NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1230 ความพ่ายแพ้ที่สุดในชีวิต

บทที่ 1230 ความพ่ายแพ้ที่สุดในชีวิต

“ไท่ซาง ปล่อยให้พวกเขาไป” ส้าวส้วยจ้องมองหงส์แดงที่ยืนอยู่กับฉินวี่เฟย เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรจึงลดพลังในร่างของตนเองลง ก่อนที่จะตบบ่าของไท่ซาง เพื่อให้เขาคลายมือ

“แกว่าไงนะ? ปล่อยพวกมันไป? ส้าวส้วยแกบ้าไปแล้วใช่ไหม? เพราะที่บ้าพวกนี้ ตอนนี้โหจื่อยังนอนอยู่ที่ห้องไอซียู หยางฉงก็เกือบแท้ง แต่แกจะให้ฉันปล่อยมันไป? !”

ไท่ซางคิดว่าตนเองได้ยินผิดไป จ้องเขม็งส้าวส้วยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้เขาถูกความโกรธครอบงำจนเสียสติ ถึงกับลืมไปว่าส้าวส้วยเป็นคนระดับไหน

คนที่ทำให้ส้าวส้วยตัดสินใจหลีกทางได้ เขาจะอ่อนหัดได้ยังไง?

“ฉันขอพูดอีกครั้ง ปล่อยพวกเขาไป” ตอนนี้ส้าวส้วยเองก็สีหน้าเย็นชา เขาไม่แสดงความคิดเห็นต่อนิสัยของไท่ซาง และการหลงตัวเองและวู่วามส้าวส้วยไม่ชอบเลยสักนิด

หากเขาไม่วู่วาม หากตั้งใจฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนเอง โหจื่อก็คงไม่ต้องนอนอยู่ที่ห้องไอซียู ฉินวี่เฟยและหยางฉงก็คงไม่ถูกลักพาตัว

แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความผิดของตน ในหัวมีแต่จะระบายความคับแค้นในใจเท่านั้น

คนแบบนี้หากอยู่ข้างกายหลี่ฝาง ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ? แกจะทำไม?” คราวนี้ไท่ซางเองก็คิดแข็งข้อกับส้าวส้วย ยืดอกไม่ยอมถอย กลิ่นอายไฟโกรธของทั้งคู่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“อ้าว ทำไมหนุ่มสาวถึงได้เจ้าอารมณ์จังเลยล่ะ ฉันสัญญาที่จะปล่อยพวกเขาสามคนไปแล้ว ไม่งั้นแกเห็นแก่ฉัน ครั้งนี้ช่างมันเถอะนะ”

ท่านชายป๋ายยู่จ้องมองยอดฝีมือทั้งสอง ออกมาคลี่คลายเรื่องราวด้วยรอยยิ้ม

แต่ไท่ซางที่โมโหสามารถถล่มฟ้าดินได้เลย ไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น เขาเหลือบมองท่านชายป๋ายยู่ ไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย “แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกบอกว่าปล่อยพวกมันไปก็ปล่อยพวกมันไปหรือไง? หน้าของหน้าละอ่อนอย่างแกจะมีค่าสักเท่าไหร่กันเชียว”

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของท่านชายป๋ายยู่แข็งทื่อทันทีเมื่อได้ยินคำว่าหน้าละอ่อน หมัดกำแน่น ไท่ซางไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกกำปั้นจนกองกับพื้นเสียแล้ว

เสียงแค่สามสิบวินาทีสั้นๆ เขาก็ถูกหมัดของท่านชายป๋ายยู่อัดไม่ต่ำกว่าร้อย ดีว่าร่างกายขอเขาทนต่อการอัด นอกจากใบหน้าที่ถูกอัดจนบวมเป็นหัวหมูแล้ว ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมาก

ถูกอัดหลายหน ไท่ซางอย่าว่าแต่โกรธเลย เขาแทบจะตกเข้าสู่นาทีชีวิต

“เมื่อถึงโลกใต้พิภพ บัญชีเก่ากับบัญชีเก่าคิดพร้อมกันเลย ทางที่ดีประเทศญี่ปุ่นล้างมลทินให้สะอาดจะดีกว่านะ” ส้าวส้วยจ้องตาของจอห์น กล่าวอย่างเย็นชา

จอห์นไม่พูดอะไรมาก แบกเสือดำพร้อมกับนิคหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว

“ป๋ายยู่ หยุด” เมื่อมองท่านชายป๋ายยู่ที่ยังคงอัดไท่ซางอย่างเอาเป็นเอาตาย หลี่ต๋าคางเดินเข้าไปจับข้อมือของเขาเอาไว้

“แกเป็นใคร!” ท่านชายป๋ายยู่ที่ถูกหลี่ต๋าคางจับข้อมือเอาไว้ตื่นตระหนก ต่อหน้าเหมือนว่าเขาเพียงปล่อยหมัดเท่านั้น แต่บนโลกนี้คนที่หยุดเขาได้จริงๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แถมคนเหล่านั้นเขาก็เคยพบเจอ ต่างก็เป็นกลุ่มคนที่มีผมขาว หลี่ต๋าคางที่ยังอายุน้อย ท่านชายป๋ายยู่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

หรือว่าเพราะเขาเข้าฌานนานเกินไป เรื่องราวของโลกภายนอกเขาถึงได้แปลกตาไปถึงขนาดนี้?

“คนของตระกูลหลี่” ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ทำให้ท่านชายป๋ายยู่ต้องรูม่านตาขยายอีกครั้ง ตระกูลหลี่? คงไม่ใช่หลี่เดียวกับในความทรงจำของเขาหรอกนะ?

ตอนที่ท่านชายป๋ายยู่เพิ่งมีชื่อเสียง หยิ่งยโสมาก ถึงขั้นท้ารบกับสำนักนักรบทั้งประเทศจีน จะทำให้พวกเขาทุกคนพ่ายไปให้หมด เป็นนักรบอันดับหนึ่งของประเทศจีน

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกแพร่ออกมา ทำให้สำนักนักรบมากมายไม่พอใจ ทุกสำนักต่างส่งศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเพื่อรับคำท้า แต่ท้ายที่สุดต่างก็พ่ายให้กับท่านชายป๋ายยู่ทั้งหมด

ในขณะที่ท่านชายป๋ายยู่คิดว่าตนเองไร้เทียมทานแล้วนั้น ก็ได้รู้จากคนที่พ่ายให้กับเขาว่ายังมีตระกูลหลี่อยู่อีก ได้ข่าวว่าตระกูลหลี่มีนักรบที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในรอบพันปีคนหนึ่ง อายุน้อยก็มีความสามารถที่ล้นหลาม

เพราะงั้นเขาถึงไปหาตระกูลหลี่ถึงที่ ติดที่จะประลองกับนักรบที่หาพบได้ยากในรอบพันปีนี้ เพียงแต่ไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าประตู ก็ถูกบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูอัดจนปลิวออกมา

นี่มันความพ่ายแพ้อย่างมหันต์ในชีวิตของท่านชายป๋ายยู่ คนที่รักศักดิ์ศรีอย่างเขาไม่กล้าพูดว่าตัวเขานั้นพ่ายให้กับคนที่เฝ้ารักษาประตู จึงได้แต่หลอกลวงคนอื่นว่าตระกูลหลี่ไม่กล้ารับคำท้าของเขา

แต่ความจริงแล้ว มีเพียงแค่ท่านชายป๋ายยู่และตระกูลหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่อง

“แกคงไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลหลี่หลอกนะ? แม้ว่าความสามารถของแกจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับตระกูลหลี่จริงๆ แล้ว ยังห่างไกลมาก นึกถึงคุณชายตระกูลหลี่ในตอนนั้น คงต้องไว้หน้าเขาทั้งประเทศ”

ต่อให้เป็นอย่างนั้น ท่านชายป๋ายยู่ก็ไม่เชื่อว่าหลี่ต๋าคางจะเป็นคนของตระกูลหลี่ ถึงขั้นเชื่อว่าเขาเป็นคนของตระกูลหลี่ยิบย่อยออกมา

ส่วนหลี่ต๋าคางคนนี้เขาเองก็เบื่อที่จะทำความเข้าใจ อันที่จริงนักรบที่มีพรสวรรค์ที่เลื่องลือไปทั่ววงการต่อสู้ก็คือหลี่ต๋าคางเอง เพียงแต่หลังจากนั้นเพราะสาเหตุบางอย่างเขาออกจากวงการต่อสู้หลายปี เขาจึงค่อยๆ หายไปจากสายตาของทุกคน

“ครั้งนี้ต้องขอบคุณพวกคุณมากที่ยื่นมือเข้าช่วย ถือว่าผมติดหนี้บุญคุณพวกคุณ หากมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือ ไปหาผมได้ที่ตระกูลหลี่”

เขาทิ้งท้ายประโยค หลี่ต๋าคางลากไท่ซางที่ถูกอัดจนเละไม่เป็นท่าขึ้น ก่อนที่จะพาทุกคนออกจากที่

นอกจากท่านชายป๋ายยู่และนักพรตเต้าฝ่า อันที่จริงยังมีนักรบมากฝีมือที่ดูเหตุการณ์อยู่ หนึ่งในนั้นมีเฒ่าผมขาวคนหนึ่งจ้องมองแผ่นหลังของหลี่ต๋าคาง ลูปเคราของเขาพร้อมกล่าวอย่างครุ่นคิด

“เฮ้อ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคนแซ่หลี่นั่นคุ้นตานัก? เหมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักบวชที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็เริ่มครุ่นคิดอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน “ท่านกัว เมื่อได้ยินท่านว่าอย่างงั้น ผมเองก็เหมือนว่าคุ้นเคยกับเขานะ แต่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน