NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1210 ความขัดแย้งครั้งใหญ่ของโลกนักรบ

บทที่ 1210 ความขัดแย้งครั้งใหญ่ของโลกนักรบ

“อาคาอู ผมเป็นคนที่กล้าพูดและต้องทำให้ได้มาโดยตลอด ขอเพียงคุณและปันปูช่วยอย่างเต็มแรง ผมจะต้องรักษาสัญญาที่ผมให้ไว้อย่างแน่นอน” หลี่ฝางโค้งตัวลงพยุงอาคาอูให้ลุกขึ้นมา เขาพลันรู้สึกว่าพี่ดำตัวโตทั้งสองคนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

“โลกใต้พิภพอยู่ที่ปลายแม่น้ำ ถ้าคิดจะเข้าไป จะต้องใช้เลือดสด ๆ ของท่านแม่มดหยดลงบนประตูหินใหญ่บานนั้น เมื่อสักครู่พวกเราได้เลือดของท่านแม่มดมาแล้ว พวกเราออกเดินทางกันตอนนี้ได้เลย”

อาคาอูกล่าวไปพลางหยิบขวดแจกันเล็ก ๆ ออกมาและยื่นให้กับหลี่ฝาง นี่เป็นกุญแจที่ใช้เปิดประตูใหญ่เข้าสู่โลกใต้พิภพเชียวนะ จะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี

หลังจากที่บอกลาแคทเธอริน หลี่ฝาง กู่ยี่เทียน อาคาอูและปันปูทั้งสี่คนก็ได้ออกเดินทางไปยังปลายแม่น้ำ

ส่วนมังกรฟ้าที่อยู่ด้านนอก หลังจากที่ฟังหลี่ฝางพูดจบก็ได้ลงมือปฏิบัติการทันที ถึงแม้การสื่อสารผ่านคลื่นสมองเช่นนี้จะทำให้รู้สึกแปลกประหลาดมาก แต่เขาก็ยินดีที่จะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก็ไม่ยอมเชื่อว่ามันไม่มีอยู่จริง

ไม่นาน เรื่องราวเกี่ยวกับหินคริสทัลลึกลับก็ได้กระจายไปทั่วโลกนักรบอย่างรวดเร็ว เหล่าชายชราของตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากยุทธภพต่างก็ได้ออกเคลื่อนไว โลกนักรบได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในชั่วข้ามคืน

เดิมทีทั่วทั้งโลกมีนักรบแดนเต๋าอยู่เพียงไม่กี่คน หลังจากวันนี้ไปกลับมีเพิ่มมาเป็นเท่าตัว แค่พริบตาเดียวก็มีถึงสามสิบคนแล้ว นอกจากนี้คนที่ถึงขั้นแดนครึ่งเทพแล้ว ยังเพิ่มขึ้นมาอีกสี่คน

แม้แต่หลี่ต๋าคางที่อยู่ดูแลเมี๋ยวชุ่ยที่สถานตากอากาศเองก็เกิดความสนใจขึ้นมา คริสทัลที่สามารถทำให้นักรบแดนเต๋าทะลวงถึงขั้นแดนเทพ แถมยังต้านทานสายฟ้าทั้งเก้าได้เช่นนี้ สำหรับผู้ที่ฝึกฝนการต่อสู้อย่างพวกเขาแล้วนั้นมันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ร้ายแรง

“ต๋าคาง คุณไปเถอะ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเราฝึกฝนอย่างยากลำบากมาเป็นเวลาหลายปี ก็ไม่ใช่เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งจะกลายเป็นเทพได้หรอกเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวฝางก็อยู่ที่นั่น จู่ ๆ ก็มียอดฝีมือแดนเต๋าผุดขึ้นมามากมายแบบนี้ ฉันก็จริง ๆ ว่าเสี่ยวฝางจะรับมือไม่ไหว”

เมี๋ยวชุ่ยมองไปที่หลี่ต๋าคางที่นั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าต่าง ก็ได้ถอนหายใจพลางกล่าวโน้มน้าว

เป็นนักรบเหมือนกัน เมี๋ยวชุ่ยจะไม่เข้าใจความคิดของหลี่ต๋าคางในตอนนี้ได้ยังไง เพียงแต่ว่าร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ต่อให้เข้าไปในซากปรักหักพังลึกลับ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบคนอื่น ๆ ดังนั้นเมี๋ยวชุ่ยจึงได้ทำลายความคิดที่จะแย่งชิงหันคริสทัลนั่นไป

แต่หลี่ต๋าคางนั้นไม่เหมือนกัน และความสามารถของเขาก็สูงกว่าขั้นแดนเต๋า ต่อให้เขาแย่งชิงเอาหินคริสทัลมาไม่ได้ ก็สามารถเข้าไปช่วยหลี่ฝางอีกแรงได้

“ที่รัก ผมเป็นห่วงคุณ ยิ่งในเวลาแบบนี้ ศัตรูของพวกเราก็ยิ่งจะมีการเคลื่อนไหว ถ้าเกิดผมเข้าไปช่วยเสี่ยวฝาง แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ? ผมไม่กล้าที่จะเดิมพันแบบนี้ เมื่อเทียบกับคุณแล้ว การเป็นเทพไม่คู่ควรแก่การพูดถึงเลยสักนิด”

หลี่ต๋าคางดึงเมี๋ยวชุ่ยเข้ามากอดไว้ที่หน้าอกอย่างทะนุถนอม ในใจของหลี่ต๋าคางนั้นพูดได้ว่าเมี๋ยวชุ่ยสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก ที่เมี๋ยวชุ่ยได้รับบาดเจ็บหนักเมื่อครั้งที่แล้วก็ทำให้เขากลัวมากพอแล้ว เขาไม่อยากไปเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้อีก

“โถ่เอ๊ย มีพวกโหวจื่ออยู่ไม่ใช่เหรอ? คุณจะกังวลอะไรอีกล่ะ อีกอย่าง พวกเรายังมีผู้อาวุโสใหญ่คอยคุ้มครอง คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรโดยพลการหรอก คุณรีบพาเสี่ยวส้วยไปเถอะ ในเมื่อเสี่ยวฝางกล้าปล่อยข่าวที่สำคัญแบบนี้ออกมา งั้นแสดงว่าเขาต้องพบกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้อยางแน่นอน พวกเราคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะต้องไปอยู่ที่ข้างกายของลูกในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

พวกเมี๋ยวชุ่ยรู้จากมังกรฟ้าตั้งแต่แรกแล้วว่าหลี่ฝางเป็นคนปล่อยข่าวนี้ออกมา และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเมี๋ยวชุ่ยถึงได้ต้องการใช้หลี่ต๋าคางเข้าไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ

แม้ว่าหลี่ฝางจะไม่ได้เติบโตขึ้นมาที่ข้างกายของเมี๋ยวชุ่ย แต่ในฐานะแม่ผู้ให้กำเนิด เมี๋ยวชุ่ยนั้นเข้าใจความคิดของหลี่ฝางมากกว่าใครเป็นไหน ๆ หลี่ฝางคิดจะใช้ยอดฝีมือแดนเต๋าพวกนั้นมาต่อกรกับอาซาโทสอย่างแน่นอน

จะต้องรู้ว่าหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนต่างก็อยู่ในแดนครึ่งเทพ ถ้าหากพวกเขาสองคนร่วมมือกันยังเอาชนะอาซาโทสไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นความสามารถของอาซาโทสแข็งแกร่งถึงเพียงใดกันล่ะ

หลี่ต๋าคางเองก็นึกถึงจุดนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาถึงได้ลังเลตัดสินใจไม่ได้เช่นนี้ ด่านหนึ่งคือภรรยา อีกด้านคือลูกชาย เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเลือกทางไหนดี

“ที่รัก เอาอย่างนี้ ให้เสี่ยวส้วยอยู่ที่นี่คุ้มครองคุณและเสี่ยวฉง ผมจะไปรวมตัวกับเสี่ยวฝางที่ซากปรักหักพังลึกลับ เพียงคนเดียว ผมเชื่อมั่นในความสามารถของเสี่ยวส้วย ต่อให้คนพวกนั้นถือโอกาสมาแก้แค้นก็ไม่กลัว”

คิดไปคิดมา หลี่ต๋าคางยังคงตัดสินใจให้ส้าวส้วยอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะอื่นใด ก็เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

ระยะนี้มีนักรบหายตัวไปอยู่บ่อยครั้ง เพราะข่าวคราวของหินคริสทัล ตระกูลเหล่านั้นก็ได้มีการเคลื่อนไหวขึ้นมา

นอกจากนี้จากที่ตาเฒ่าพวกนั้นได้ปรากฏตัวสู่โลก นับวันหน่วยการต่อสู้ยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรมากในโลกนักรบ สงครามแย่งชิงหินคริสทัลในครั้งนี้ ท้องฟ้าของโลกนักรบคงต้องเปลี่ยนไปแล้ว

“ต๋าคาง ความสามารถของเสี่ยวส้วย ก็มีหวังที่จะทะลวงเข้าสู่แดนเทพ ฉันจะเห็นแก่ความปลอดภัยของตัวเอง จนทำให้เสี่ยวส้วยต้องเสียโอกาสในครั้งนี้ไปไม่ได้หรอก คุณพาเสี่ยวส้วยไปด้วย!”

สำหรับส้าวส้วย และพวกโหจื่อแล้ว เมี๋ยวชุ่ยเอ็นดูเหมือนลูกแท้ ๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะส้าวส้วยที่ได้สูญเสียทั้งพ่อและแม่ไป ยิ่งรักและเอ็นดูเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินหลี่ต๋าคางบอกว่าให้ส้าวส้วยอยู่ที่นี่ เมี๋ยวชุ่ยก็ปฏิเสธโดยไม่ได้คิดทันที

“ไม่ได้! ผมจะเสี่ยวส้วยจะต้องมีคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นี่!” สำหรับเรื่องนี้หลี่ต๋าคางเองก็ไม่ยอมถอย ถ้าหากเขาและส้าวส้วยล้วนจากไป ในสถานตากอากาศแห่งนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถต่อสู้ได้ นักรบแดนเต๋าเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายล้างพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว

“ลุงครับ เลิกเถียงกันได้แล้วครับ ผมจะอยู่ที่นี่ปกป้องสถานตากอากาศ”

ในตอนที่หลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยกำลังทะเลาะกันอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นส้าวส้วยก็ได้เดินเข้าประตูมา และยินดีสละโอกาสในการไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ เพื่อแย่งชิงหินคริสทัล

เมื่อได้ยินคำพูดของส้าวส้วย เมี๋ยวชุ่ยก็ลนลานขึ้นมา: “เสี่ยวส้วย! โอกาสในครั้งนี้หายาก นายจะทิ้งไปจริง ๆ เหรอ?”

“ผมคิดดีแล้ว จะเป็นเทพหรือไม่นั้นจริง ๆ แล้วสำหรับผมมันไม่ได้สำคัญอะไร ในใจของผม พวกลุงถึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่า นอกจากนี้ผมรู้คุณสมบัติร่างกายของตัวเองดี ผมไม่มีความสามารถนั่น ผมมาถึงขั้นนี้ได้ก็พอใจมากแล้ว ต่อให้ผมแย่งชิงหินคริสทัลได้ ผมก็จะมอบมันให้เสี่ยวฝาง”

ส้าวส้วยยิ้มมองเมี๋ยวชุ่ย นี่เป็นคำพูดจากใจของเขา สามารถทะลวงขั้นเข้าสู่แดนเทพได้มีเพียงคนเดียว เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนคนนั้นจะเป็นตัวเอง นอกจากนี้ส้าวส้วยก็ได้สนับสนุนหลี่ฝางอย่างไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด เขาเชื่อมั่นว่าคนที่เดินไปถึงจุดสูงสุดได้นั้นคือหลี่ฝาง

“เด็กคนนี้นี่! เฮ้อ!” เมี๋ยวชุ่ยซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดอะไร มองส้าวส้วยพลางถอนหายใจหนัก ๆ

“เสี่ยวส้วย เด็กดี ที่นี่มอบให้นายแล้วนะ” หลี่ต๋าคางยื่นมือออกมาออกแรงตบที่ไหล่ของส้วงส้วย ในแววตามีความเชื่อใจอันลึกซึ้ง

หลังจากที่จัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อย หลี่ต๋าคางก็ได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ซากปรักหักพัง ส่วนต้าเซี่ยหลงเช่วส่งพวกมังกรฟ้าทั้งสี่คนออกมา หลังจากที่หลี่ต๋าคางมาถึงก็ได้เดินเข้าไปทันที

ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะไม่ได้ฝึกการต่อสู้ แต่เธอก็พอได้ยินข่าวมาบ้าง เดิมทีเธอคิดว่าเขาแค่ไปปฏิบัติภารกิจธรรมดาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะอันตรายเช่นนี้

หลายวันมานี้เธอค่อนข้างกระสับกระส่าย ถึงขนาดมีอยู่หลายครั้งที่ฝันว่าหลี่ฝางได้มายืนอยู่ต่อหน้าตัวเองโดยที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท