NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1236 พันธมิตร

บทที่ 1236 พันธมิตร

หลี่ฝางดูออก ความสามารถของท่านกัวคนนี้เป็นอันดับหนึ่งของเหล่านักรบพวกนี้ และมีความหวังมากที่สุด หากเขาจับมือเป็นพันธมิตรกับเขาได้ คนอื่นต่อให้คิดไม่พอใจ ก็ไม่กล้าต่อต้าน

“ได้ เราจะช่วยแก” ท่านกัวเองก็เป็นคนใจกว้าง ตอบตกลงทันทีในอึดใจเดียว

“ท่านกัว อย่าเพิ่งตอบตกลงเร็วขนาดนั้นสิ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่เราฆ่าอาซาโทสนั่นแล้ว คนพวกนี้จะหันกลับมาเล่นงานเราไหม”

“นั่นสิๆ ท่านกัว ผมไม่เชื่อคนพวกนี้ เราหากันเองเถอะ ผมไม่เชื่อว่าพลิกแผ่นดินในโลกใต้พิภพ จะหาหินคริสทัลก้อนนั้นไม่เจอ”

“พันธมิตรอะไรกัน ผมว่าไอ้หมอนี่คิดจะหลอกเราจัดการญี่ปุ่นนั่น อยากจะช่วยพวกท่านช่วยกันเองเลย ผมขอตัวก่อน”

……

แม้ท่านกัวจะตอบตกลงข้อเสนอเป็นพันธมิตรของหลี่ฝาง แต่ก็มีนักรบส่วนหนึ่งที่ยังคัดค้าน พวกเขาต่างก็รั้งท่านกัว ถึงขั้นมีคนสองคนคิดจะออกจากกลุ่มเดินทางหาหินคริสทัลด้วยตนเอง

“เถียไกว่หลี่ พวกแกสองคนอย่าใช้อารมณ์ เราไม่รู้จักซากปรักหักพังนี่ อยู่ด้วยกันปลอดภัยกว่า”

ท่านกัวเห็นชายวัยกลางคนหนึ่งรายคิดว่าแยกออกจากกลุ่ม จึงกล่าวด้วยความหวังดี

แต่อีกฝ่ายกลับไม่แยแส จับจ้องท่านกัวพร้อมหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านกัว ถึงแม้จะว่าอย่างนั้น แต่ในกลุ่มของเราท่านความสามารถแข็งแกร่งที่สุด คนอื่นที่ยอดฝีมือก็ความสัมพันธ์ดีกับท่าน ตอนนี้ท่านหวังดีเลยให้เราอยู่กับท่าน ใครจะไปรู้ว่าจะไม่แทงข้างหลังเรา”

“ยังไงซะหินคริสทัลก็มีแต่หนึ่งเดียว คนที่ได้เลื่อนแดนเป็นเทพก็มีแค่คนเดียว โบราณว่าเอาไว้คนที่ไม่คิดอ่านกระทำการใดเลยย่อมประสบหายนะ ผมไม่เพียงแต่ไม่เชื่อคนนั้น ผมก็ไม่เชื่อพวกท่านด้วย เพราะงั้นเราแยกทางกันตรงนี้เถอะ ขึ้นอยู่กับโชคว่าใครจะเป็นคนแรกที่เจอหินคริสทัล”

เมื่อจ้องมองสายตาของเถียไกว่หลี่ที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจเขา ท่านกัวนิ่งไป ถึงกับส่ายหน้าไม่รู้ดีใจหรือเสียใจดี “เอาเถอะ ถ้าแกคิดแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด เราค่อยพบกันใหม่เมื่อมีวาสนาแล้วกัน”

บอกตามตรง ท่านกัวมีชีวิตอยู่เกือบจะสามร้อยปี เรื่องราวของชาวโลกที่ไร้น้ำใจต่อกันเขามองทะลุปรุโปร่ง แต่เขาก็ยังมีหัวใจที่เอื้อเฟื้อมาโดยตลอด กับนักรบรุ่นหลังเองก็รักใคร่เอ็นดู

แม้เขาจะอยากได้หินคริสทัลนั้นมาก แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะใช้แผนสกปรกโดยการแทงข้างหลัง บอกได้แต่ว่าคนใจแคบอย่างเถียไกว่หลี่ใช้ความคิดเห็นที่เลวทรามไปคาดเดาคนที่คุณธรรมสูงส่ง

“สหายน้อย ท่านก็เห็นแล้ว พูดแค่ปากเปล่า คนอื่นไม่มีทางเชื่อท่าน ไม่งั้นท่านบอกที่ตั้งกับเราก่อน แล้วเราค่อยช่วยท่านสังหารอาซาโทสเป็นไง?”

เมื่อจ้องมองทุกคนที่ความเห็นแตกต่าง ท่านกัวเจรจาอีกครั้ง

หลี่ฝางกระตุกมุมปาก ไร้คำพูด ท่านกัวคนนี้คงไม่ได้คิดว่าเขาโง่หรอกใช่ไหม?

คนพวกนี้คิดถึงแต่คริสทัล หากเขาบอกที่ตั้งของคริสทัล ถ้างั้นพวกเขาทุกคนห้องวิ่งไปห้องลับเพื่อหาของวิเศษแน่ แล้วใครจะช่วยเขาจัดการอาซาโทสล่ะ

“ท่านผู้อาวุโส เอางี้แล้วกัน เราต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว ผมสาบาน หากพวกท่านช่วยผม ผมไม่ได้บอกที่ตั้งของหินคริสทัลกับพวกท่าน ถ้างั้นผมหลี่ฝางขอให้โดนฟ้าผ่า ไม่ได้ตายดี”

หลี่ฝางกลอกตา เพื่อใช้ความคิดก่อนกล่าวตอบ

การสาบานแบบนี้สำหรับคนธรรมดาแล้วบางทีอาจจะแค่การหลอกลวง แต่เขาที่เป็นนักรบ โดยเฉพาะที่อยู่ในแดนครึ่งเทพ หากสาบานแล้วทำไม่ได้ ก็จะถูกฟ้าผ่าจากสวรรค์ชั้นเจ็ด

นักรบคนอื่นๆ เองก็ไม่คิดว่าเขาจะให้คำสาบานที่ร้ายแรงขนาดนี้ หลังจากที่ทุกคนมองหน้ากันในที่สุดก็ยอมรับข้อเสนอพันธมิตรของหลี่ฝาง

หลังจากที่เป็นพันธมิตรไม่นาน พวกเขาก็มุ่งไปที่สุสานเทพอ้าน

แต่พวกเขามาได้ไม่ไกล ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ท่านชายป๋ายยู่และนักรบเต้าฝ่าที่เดินอยู่ข้างหน้าเกิดหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเสียอย่างงั้น

หากไม่ใช่เพราะยังได้ยินเสียงทั้งคู่โต้แย้งกันอยู่ข้างหน้า ทุกคนแทบจะคิดว่าพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวที่ซากปรักหักพังนี่มาก่อน

บรรยากาศเงียบไปหลายวินาที ทันใดนั้นความโกลาหลเกิดขึ้น ทุกคนต่างตั้งท่าเตรียมต่อสู้ สีหน้าระแวดระวังกวาดสายตามองรอบด้าน

“ผีหลอกหรือไง! ผีจับตัวพวกเขาสองคนไป!”

“เกิดอะไรขึ้น? คนล่ะ? ใครทำอะไรกัน! ไสหัวออกมา!”

“ฉะ ฉัน ฉัน ฉันไม่กลัวเลยสักนิด! ฉันเห็น ฉันแกแล้ว อย่าคิดที่จะหลอกฉันได้!”

……

ชั่วพริบตาในป่าเกิดเสียงโอดร้องด้วยความหวาดผวาของเหล่าผู้คน

แม้พวกเขาจะระวังตัวกันอย่างมาก แต่เรื่องการหายตัวไปก็ยังคงดำเนินต่อไป หลังผ่านไปหนึ่งนาทีในกลุ่มก็เกิดมีนักรบสองรายหายตัวไปอีกครั้ง

คราวนี้ทุกคนในกลุ่มต่างตื่นตระหนก พวกเขามีชีวิตอยู่ตั้งนาน เรื่องแปลกประหลาดอะไรบ้างล่ะที่เคยพบเห็น แต่ครั้งนี้ถึงกับตื่นตระหนกจริงๆ

ความสามารถของพวกเขา รอบด้านมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็รับรู้ได้ แต่หลายคนนั้นกลับหายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา นี่เป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแล้ว?

ในขณะที่ทุกคนตกใจจนเหงื่อแตกซก ทันใดนั้นภูเขาก็เกิดสั่นไหว แผ่นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนเกิดแตกออก

เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลี่ฝางไม่ทันได้คิดอะไรมาก ได้แต่ลากแคทเธอรินที่อยู่ใกล้ตนมากที่สุดมาด้วย เขาตัดสินใจที่จะลากแคทเธอรินหาพื้นที่ยึดเหนี่ยว ทว่าตรงหน้าเกิดมืดสนิท โลกทั้งใบตกเข้าสู่ภายใต้ความมืดมิด

“หลี่ฝาง ลูกหลานของฉัน ในที่สุดฉันก็รอวันที่แกมาจนได้”

ภายใต้ความมึนมัว หลี่ฝางได้ยินเสียงที่ลึกลับและวางเปล่า เขาอยากจะลืมตาขึ้น แต่ร่างกายของเขากลับไร้เรี่ยวแรง ไม่อยู่ในความควบคุมของเขา

หลี่ฝางไม่ชอบการอาการเสียการควบคุมแบบนี้เป็นที่สุด ใช้กำลังทั้งหมดที่มีในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาได้ แต่ร่างของเขาก็ยังคงขยับไม่ได้ดังเดิม ได้แต่ใช้สายตากวาดพิจารณารอบด้านไปทั่ว

เขาพบว่าเขาอยู่ในห้องลับที่มืดมน เพดานของห้องลับนี้ประดับไปด้วยไข่มุกราตรีมากมาย ส่องแสงสว่างภายใต้ความมืดมิดนี้ ที่ไม่ไกลมีบ่อน้ำตั้งอยู่ ในบ่อน้ำเต็มไปด้วยน้ำเลือดทั้งบ่อ ที่มีเสียงปูดๆ ของความร้อน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท