NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1222 ยีนที่เปลี่ยนไป

บทที่ 1222 ยีนที่เปลี่ยนไป

กู่ยี่เทียนชี้ไปที่โทชิโอะ คามิยะที่อยู่ในหลุมก่อนจะกลอกตา ถ้าเกิดเขารู้ว่าฮอว์กินส์นั้นแปลงกายไปแล้ว แถมเลือดก็ยังมีพิษ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มีทางใช้มือไปควักหัวใจของเขา

หลี่ฝางมองของเหลวสีเขียวที่ไหลออกมาจากบริเวณคิ้วของโทชิโอะ คามิยะ ก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา นี่มันปีศาจประหลาดโบราณงูยักษ์กลืนฟ้างั้นเหรอ?บันทึกในประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกว่าปีศาจประหลาดนี้มันสาบสูญไปในสงครามตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้วเหรอ?อาซาโทสไปหาเนื้อของปีศาจประหลาดนี้มาได้อย่างไรกัน?

จู่ๆ ในหัวของหลี่ฝางที่คุยกับผู้อาวุโสในวันนั้นก็คิดขึ้นมา

“ยีนเปลี่ยน” !

เมื่อคิดได้แบบนี้ นอกจากหลี่ฝางจะรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากแล้วก็ตกใจเข้าไปใหญ่ ผู้อาวุโสพูดกับเขาเล็กน้อยเพียงเท่านั้น บอกว่าบางประเทศกำลังวิจัยการเปลี่ยนแปลงของยีนของร่างกายมนุษย์เพื่อมาเปลี่ยนร่างกายของมนุษย์เอง มันทำให้คนธรรมดากลายเป็นนักรบได้ แถมยังสามารถทำให้นักรบระดับธรรมดาเพิ่มอิทธิพลของตัวเองได้ด้วย

ตอนแรกหลี่ฝางไม่เชื่อ ถึงอย่างไรการจะเปลี่ยนตัวตนที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกนั้นมันยากกว่าอะไรเป็นไหนๆ แต่ตอนนี้เรื่องของโทชิโอะ คามิยะกับฮอว์กินส์ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว หลี่ฝางเลยไม่เชื่อไม่ได้แล้ว หรือบางทีอาจจะมีบางประเทศที่วิจัยวิธีการเปลี่ยนยีนของคนออกมาได้แล้ว

“หลี่ฝาง คุณคิดอะไรออกหรือเปล่า?” กู่ยี่เทียนเห็นว่าสีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไป ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“ฉันคิดว่าบางทีฉันอาจจะเดาเหตุผลที่ฮอว์กินส์กับโทชิโอะ คามิยะมีความสามารถเพิ่มขึ้นมากกะทันหันออกแล้ว” หลี่ฝางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบา สีหน้าของกู่ยี่เทียนเองก็จริงจังขึ้นมาด้วย พลางมองหลี่ฝางที่รอให้เขาพูดต่อไป

“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกกับฉัน ว่ามีบางประเทศกำลังทดลองยีนของมนุษย์ ฉันว่าพวกเขาจะต้องรู้แล้วว่าเนื้อของงูยักษ์กลืนฟ้าทำให้คนเปลี่ยนเนื้อหนังมังสาของคนได้ ดังนั้นเลยทำการวิจัยกับการเรียนรู้ จากนั้นก็วิจัยการเปลี่ยนยีนมนุษย์ได้ เพียงแค่วิธีนี้มันยังไม่สมบูรณ์ ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ดังนั้นเลยทำให้ฮอว์กินส์กับโทชิโอะ คามิยะเปลี่ยนเป็นประหลาดไป”

คำพูดของหลี่ฝางทำให้กู่ยี่เทียนตะลึงจนอ้าปากค้าง เรื่องเหล่านี้เขาคิดว่าจะได้เห็นเพียงในหนังไซไฟเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ

“ขนาดปีศาจประหลาดโบราณยังทำออกมาได้เลยเหรอ?นี่มันฝืนธรรมชาติเกินไปแล้วนะ?” กู่ยี่เทียนอึ้งอยู่นานก่อนจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา

พูดตรงๆ ถึงแม้เทคนิคการโคลนจะไม่ใช่สิ่งที่หายากอะไร แต่เทคนิคการทำให้ปีศาจประหลาดโบราณกลับมามีชีวิตอีกครั้งนั้น มันเป็นเหมือนเป็นที่สุดของโลกเลยล่ะ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกที่ทำวิจัยนั้นคิดอะไรอยู่ กินอิ่มนอนหลับแล้วไม่มีอะไรทำเลยทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ขึ้นมา สุดท้ายยังต้องให้นักรบมาเก็บกวาดอีก

“แต่นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน ยังไม่กล้ามั่นใจ ตอนนี้สิ่งที่รีบร้อนที่สุดคือการหาอาซาโทสให้เจอ และหยุดไม่ให้เขาได้หินคริสทัลไป เรื่องการเปลี่ยนยีนนี้เราค่อยๆ คุยกันไปก็แล้วกัน”

หลี่ฝางเห็นว่ากู่ยี่เทียนพักฟื้นพอตัวแล้ว เลยเดินเข้าไปด้านหน้าประตูหิน ก่อนจะเอาเลือดของแคทเธอรินเทใส่ที่ล็อกตรงกลาง

เพียงไม่นานด้านในก็มีเสียงของโซ่ออกมา จากนั้นประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออกมา

ด้านในของประตูหินนั้นมีหมอกขาว ห่างเพียงห้าก้าวก็มองไม่เห็น เลยเดินต่อไปไม่ได้แล้ว พวกหลี่ฝางเลยต้องจับไหล่กันเดินไปด้านใน

ตอนที่เงาของพวกเขาหายเข้าไปในหมอกหมด ประตูหินใหญ่ก็ปิดเสียงดังขึ้นมา

แต่ตอนที่พวกหลี่ฝางกับโทชิโอะ คามิยะสู้กัน โห่จื่อที่อยู่ไกลออกไปบริเวณเมืองตงไห่ก็ช่วยเป็นเวลาสิบสองชั่วโมงแล้ว

ไท่ซางนั้นไม่ห่างจากประตูของห้องฉุกเฉินเลย ในใจของพวกเขานั้นโกรธจนทำให้ใบหน้าของเขาโกรธเป็นอย่างมาก แถมหวางซีเหยาที่ร้องไห้อยู่ข้างๆ ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด เลยอดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่หวางซีเหยา

“หุบปากเดี๋ยวนี้!นอกจากร้องไห้แล้วยังทำอะไรเป็นอีกเหรอ?”

หวางซีเหยาถูกไท่ซางทำให้นิ่งอยู่กับที่ พลางมองไท่ซางด้วยน้ำตา จากนั้นที่มีสติกลับมาก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่

“นี่ต้องโทษคุณไม่ใช่เหรอ!ฉันกับน้าเมี๋ยวไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหวางแล้ว พวกคุณทำให้เสี่ยวฉงหายไป!ตอนนี้เธอท้องอยู่ด้วย ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรไป ฉันกับคุณมีเรื่องกันแน่!”

หลังจากที่หวางซีเหยาถูกหยางฉงไล่ออกจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว เมี๋ยวชุ่ยไม่อยากให้เธอไปรบกวนการคุยของฉินวี่เฟยกับหยางฉง เลยจูงเธอไปดื่มชาที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหวาง แต่ใครจะไปรู้ว่ายังไม่ทันดื่มชาเสร็จ ก็ได้ยินคนมารายงาน บอกว่าฉินวี่เฟยกับหยางฉงถูกลักพาตัวไปแล้ว โหจื่อเจ็บหนักมาก ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ในฐานะที่เป็นคนสนิทของหยางฉง หวางซีเหยาจะรับได้อย่างไร และร้องห่มร้องไห้กับไท่ซาง ยังดีที่เมี๋ยวชุ่ยนั้นผ่านเรื่องราวใหญ่ๆ มา ถึงแม้หลี่ต๋าคางจะไม่อยู่ แต่ก็ไม่ส่งผลกับเมี๋ยวชุ่ยในการสั่งการ

เธอนั้นติดต่อส้าวส้วยเป็นอันดับแรก ก่อนจะให้เขารีบพาคนไปตามหาที่อยู่ของฉินวี่เฟยกับหยางฉง จากนั้นเธอก็บอกราฟาเอลกับผู้อาวุโส ให้พวกเขาช่วยตรวจสอบหน่อย สุดท้ายก็ให้ต้าเซี่ยหลงเช่วหาหมอที่เก่งที่สุดขององค์กรของพวกเขาไปผ่าตัดให้โหจื่อสักหน่อย ทั้งหมดนั้นมันเป็นการจัดการภายในยี่สิบนาทีเท่านั้น ก็ถูกเมี๋ยวชุ่ยจัดการหมดแล้ว

“ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยนะ ถ้าเกิดว่าฉันช่วยพี่สะใภ้สองคนออกมาไม่ได้ ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย!” ไท่ซางนั้นอดไม่ไหวจริงๆ เลยพูดคำนี้ออกไปก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไป

เรื่องในวันนี้มันเป็นเหมือนการดูถูกที่ใหญ่ที่สุดในเขา ชายลึกลับนั่นไม่เพียงแต่มาลูบคมถึงที่โดยการลักพาตัวฉินวี่เฟยกับหยางฉง แถมยังทำให้พวกพ้องของเขาบาดเจ็บด้วย

สำหรับไท่ซางแล้ว นี่มันเป็นความแค้นที่สุดแล้ว

“ฮัลโหล หาคนเจอหรือยัง?” ไท่ซางนั้นโทรหาราฟาเอล ก่อนจะพูดเสียงเย็นชาจับใจ

ราฟาเอลกับไท่ซางรู้จักกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งสองคนนั้นเป็นเหมือนคู่กัดตลอดกาล ปกติพูดเสียงเย็นชาจับใจอยู่แล้ว นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่ราฟาเอลได้เห็นท่าทีจริงจังของไท่ซาง หลังจากที่ชะงักไปสักพักก็พูดออกมา

“ต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นมีข่าวออกมา บอกว่าคนที่ลักพาตัวพวกพี่สะใภ้ไปมีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรที่ทำให้นักรบเหล่านั้นหายไป……”

“อย่ามาพูดไร้สาระ หาที่อยู่เจอแล้วก็ส่งมา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร วันนี้ฉันจะทำให้ศพเขาสลายเลยล่ะ!”

คำพูดของราฟาเอลนั้นเพิ่งพูดมาครึ่งเดียว ก็ถูกไท่ซางตัดบทด้วยความหงุดหงิด เขาถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ก่อนจะอดทนปลอบไท่ซางที่ไม่สบอารมณ์

“คุณใจเย็นก่อนนะ ฉันรู้ว่าเรื่องวันนี้มันทำให้คุณเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ถ้าคุณปรี่เข้าไปแบบนี้ มันมีแต่จะตกอยู่ในมือของศัตรู พวกเราไปหาพวกส้าวส้วยก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องแผน”

ไท่ซางฟังคำพูดของราฟาเอลก็เกือบจะไม่หุนหันไป จากนั้นก็ตะโกนใส่โทรศัพท์ “แกจะให้ฉันใจเย็นได้อย่างไร พี่สะใภ้ทั้งสองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ โดยเฉพาะหยางฉงยังท้องอยู่ โหจื่อในตอนนี้เองก็นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินโดยไม่รู้ความเป็นความตาย!ถ้าไม่ฆ่าไอ้ลูกหมานั่นคงจะกลืนความโกรธลงไม่ไหว!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท