NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1217 ถูกลักพาตัว

บทที่ 1217 ถูกลักพาตัว

เสียงของหยางฉงกระแทกลงไปบนหัวใจของฉินวี่เฟยอย่างหนัก น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ได้หลั่งไหลออกมา ทำไมเธอจะไม่รักหลี่ฝาง แต่รักแล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้เรื่องได้มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอนอกจากจะปล่อยมือและส่งเสริมหลี่ฝางแล้วเธอยังจะทำอะไรได้อีก?

“เธอหยุดพูดได้แล้ว! ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงไม่ดีในปากของคนอื่น ขอให้เธอและหลี่ฝางมีความสุข และได้โปรดอย่ามารบกวนชีวิตฉันอีกต่อไป!”

ฉินวี่เฟยไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่แย่งคนรักของตัวเองไปคนนี้ยังไง กัดฟันพูดคำเหล่านี้จบก็รีบวิ่งออกจากประตูไปทันที

หยางฉงมองดูแผ่นหลังของฉินวี่เฟยที่วิ่งหนีออกไป ก็ไม่ได้สนใจร่างกายที่เกือบจะแท้งของตัวเอง แล้ววิ่งตามออกไปทันที

“พี่วี่เฟย! พี่อย่างพึ่งไป! พี่ฟังฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม?” หยางฉงวิ่งตามฉินวี่เฟยมาจนถึงถนนหน้าทางเข้าโรงพยาบาล ถึงหยุดฉินวี่เฟยที่ร้องไห้น้ำตาท่วมหน้าเอาไว้ได้

ถึงแม้หยางฉงเองก็อยากจะอยู่กับหลี่ฝาง แต่เธอไม่ยอมรับความรักที่พรากมาจากคนอื่น ถึงแม้คนที่หลี่ฝางรักมากนั้นจะเป็นฉินวี่เฟย แต่หยางฉงก็เชื่อว่าภายในใจของหลี่ฝางนั้นมีตัวเองอยู่

ดังนั้นเธอจึงต้องการแข่งขันอย่างยุติธรรมกับฉินวี่เฟย มีเพียงแบบนี้ ไม่ว่าสุดท้ายหลี่ฝางจะเลือกใคร ก็จะไม่ทิ้งความเสียใจเอาไว้

“ยังมีอะไรต้องพูดอีกล่ะ? ฉันเตรียมที่จะส่งเสริมเธอและหลี่ฝางแล้ว ยังจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ? ขอร้องเธอปล่อยฉันไปเถอะนะ แค่นี้ฉันก็ตกต่ำมากพอแล้ว อย่าให้ฉันต้องขายหน้าอีกเลยได้ไหม?”

ในเวลานี้ฉินวี่เฟยได้เสียใจมากแล้ว เธอไม่สามารถไปคิดอย่างอื่นได้เลย เพียงต้องการไปจากที่นี่โดยเร็วเท่านั้น ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังดึงกันไปมาอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นรถตู้สีดำคันหนึ่งก็ได้จอดลงที่ข้างกายของพวกเธอ ชายปิดหน้าสี่คนลงมาจากรถ จับแขนของฉินวี่เฟยและคิดจะลากขึ้นรถ

“ปล่อยฉันนะ! พวกแกเป็นใคร? ทำไมต้องจับฉันด้วย?” สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉินวี่เฟยออกแรงขัดขืนด้วยกำลังอันเล็กน้อยของเธอ ส่วนหยางฉงก็ได้กอดฉินวี่เฟยเอาไว้แน่นพลางร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนบนถนน

“ช่วยด้วย! ขอร้องล่ะ ช่วยพวกเราด้วย!”

“ไอ้ตัวไหนกล้าเข้ามายุ่ง ฉันจะยิงมันให้ตายซะ!” ชายที่เป็นหัวหน้าเห็นคนผ่านทางคิดจะเข้ามาช่วย ก็หยิบปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวขึ้นมา และยิงไปที่หัวเข่าของคนผ่านทางหนึ่งนัด

เลือดสีแดงสดไหลออกมาเต็มพื้น ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น ผู้คนที่คิดจะเข้ามาช่วยฉินวี่เฟยพวกนั้นก็ได้หนีกระเจิดกระเจิงไป ทันใดนั้นผู้คนบนท้องถนนก็หายวับไปไม่เห็นแม้แต่เงา

หยางฉงและฉินวี่เฟยเองก็ตกใจเหมือนกัน พวกเธอคิดไม่ถึงว่าพวกชายปิดหน้าจะโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฉินวี่เฟยค้นเอาโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างร้อนรนคิดจะโทรหาเมี๋ยวชุ่ย แต่ทว่าพึ่งจะค้นหาโทรศัพท์ออกมาได้ โทรศัพท์ก็ได้ถูกชายปิดหน้าคนนั้นแย่งไปทันที

“นังสารเลว ยังกล้าโทรเรียกคนอีก เชื่อไหมว่าฉันจะตีเธอให้ตาย!”

โทรศัพท์ถูกแย่ง ก็เท่ากับว่าได้สูญเสียโอกาสในการขอความช่วยเหลือไป ฉินวี่เฟยกัดฟันแน่น คิดอีกครั้งก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “พวก พวกแกเป็นใคร? ทำไมต้องจับฉันด้วย ฉันจ่ายเงินพวกแกได้ พวกแกจะเอาเท่าไหร่ก็ได้! ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย!”

ดูจากความโหดเหี้ยมของคนพวกนี้แล้ว ฉินวี่เฟยก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นพวกที่มาแก้แค้น ไม่ใช่พวกที่ต้องการทรัพย์สิน

ส่วนเรื่องที่ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ ก็เพื่อยืดเวลาแค่นั้นเอง

เธอและหยางฉงวิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ไม่นานพวกไท่ซางและโหจื่อจะต้องตามออกมาแน่ ขอเพียงรอให้พวกไท่ซางตามมาทันเช่นนั้นตัวเองกับหยางฉงก็รอดแล้ว

“นังผู้หญิงสารเลว ยังคิดจะยืดเวลา ตีให้สลบแล้วเอาตัวไปซะ!” ใครจะไปรู้ล่ะว่าชายปิดหน้าที่เป็นหัวหน้าคนนั้นจะมองความคิดของฉินวี่เฟยออกได้ในพริบตาเดียว และหัวไปสั่งกับชายปิดหน้าคนที่เหลือ

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ชายที่จับหยางฉงคนนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก: “ลูก ลูกพี่ ผู้ ผู้ ผู้หญิงคนนี้ทำ ทำยังไงดี? เธอ เธอ ……”

“ไอ้ติดอ่างแกเลิกพูดได้แล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็เอาไปด้วย! เร็วหน่อย อย่าให้พี่ใหญ่ต้องรอนาน!” เห็นเขาพูดอย่างอยากลำบากแบบนี้ หัวหน้ากลุ่มชายปิดหน้าก็พูดตัดบทขึ้นมาอย่างลำคาน สั่งให้เขาเอาตัวหยางฉงขึ้นรถไปด้วย

ถึงแม้ลูกพี่ของพวกเขาจะสั่งให้จับแค่ฉินวี่เฟยเพียงคนเดียว แต่ผู้หญิงคนนี้ดันเอาตัวเข้ามาส่ง งั้นก็จับไปให้หมดเลยแล้วกัน เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา

พวกฉินวี่เฟยยังไม่ทันจะได้ขอความช่วยเหลือ ก็ได้ถูกโปะยาทำให้สลบไปแล้ว

โหจื่อถูกไท่ซางลากไปดูดบุหรี่ กลับมาเห็นประตูห้องผู้ป่วยเปิดอยู่ หยางฉงที่เดิมทีควรจะนอนอยู่บนเตียงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จึงได้ลนลานขึ้นมาทันที แล้วลากคนไข้อีกคนที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาตวาดถาม

“แม่งเอ๊ย นายเห็นไหมว่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องไปไหนแล้ว? ฉันแค่ออกไปดูดบุหรี่มวนเดียว ทำไมคนถึงหายไปแล้วล่ะ?”

คนไข้ที่ถูกโหจื่อจับอยู่ตกใจจนเหงื่อไหลทะลักออกมา ขาสองข้างสั่นสะท้าน ตัวสั่นตอบคำถามของโหจื่อ

“ผมผมผมไม่รู้ เมื่อกี้เหมือนว่าจะมีผู้หญิงสองคนวิ่งออกไป ส่วนไปที่ไหนนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เมื่อได้ฟังคำพูดของคนคนนั้น โหจื่อและไท่ซางก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที

จนกระทั่งพวกเขาได้หายไปจากสายตาของตัวเอง คนไข้คนนี้ถึงฟุบลงไปนั่งอยู่บนพื้น และแอบด่าแม่อยู่ในใจ แม่งเอ๊ยเขาแค่ออกมาเข้าห้องน้ำเอง ทำไมถึงได้เจอเข้ากับเรื่องแบบนี้ได้?

คนเมื่อกี้นั้นน่ากลัวมากจริง ๆ สายตานั่นเหมือนกับจะกินตัวเองลงไปอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้ จะอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบย้ายโรงพยาบาลถึงจะได้

ในตอนที่โหจื่อและไท่ซางวิ่งมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก็ได้เห็นพวกชายฉกรรจ์ปิดหน้ากำลังแบกฉินวี่เฟยและหยางฉงขึ้นไปบนรถตู้พอดี

เห็นรถตู้กำลังจะขับออกไป ไท่ซางก็โมโหขึ้นมา แวบเดียวก็ได้พุ่งมาถึงข้างรถตู้แล้ว และเตรียมที่จะลงมือ

กลางวันแสก ๆ ไอ้สารเลวพวกนี้ยังกล้าลักพาตัวฉินวี่เฟยและหยางฉงภายใต้จมูกเขาอีก ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม!

ในตอนที่มือของเขากำลังจะโดนประตูรถนั่นเอง เงาดำร่างหนึ่งก็ได้โจมตีมาจากด้านหลังของไท่ซาง ประสบการณ์ในการต่อสู้มานานหลายปีทำให้ร่างกายของไท่ซางตอบสนองตามสัญชาตญาณ หัวของเขาได้เอียงไปที่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว ลมหมัดอันแข็งแกร่งเฉียดผ่านหูของไท่ซางไป

ไม่รอให้ไท่ซางยืนได้ย่างมั่นคง กระบวนท่าที่สองก็ได้โจมตีเข้ามาหาเขาอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์อย่างเขาจะถูกชายร่างผอมบีบให้ถอนหลีงไปติดต่อกัน

“ลูกพี่!” เมื่อเห็นผู้ชายคนนี้ชายปิดหน้าที่เดิมทีคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่แล้วเกิดดีใจขึ้นมาทันที

“พวกแกไปก่อน” ชายคนนั้นพูดออกไปโดยไม่หันหลังกลับเลยสักนิด จากนั้นก็ได้โจมตีไท่ซางเข้ามาอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง

“อย่าหนีนะ!” เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ไท่ซางก็กระวนกระวายใจ อยากจะข้ามผ่านชายคนนั้นไปช่วยพวกฉินวี่เฟย แต่กลับถูกชายคนนั้นขวางเอาไว้ได้ทุกครั้ง

“แม่งเอ๊ย! แกมันรนหาที่ตาย!” คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกชายคนนั้นจะเหนือกว่าตัวเอง ไท่ซางหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ความอาฆาตปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา กระบวนท่าก็โหดเหี้ยมขึ้นมา

“เหอะ ฆ่าฉันเหรอ? ต้องดูว่าแกมีความสามารถนั่นไหม” เหมือนว่าชายคนนั้นจะไม่เห็นไท่ซางอยู่ในสายตา หลังจากที่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งครั้งพลังในมือก็เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่า

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท