NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1220 ส่งเสริมแก

บทที่ 1220 ส่งเสริมแก

ที่ทำให้กู่ยี่เทียนประหลาดใจก็คือ เลือดที่ไหลออกมาจากบริเวณหน้าอกของฮอว์กินส์ไม่ใช่สีแดง แต่เป็นสีเขียวที่แปลกประหลาด มองดูของเหลวสีเขียวนั่นกู่ยี่เทียนรู้สึกพะอืดพะอม รีบดึงเอามือของตัวเองออกมาแล้วหาอะไรมาเช็ด

“เชรด นี่แม่งกลายพันธุ์แล้วหรือไงวะ? ทำไมเลือดถึงได้เป็นสีนี้?” กู่ยี่เทียนขมวดคิ้วพิจารณาดูร่างไร้วิญญาณของฮอว์กินส์ที่อยู่บนพื้น แล้วบ่นอย่างไม่เข้าใจ

ส่วนอาคาอูและปันปูเมื่อได้เห็นของเหลวสีเขียวนั่น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

วินาทีต่อมาอาคาอูก็ได้ใช้กระบี่ยาวกรีดฝ่ามือของตัวเอง จากนั้นก็จับเข้าไปที่แขนของกู่ยี่เทียน ใช้เลือดของทาลงบนนั้น

“อาคาอู คุณทำอะ……โอ๊ย……” กู่ยี่เทียนตกใจกับการกระทำของอาคาอู กำลังจะดึงมือกลับมา แต่พอเลือดของอาคาอูทาลงไปบนแขนข้างที่เปื้อนของเหลวสีเขียวของเขา เขากลับทนไม่ได้และร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด

ควันดำหนาทึบลอยออกมาจากแขนของกู่ยี่เทียน มีกลิ่นที่เหม็นฉุนเป็นอย่างมาก อาคาอูและปันปูช่วยกันแทบจะกดกู่ยี่เทียนเอาไว้ไม่ได้

ในที่สุดก็รอจนควันดำหายไป กู่ยี่เทียนก็ได้กลายเป็นเหมือนคนที่พึ่งขึ้นมาจากน้ำ ทั่วทั้งร่างกายถูกเหงื่ออาบจนเปียกโชก ตามหลักแล้ว เขาที่ได้อยู่ในแดนครึ่งเทพจะไม่รู้สึกเจ็บได้ง่าย ๆ แล้ว แต่กู่ยี่เทียนกลับเจ็บปวดจนร้องออกมา เพียงพอที่จะดูออกว่ามันเจ็บมากเพียงใด

เนื่องจากหลี่ฝางได้รับบาดเจ็บภายใน เขาไม่กล้าปะทะกับโทชิโอะ คามิยะโดยตรง จึงทำได้เพียงหลบการโจมตีของโทชิโอะ คามิยะไป พลางรอให้กู่ยี่เทียนเขามาช่วย

เมื่อสักครู่เขาได้เห็นฮอว์กินส์ถูกกู่ยี่เทียนซัดตายในฝ่ามือเดียว และกำลังแอบดีใจว่าตัวเองจะมีกำลังเสริมแล้ว วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยของกู่ยี่เทียน

หัวใจของหลี่ฝางเต้นตึกตักเป็นกังวลขึ้นมา ตระหนักได้ว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น

“โทชิโอะ คามิยะ อาซาโทสใช้วิธีอะไรกันแน่ ทำให้พลังของพวกคุณเพิ่มสูงขึ้นมามากขนาดนี้ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ?” เหลือบมองกู่ยี่เทียนที่เจ็บปวดทรมานอย่างสุดขีด หลี่ฝางใช้สายตาอาฆาตแค้นมองดูโทชิโอะ คามิยะพลางเอ่ยถาม

เขากล้ามั่นใจว่า ร่างกายของโทชิโอะ คามิยะจะต้องเกิดการกลายพันธุ์เหมือนกับฮอว์กินส์อย่างแน่นอน

“ไอ้สวะฮอว์กินส์นั่น คิดไม่ถึงว่าจะตายไปแบบนี้” โทชิโอะ คามิยะมองไปที่ฮอว์กินส์ที่นอนตายตาไม่หลับอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง น้ำเสียงเหยียดหยามเป็นอย่างมาก: “ฉันและฮอว์กินส์ได้ทานเนื้อศักดิ์สิทธิ์ที่ฝ่าบาทประทานให้ ได้ลอกคราบใหม่ไปนานแล้ว เนื้อศักดิ์สิทธิ์นั่นไม่เพียงสามารถเพิ่มพลังให้กับพวกเรา แถมยังสามารถเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทางร่างกายพวกเราได้อีกด้วย ทำให้พวกเราเหมาะสมที่จะฝึกฝนมากยิ่งขึ้น”

โทชิโอะ คามิยะตอบคำถามของหลี่ฝางไป พลางวิ่งไล่ตามหลี่ฝางอยู่ไม่หยุด เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่ฝางก็ขมวดคิ้วแน่น

ถ้าหากเนื้อศักดิ์สิทธิ์นั่นร้ายกาจอย่างที่โทชิโอะ คามิยะพูดจริง ๆ แล้วทำไมอาซาโทสถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาหินคริสทัล? เขากินเนื้อศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเยอะหน่อยก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?

อาซาโทสไม่ใช่คนใจกว้างแบบนั้นหรอกนะ เนื้อศักดิ์สิทธิ์นั่นจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!

“แม่งเอ๊ย นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” กู่ยี่เทียนที่รู้สึกดีขึ้นมาบ้างพลางหอบหายใจแรง ๆ พลางเอ่ยถามอาคาอู

“คนคนนั้นกินเนื้อของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ เนื้อนั่นทำให้คนสามารถลอกคราบได้ ทำให้ร่างกายเหมาะที่จะฝึกฝนมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เขาจะวิวัฒนาการกลายเป็นสัตว์ร้ายอย่างช้า ๆ ยิ่งพลังเพิ่มขึ้นเร็ว ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นสัตว์ร้ายเร็วยิ่งขึ้น”

“ตอนนี้เขาได้วิวัฒนาการมาถึงระยะกลางแล้ว ดังนั้นเลือดของเขาจึงได้กลายเป็นสีเขียว และถ้าหากมีคนได้สัมผัสกับของเหลวสีเขียวนั่น เขาก็จะถูกติดเชื้อและวิวัฒนาการกลายเป็นสัตว์ร้าย เพียงแค่วิวัฒนาการช้าหน่อยเท่านั้นเอง”

อาคาอูทำแผลให้กับตัวเอง พลางอธิบายอย่างใจเย็น หลังจากที่กู่ยี่เทียนได้ฟังที่เขาพูด เขาก็ได้ขยับออกห่างจากร่างไร้วิญญาณของฮอว์กินส์อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

คนพวกนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองแล้วทำได้ทุกอย่างจริง ๆ กินเนื้อของสัตว์อสูร แค่คิดก็แทบจะอาเจียนแล้ว

“อาคาอู ขอบคุณคุณมาก ผมกู่ยี่เทียนติดค้างคุณอีกแล้ว” กู่ยี่เทียนตบไหล่ของอาคาอูเบา ๆ ฝืนทนความไม่สบายของร่างกายแล้วยืนขึ้น คิดจะเข้าไปช่วยหลี่ฝาง แต่ยังไม่ทันเดินได้สองก้าวก็ได้ขาอ่อนจะล้มลงไปบนพื้น ยังดีที่ปันปูตาเร็วมือไวพยุงเขาเอาไว้ได้ทัน

“เมื่อกี้คุณพึ่งได้รับการชำระล้างจากเลือดของพวกเราชาวหยู่เหริน ร่างกายอ่อนแอเป็นอย่างมาก ไปพักผ่อนอยู่ที่ด้านข้างก่อนเถอะ” อุปนิสัยของปันปูนั้นจะสงบใจเย็นกว่าอาคาอู แต่ในตอนนี้บนใบหน้าของเขาเองก็ได้มีความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

กู่ยี่เทียนมองดูหลี่ฝางที่กำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก เขากัดฟันและอยากจะลุกขึ้นไปอีกครั้ง แต่ทันทีที่เขาขยับความเจ็บปวดทิ่มแทงใจก็ได้กระจายออกมาจากแขนข้างนั้น ไม่มีทางเลือกกู่ยี่เทียนจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนั้น

“พวกคุณสองคนไม่ต้องสนใจผม ไปช่วยหลี่ฝางก่อน” นั่งอยู่บนเศษหินที่อยู่ด้านข้าง กู่ยี่เทียนพลางกล่าวเร่งรัด

อาคาอูและปันปูมองไปทางทั้งสองคนที่กำลังสู้กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน แล้วก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย: “การต่อสู้แบบนั้น ไม่ใส่สิ่งที่ราสองคนจะเข้าไปร่วมด้วยได้ ตอนนี้พวกเราเข้าไป จะเป็นการสร้างปัญหาให้กับหลี่ฝางแค่นั้น”

กู่ยี่เทียนเองก็กังวลมากเกินไป ลืมไปว่าความแข็งแกร่งระหว่างอาคาอูและปันปูกับพวกหลี่ฝางนั้นแตกต่างกันมาก มองดูหลี่ฝางที่ถูกบีบถอยหลังติดต่อกัน ทนไม่ได้ชกลงไปบนพื้นด้วยความโมโห ทันใดนั้นพื้นก็ได้แตกร้าวเป็นรอยร้าวหลายเส้น

แม่งเอ๊ย ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้นะ! จะต้องคิดหาวิธีช่วยหลี่ฝางจัดการโทชิโอะ คามิยะนั่นถึงจะได้ จะต้องทำยังไงดีนะ? ดูจากการต่อสู้ในตอนนี้ อีกไม่นานหลี่ฝางก็คงแพ้แล้ว

กู่ยี่เทียนใช้เซลล์สมองทั้งหมดคิดอยู่สักพัก ในตอนที่เขาแทบจะสิ้นหวังนั่นเอง ก็พลันได้พบเข้ากับฮอว์กินส์ที่นอนตายอย่างอนาถอยู่บนพื้น

“รู้แล้ว!” กู่ยี่เทียนใช้มือฟาดหัวอย่างแรง ตื่นเต้นดีใจลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น บนใบหน้ามีความดีใจที่ไม่อาจซ่อนเอาไว้ได้

อาคาอูและปันปูต่างตกใจเพราะเขา และมองกู่ยี่เทียนด้วยความงุนงง

“อาคาอู ปันปู พวกคุณสองคนรีบมาช่วยเร็ว! ถือโอกาสตอนที่เลือดของฮอว์กินส์ยังไม่แข็งตัว พวกเรามาใช้ประโยชน์จากมันกัน” กล่าวจบ กู่ยี่เทียนก็ได้เทน้ำในกระบอกน้ำของตัวเองออก จากนั้นก็หยิบมัดพกออกมาและกรีดลงไปที่เส้นเลือดใหญ่บนมือของฮอว์กินส์

เมื่อเห็นการกระทำของกู่ยี่เทียน อาคาอูและปันปูก็เข้าใจขึ้นมาทันที และรีบเข้ามาที่ข้างกายของกู่ยี่เทียน ช่วยเขาเก็บเลือดของฮอว์กินส์ และได้กรีดมือของตัวเองแล้วใส่ลงไปในภาชนะอีกอันจำนวนไม่น้อย

“หึ ๆ ตาเฒ่าไม่รู้จักตาย ครั้งนี้จะให้แกได้ลิ้มลองความร้ายกาจของคุณปู่กู่ของแกบ้าง!” กู่ยี่เทียนมองดูของเหลวสีเขียวที่ใส่อยู่เต็มกระบอก แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ของเหลวนี่เมื่อโดนตัวเกือบจะเอาครึ่งชีวิตของเขาไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าโทชิโอะ คามิยะจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ

“ปันปู คุณไปดึงดูดความสนใจของโทชิโอะ คามิยะ อาคาอูคุณแบกผมใส่หลังหาโอกาสเทของเหลวนี่ใส่โทชิโอะ คามิยะ ฉันจะต้องให้มันเจ็บจนตายอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ฟังคำสั่งของกู่ยี่เทียน อาคาอูและปันปูก็รีบลงมือปฏิบัติทันที

“เหอะ คิดไม่ถึงว่าแกหยู่เหรินจะอยากเอาชีวิตมาให้เร็วแบบนี้ งั้นวันนี้ฉันก็จะส่งเสริมแก!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท