NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1256 แม่ลูกปลอดภัย

บทที่ 1256 แม่ลูกปลอดภัย

“คุณน้า คุณลุงหลี่ เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวฉงกำหนดคลอดเดือนหน้าไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้คลอดก่อนกำหนดกะทันหันได้”

เมื่อสักครู่ฉินวี่เฟยกำลังประชุมอยู่ที่บริษัท ได้รับสายจากเมี๋ยวชุ่ยกะทันหัน บอกว่าสถานการณ์ของหยางฉงไม่ค่อยดี ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล

เธอหยุดการประชุม เดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ถูกลักพาตัวเมื่อครั้งก่อน ความสัมพันธ์ของฉินวี่เฟยและหยางฉงดีขึ้นมาก ผ่านการอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ทั้งคู่แทบจะเป็นเพื่อนซี้ต่อกันแล้ว

ที่มากกว่านั้น ฉินวี่เฟยเป็นห่วงเด็กในท้องของหยางฉงมากกว่าเมี๋ยวชุ่ยและหลี่ต๋าคางซะอีก มักจะสั่งให้คนเอาของมาให้อยู่เสมอ เธอเองก็มักจะมาที่บ้านพักตากอากาศอยู่เสมอ

“เฮ้อ เรื่องนี้โทษฉันที่ไม่ระวัง ที่ให้เสี่ยวฉงได้ยินบทสนทนาของฉันและคุณลุง รู้ว่าตอนนี้ไม่มีข่าวคราวของเสี่ยวฝาง ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เธอรับไม่ได้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือน”

เมี๋ยวชุ่ยเห็นฉินวี่เฟยที่มีสีหน้าใจร้อนจึงถอนหายใจออกมา สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

เมื่อฉินวี่เฟยได้ยินเมี๋ยวชุ่ยบอกว่าไม่มีข่าวคราวไม่รู้ว่าหลี่ฝางเป็นตายร้ายดียังไง ใจของเธอหล่นวูบ ก่อนที่จะกล่าว “หลี่ฝางต้องไม่เป็นอะไรแน่”

เธอกล่าวประโยคเสียงดัง ทำให้หลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อเห็นทั้งคู่จ้องตนนิ่ง ฉินวี่เฟยถึงได้รู้ว่าเธอขาดการควบคุม หลบสายตา เปลี่ยนหัวข้ออย่างประหม่า

“น้าอย่าพูดแบบนั้นเลย นี่ไม่ใชความผิดของน้า ฉันเชื่อว่าเสี่ยวฉงต้องปลอดภัยแน่”

หลี่ต๋าคางเองก็รู้ว่าฉินวี่เฟยตั้งใจแก้เก้อ จึงไปตามน้ำเธอ

“วี่เฟยพูดถูก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เรื่องของเสี่ยวฝางปิดบังไม่อยู่หรอก ตอนนี้ขอให้เสี่ยวฉงและลูกของเธอปลอดภัยไม่เป็นอะไร”

หลี่ต๋าคางจ้องมองภรรยาของตนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด รั้งเธอเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างรักใคร่

“ที่รัก เสี่ยวฉงกับลูกจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? นี่เข้าไปสี่ห้าชั่วโมงแล้ว ฉันใจไม่ดีเลย”

เมี๋ยวชุ่ยจับมือของหลี่ต๋าคางแน่น สายตาที่จ้องไปยังประตูห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยความกังวล

แม้หลี่ฝางคางจะรีบร้อนใจ แต่กลับไม่แสดงออกมา ยังไงซะเขาก็เป็นผู้ชาย เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาต้องใจเย็น

เขาตบมือของเมี๋ยวชุ่ย พร้อมกล่าวปลอบใจ

“วางใจเถอะ เสี่ยวฉงเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง เธอกับลูกต้องไม่เป็นอะไรแน่”

จบประโยค ไฟห้องผ่าตัดจึงดับลง เมี๋ยวชุ่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้ รีบปรี่เข้าไปที่หน้าห้อง

“หมอ เป็นยังไงบ้าง? เสี่ยวฉงเป็นยังไงบ้าง?”

คุณหมอถอดหน้ากากอนามัยออก ตอบด้วยยิ้ม “วางใจเถอะ ปลอดภัยทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก เพียงแค่เด็กคลอดก่อนกำหนด ต้องเข้าตู้อบสักระยะ”

เมื่อได้ยินคำของหมอ ที่สุดทั้งสามก็คลายกังวล เมี๋ยวชุ่ยดีใจจนคว้าแขนของหลี่ต๋าคาง พร้อมกล่าว

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วๆ เสี่ยวฝางกลับมาฉันก็จะได้บอกกับเขาได้”

“ดูคุณสิ เป็นถึงคุณย่าแล้ว ทำไมถึงยังขี้แยอยู่อีก คนอื่นเห็นเข้า คงหัวเราะเยาะแย่!”

แม้หลี่ต๋าคางจะพูดอย่างงั้น แต่ก็เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเมี๋ยวชุ่ยออกอย่างเอ็นดู

ฉินวี่เฟยที่อยู่อีกด้านสายตาฉายแววอิจฉา

อันที่จริงเธออิจฉาในความรักของหลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยมาก แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว แต่ความรักของทั้งคู่ไม่เคยจางลงเลย แต่เหมือนกับไวนั้นดีแก้วหนึ่ง ที่เวลานานมากเท่าไหร่ยิ่งหอมกรุ่น

“ไม่ต้องเลย? ที่นี่มีเพียงแค่เราสามคน นอกจากคุณยังมีใครที่หัวเราะเยาะฉันได้?”

เมี๋ยวชุ่ยถลึงตาโตใส่หลี่ต๋าคาง พลันเบือนหน้าหนีแสร้งไม่แยแสเขา

“ผมจะกล้าหัวเราะเยาะภรรยาของผมได้ยังไง ฉันรักคุณจะตาย” หลี่ต๋าคางหัวเราะอย่างไร้หนทาง โอบเมี๋ยวชุ่ยเอาไว้ปลอบโยนเธออย่างแผ่วเบา

“แค่กๆ อีกเดี๋ยวคุณแม่ก็จะกลับไปพักฟื้นแล้ว พวกคุณไปรอเธอที่ห้องเถอะ”

คุณหมอที่ตอนนี้อายุสามสิบแล้วยังไม่ได้แต่งงานเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองพลอดรัก รู้สึกเศร้าใจ อดไม่ได้ที่จะกระแอมไอออกมาสองที ขัดคู่สามีภรรยาเก่าแก่ที่พ่นเอาฟองอากาศสีชมพูออกมาไม่หยุด

เมื่อได้ยินเสียงคุณหมอ เมี๋ยวชุ่ยถึงได้ไหวตัวว่าตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล เธอหยิกเข้าที่เอวของหลี่ต๋าคาง กล่าวโทษเสียงแผ่ว

“คนอื่นอยู่ด้วย ระวังภาพลักษณ์หน่อยได้ไหม”

เมื่อถูกภรรยาเอ็ด หลี่ฝางไร้การถือโทษแต่อย่างใด ทว่ากลับเกาหัวด้วยรอยยิ้ม

คุณหมอไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง รีบออกไปจากสถานที่พลอดรักแห่งนี้

ทั้งคู่เหมือนกับคนที่อายุสามสิบกว่า แต่กลับมีหลานแล้ว แถมลูกสะใภ้ยังหน้าตาสะสวย

แล้วย้อนดูตนเอง สามสิบแล้วแม้แต่แฟนยังไม่มี จะให้คนโสดอย่างเขาทนอยู่ได้ยังไง!

เมี๋ยวชุ่ยและหลี่ต๋าคางกับฉินวี่เฟยไปรอที่ห้องพักได้สักพัก หยางฉงก็ถูกพยาบาลสองคนเข็นเข้ามา

จ้องมองหยางฉงที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าขาวซีด เมี๋ยวชุ่ยกล่าวอย่างเจ็บปวดใจและดีใจ

“เสี่ยวฉง ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหม? หิวน้ำไหม? จะดื่มน้ำรึเปล่า?”

“คุณน้า ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไร รอยแผลไม่เจ็บมาก ลูกล่ะ? เขาเป็นยังไงบ้าง เป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง?”

เหมือนกับคนเป็นแม่ทุกคน ตอนนี้ในหัวของหยางฉงเต็มไปด้วยความห่วงใยลูก เมื่อสักครู่ที่ห้องผ่าตัดเธอเห็นแค่แวบเดียวเท่านั้น เด็กก็ถูกพยายามอุ้มไป ตอนนี้แม้แต่เด็กเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ยังไม่รู้

“เอ่อ……คือว่า……ที่รักเมื่อกี้คุณหมอบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายนะ?” เมี๋ยวชุ่ยงงกับคำถาม เมื่อสักครู่เธอมัวแต่เป็นห่วงหยางฉง จนไม่ทันได้คิดนึงข้อนี้เลย

เมื่อได้ยินคำของเมี๋ยวชุ่ย หลี่ต๋าคางเองก็ส่ายหน้าอย่างระอา “ผมก็ไม่ได้ถาม”

หยางฉงเมื่อได้ยินประโยคของทั้งคู่รู้สึกไร้หนทางและนึกขำ คุณปู่คุณย่าไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเอาซะเลย แม้แต่เพศของหลานตัวเองยังไม่รู้

“แค่กๆ คุณอยู่ที่นี่กับหยางฉง ผมจะไปถามเอง” หลี่ต๋าคางกระแอมไออย่างประหม่า หลังจากที่บอกให้เมี๋ยวชุ่ยอยู่ดูแลหยางฉง เขาก็รีบสาวเท้าออกไป

“ให้ตาย นี่มันคุณปู่อะไรกัน แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ลืมถามซะได้ เพราะงั้นหลานรักของฉันต้องสนิทกับฉันมากกว่าแน่” เมี๋ยวชุ่ยจ้องมองแผ่นหลังของหลี่ต๋าคาง กล่าวอย่างมีเหตุมีผล

หยางฉงและฉินวี่เฟยสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นความอิจฉาในสายตาของอีกฝ่าย

“เสี่ยวฉง ลำบากเธอแล้ว” ฉินวี่เฟยเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วยของหยางฉง จับมือของเธอด้วยความรักใคร่พร้อมกล่าว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท