หลี่ฝางดูออก ความสามารถของท่านกัวคนนี้เป็นอันดับหนึ่งของเหล่านักรบพวกนี้ และมีความหวังมากที่สุด หากเขาจับมือเป็นพันธมิตรกับเขาได้ คนอื่นต่อให้คิดไม่พอใจ ก็ไม่กล้าต่อต้าน
“ได้ เราจะช่วยแก” ท่านกัวเองก็เป็นคนใจกว้าง ตอบตกลงทันทีในอึดใจเดียว
“ท่านกัว อย่าเพิ่งตอบตกลงเร็วขนาดนั้นสิ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่เราฆ่าอาซาโทสนั่นแล้ว คนพวกนี้จะหันกลับมาเล่นงานเราไหม”
“นั่นสิๆ ท่านกัว ผมไม่เชื่อคนพวกนี้ เราหากันเองเถอะ ผมไม่เชื่อว่าพลิกแผ่นดินในโลกใต้พิภพ จะหาหินคริสทัลก้อนนั้นไม่เจอ”
“พันธมิตรอะไรกัน ผมว่าไอ้หมอนี่คิดจะหลอกเราจัดการญี่ปุ่นนั่น อยากจะช่วยพวกท่านช่วยกันเองเลย ผมขอตัวก่อน”
……
แม้ท่านกัวจะตอบตกลงข้อเสนอเป็นพันธมิตรของหลี่ฝาง แต่ก็มีนักรบส่วนหนึ่งที่ยังคัดค้าน พวกเขาต่างก็รั้งท่านกัว ถึงขั้นมีคนสองคนคิดจะออกจากกลุ่มเดินทางหาหินคริสทัลด้วยตนเอง
“เถียไกว่หลี่ พวกแกสองคนอย่าใช้อารมณ์ เราไม่รู้จักซากปรักหักพังนี่ อยู่ด้วยกันปลอดภัยกว่า”
ท่านกัวเห็นชายวัยกลางคนหนึ่งรายคิดว่าแยกออกจากกลุ่ม จึงกล่าวด้วยความหวังดี
แต่อีกฝ่ายกลับไม่แยแส จับจ้องท่านกัวพร้อมหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านกัว ถึงแม้จะว่าอย่างนั้น แต่ในกลุ่มของเราท่านความสามารถแข็งแกร่งที่สุด คนอื่นที่ยอดฝีมือก็ความสัมพันธ์ดีกับท่าน ตอนนี้ท่านหวังดีเลยให้เราอยู่กับท่าน ใครจะไปรู้ว่าจะไม่แทงข้างหลังเรา”
“ยังไงซะหินคริสทัลก็มีแต่หนึ่งเดียว คนที่ได้เลื่อนแดนเป็นเทพก็มีแค่คนเดียว โบราณว่าเอาไว้คนที่ไม่คิดอ่านกระทำการใดเลยย่อมประสบหายนะ ผมไม่เพียงแต่ไม่เชื่อคนนั้น ผมก็ไม่เชื่อพวกท่านด้วย เพราะงั้นเราแยกทางกันตรงนี้เถอะ ขึ้นอยู่กับโชคว่าใครจะเป็นคนแรกที่เจอหินคริสทัล”
เมื่อจ้องมองสายตาของเถียไกว่หลี่ที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจเขา ท่านกัวนิ่งไป ถึงกับส่ายหน้าไม่รู้ดีใจหรือเสียใจดี “เอาเถอะ ถ้าแกคิดแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด เราค่อยพบกันใหม่เมื่อมีวาสนาแล้วกัน”
บอกตามตรง ท่านกัวมีชีวิตอยู่เกือบจะสามร้อยปี เรื่องราวของชาวโลกที่ไร้น้ำใจต่อกันเขามองทะลุปรุโปร่ง แต่เขาก็ยังมีหัวใจที่เอื้อเฟื้อมาโดยตลอด กับนักรบรุ่นหลังเองก็รักใคร่เอ็นดู
แม้เขาจะอยากได้หินคริสทัลนั้นมาก แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะใช้แผนสกปรกโดยการแทงข้างหลัง บอกได้แต่ว่าคนใจแคบอย่างเถียไกว่หลี่ใช้ความคิดเห็นที่เลวทรามไปคาดเดาคนที่คุณธรรมสูงส่ง
“สหายน้อย ท่านก็เห็นแล้ว พูดแค่ปากเปล่า คนอื่นไม่มีทางเชื่อท่าน ไม่งั้นท่านบอกที่ตั้งกับเราก่อน แล้วเราค่อยช่วยท่านสังหารอาซาโทสเป็นไง?”
เมื่อจ้องมองทุกคนที่ความเห็นแตกต่าง ท่านกัวเจรจาอีกครั้ง
หลี่ฝางกระตุกมุมปาก ไร้คำพูด ท่านกัวคนนี้คงไม่ได้คิดว่าเขาโง่หรอกใช่ไหม?
คนพวกนี้คิดถึงแต่คริสทัล หากเขาบอกที่ตั้งของคริสทัล ถ้างั้นพวกเขาทุกคนห้องวิ่งไปห้องลับเพื่อหาของวิเศษแน่ แล้วใครจะช่วยเขาจัดการอาซาโทสล่ะ
“ท่านผู้อาวุโส เอางี้แล้วกัน เราต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว ผมสาบาน หากพวกท่านช่วยผม ผมไม่ได้บอกที่ตั้งของหินคริสทัลกับพวกท่าน ถ้างั้นผมหลี่ฝางขอให้โดนฟ้าผ่า ไม่ได้ตายดี”
หลี่ฝางกลอกตา เพื่อใช้ความคิดก่อนกล่าวตอบ
การสาบานแบบนี้สำหรับคนธรรมดาแล้วบางทีอาจจะแค่การหลอกลวง แต่เขาที่เป็นนักรบ โดยเฉพาะที่อยู่ในแดนครึ่งเทพ หากสาบานแล้วทำไม่ได้ ก็จะถูกฟ้าผ่าจากสวรรค์ชั้นเจ็ด
นักรบคนอื่นๆ เองก็ไม่คิดว่าเขาจะให้คำสาบานที่ร้ายแรงขนาดนี้ หลังจากที่ทุกคนมองหน้ากันในที่สุดก็ยอมรับข้อเสนอพันธมิตรของหลี่ฝาง
หลังจากที่เป็นพันธมิตรไม่นาน พวกเขาก็มุ่งไปที่สุสานเทพอ้าน
แต่พวกเขามาได้ไม่ไกล ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ท่านชายป๋ายยู่และนักรบเต้าฝ่าที่เดินอยู่ข้างหน้าเกิดหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเสียอย่างงั้น
หากไม่ใช่เพราะยังได้ยินเสียงทั้งคู่โต้แย้งกันอยู่ข้างหน้า ทุกคนแทบจะคิดว่าพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวที่ซากปรักหักพังนี่มาก่อน
บรรยากาศเงียบไปหลายวินาที ทันใดนั้นความโกลาหลเกิดขึ้น ทุกคนต่างตั้งท่าเตรียมต่อสู้ สีหน้าระแวดระวังกวาดสายตามองรอบด้าน
“ผีหลอกหรือไง! ผีจับตัวพวกเขาสองคนไป!”
“เกิดอะไรขึ้น? คนล่ะ? ใครทำอะไรกัน! ไสหัวออกมา!”
“ฉะ ฉัน ฉัน ฉันไม่กลัวเลยสักนิด! ฉันเห็น ฉันแกแล้ว อย่าคิดที่จะหลอกฉันได้!”
……
ชั่วพริบตาในป่าเกิดเสียงโอดร้องด้วยความหวาดผวาของเหล่าผู้คน
แม้พวกเขาจะระวังตัวกันอย่างมาก แต่เรื่องการหายตัวไปก็ยังคงดำเนินต่อไป หลังผ่านไปหนึ่งนาทีในกลุ่มก็เกิดมีนักรบสองรายหายตัวไปอีกครั้ง
คราวนี้ทุกคนในกลุ่มต่างตื่นตระหนก พวกเขามีชีวิตอยู่ตั้งนาน เรื่องแปลกประหลาดอะไรบ้างล่ะที่เคยพบเห็น แต่ครั้งนี้ถึงกับตื่นตระหนกจริงๆ
ความสามารถของพวกเขา รอบด้านมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็รับรู้ได้ แต่หลายคนนั้นกลับหายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา นี่เป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแล้ว?
ในขณะที่ทุกคนตกใจจนเหงื่อแตกซก ทันใดนั้นภูเขาก็เกิดสั่นไหว แผ่นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนเกิดแตกออก
เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลี่ฝางไม่ทันได้คิดอะไรมาก ได้แต่ลากแคทเธอรินที่อยู่ใกล้ตนมากที่สุดมาด้วย เขาตัดสินใจที่จะลากแคทเธอรินหาพื้นที่ยึดเหนี่ยว ทว่าตรงหน้าเกิดมืดสนิท โลกทั้งใบตกเข้าสู่ภายใต้ความมืดมิด
“หลี่ฝาง ลูกหลานของฉัน ในที่สุดฉันก็รอวันที่แกมาจนได้”
ภายใต้ความมึนมัว หลี่ฝางได้ยินเสียงที่ลึกลับและวางเปล่า เขาอยากจะลืมตาขึ้น แต่ร่างกายของเขากลับไร้เรี่ยวแรง ไม่อยู่ในความควบคุมของเขา
หลี่ฝางไม่ชอบการอาการเสียการควบคุมแบบนี้เป็นที่สุด ใช้กำลังทั้งหมดที่มีในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาได้ แต่ร่างของเขาก็ยังคงขยับไม่ได้ดังเดิม ได้แต่ใช้สายตากวาดพิจารณารอบด้านไปทั่ว
เขาพบว่าเขาอยู่ในห้องลับที่มืดมน เพดานของห้องลับนี้ประดับไปด้วยไข่มุกราตรีมากมาย ส่องแสงสว่างภายใต้ความมืดมิดนี้ ที่ไม่ไกลมีบ่อน้ำตั้งอยู่ ในบ่อน้ำเต็มไปด้วยน้ำเลือดทั้งบ่อ ที่มีเสียงปูดๆ ของความร้อน