในเผ่ายังใช้เธอทดลองเคล็ดวิชาลับต่าง ๆ พูดได้ว่าเธอเป็นอาวุธลับของชนเผ่าอูข่าก็ว่าได้ ความจริงแล้วความสามารถของเธอนั้นพอ ๆ กับหลี่ฝาง หากรวมกับเคล็ดวิชาลับของชนเผ่าอูข่าแล้ว ยังร้ายกาจกว่าหลี่ฝางอีก

ที่พ่ายแพ้ให้กับอาซาโทสในครั้งนี้นั้น หลัก ๆ แล้วก็เพราะเธอไม่เพียงต้องต่อกรกับอาซาโทสและสิบสองอัศวินลูกน้องของเขา ทั้งยังต้องปกป้องชนเผ่าของเธอ

“นั่นมันสุดยอดไปเลย! อาซาโทส ฉันจะต้องเด็ดหัวของแกลงมาเตะเล่นเป็นลูกบอลให้ได้แน่!” หลังจากที่รู้ว่าสามารถฟื้นฟูพลังของตัวเองได้ กู่ยี่เทียนก็ได้กวาดล้างความกลัดกลุ้มเมื่อสักครู่นั้นทิ้งไป เขาเดินไปมาอยู่ในห้องขัง รอเพียงคนของแคทเธอรินมาช่วยตัวเองหลังจากที่ฟ้ามืด

“แคทเธอริน คุณอย่าพึงพูดอีกเลย มีเรื่องอะไรออกไปแล้วค่อยว่ากัน คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องเอาชนะอาซาโทสให้ได้อย่างแน่นอน” จากท่าทีของแคทเธอรินหลี่ฝางก็ได้คาดเดาถึงผลของการทำนายได้แล้ว ความหวังได้จุดประกายขึ้นมาในใจของเขาอีกครั้ง

เพียงแค่ออกไปจากที่บ้า ๆ นี่ได้ เช่นนั้นทุกอย่างก็ยังไม่จบ

ไม่นานพระอาทิตย์ก็ได้ลับขอบฟ้าไป เสียงสัตว์ร้องคำรามได้ดังลอยมาจากในป่าอีกครั้ง เมื่อมองลงไปจากหน้าผา ก็จะสามารถมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากกองฟืนของชนเผ่าอูข่าที่ด้านล่าง

เวลาประมาณเที่ยงคืน จู่ ๆ ก็มีไฟลุกกระโหมขึ้นในชนเผ่าอูข่าที่อยู่ใต้หน้าผา เสียงการต่อสู้ได้ดังขึ้น แค่ฟังเสียงก็รู้ว่าสถานการณ์คับขันเหี้ยมโหดมาก

ที่ด้านล่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดปีกยาวสองคนก็ได้บินขึ้นมา ทั้งสองคนนี้มีปีกอยู่สี่คู่ และรูปร่างใหญ่โตกว่าเมื่อสักครู่อีกเล็กน้อย

เห็นเพียงพวกเขาถือกระบี่ยาวที่แหลมคมเอาไว้ในมือคนละเล่ม ออกแรงฟันซ้ายขวาคนละทาง ก็พบว่ากรงเหล็กที่ขังแคทเธอรินเอาไว้นั้นถูกเปิดออก ทั้งสองคนทำปากขมุบขมิบมีเสียงแปลก ๆ ดังลอยออกมา พูดจบก็เตรียมที่จะพาแคทเธอรินจากไป

“เฮ้! พวก! พาพวกเราไปด้วยสิ!” กกู่ยี่เทียนเห็นสัตว์ประหลาดสองคนนั้นเตรียมจากไป จึงรีบเรียกหยุดพวกเขาอย่างร้อนรน

เมื่อทั้งสองคนนั้นได้ยินเสียงนี้ ก็ตะคอกใส่พวกหลี่ฝางอย่างดุร้ายทันที ถึงขั้นจะลงมือ ยังดีที่แคทเธอรินได้ห้ามพวกเขาเอาไว้

ก็ไม่รู้ว่าแคทเธอรินได้พูดอะไร สุดท้ายสัตว์ประหลาดสองคนนั้นก็ได้ใช้กระบี่เปิดประตูคุกที่ขังพวกหลี่ฝางเอาไว้ออก และแคทเธอรินก็ได้ถูกสัตว์ประหลาดสองคนนั้นพยุงเข้ามา

ถึงแม้เวลานี้จะเป็นตอนกลางคืน และในคุกก็ไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจากพระจันทร์ก็พอที่จะมองเห็นรูปร่างของคนได้ชัดเจนอยู่บ้าง

ถึงแม้ก่อนหน้านี้หลี่ฝางจะได้พูดคุยกับแคทเธอรินมาไม่น้อย แต่ตอนนี้ถึงนับว่าได้เจอหน้ากันจริง ๆ รูปร่างหน้าตาของแคทเธอรินไม่เหมือนกับชาวอูข่าคนอื่น ๆ เธอมีผิวที่ขาวมาก ขาวจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนัง

ผมยาวสีม่วงแผ่ปกคลุมแผ่นหลัง ทำให้เธอดูสูงส่งลึกลับมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ในตอนนี้เธอจะมีรอยบาดแผลอยู่ทั่วร่างกาย แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อความสวยงามเหมือนนางฟ้าที่มีมาตั้งแต่เกิดของเธอ

แคทเธอรินมีรูปร่างหน้าตางดงามมาก โครงหน้ามีมิติ ดวงตาสีดำกลมโตราวกับองุ่นคริสทัล รูปร่างผอมบางไปนิด ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะปกป้องเธอ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท