“คุณน้า คุณลุงหลี่ เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวฉงกำหนดคลอดเดือนหน้าไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้คลอดก่อนกำหนดกะทันหันได้”
เมื่อสักครู่ฉินวี่เฟยกำลังประชุมอยู่ที่บริษัท ได้รับสายจากเมี๋ยวชุ่ยกะทันหัน บอกว่าสถานการณ์ของหยางฉงไม่ค่อยดี ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล
เธอหยุดการประชุม เดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ถูกลักพาตัวเมื่อครั้งก่อน ความสัมพันธ์ของฉินวี่เฟยและหยางฉงดีขึ้นมาก ผ่านการอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ทั้งคู่แทบจะเป็นเพื่อนซี้ต่อกันแล้ว
ที่มากกว่านั้น ฉินวี่เฟยเป็นห่วงเด็กในท้องของหยางฉงมากกว่าเมี๋ยวชุ่ยและหลี่ต๋าคางซะอีก มักจะสั่งให้คนเอาของมาให้อยู่เสมอ เธอเองก็มักจะมาที่บ้านพักตากอากาศอยู่เสมอ
“เฮ้อ เรื่องนี้โทษฉันที่ไม่ระวัง ที่ให้เสี่ยวฉงได้ยินบทสนทนาของฉันและคุณลุง รู้ว่าตอนนี้ไม่มีข่าวคราวของเสี่ยวฝาง ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เธอรับไม่ได้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือน”
เมี๋ยวชุ่ยเห็นฉินวี่เฟยที่มีสีหน้าใจร้อนจึงถอนหายใจออกมา สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เมื่อฉินวี่เฟยได้ยินเมี๋ยวชุ่ยบอกว่าไม่มีข่าวคราวไม่รู้ว่าหลี่ฝางเป็นตายร้ายดียังไง ใจของเธอหล่นวูบ ก่อนที่จะกล่าว “หลี่ฝางต้องไม่เป็นอะไรแน่”
เธอกล่าวประโยคเสียงดัง ทำให้หลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อเห็นทั้งคู่จ้องตนนิ่ง ฉินวี่เฟยถึงได้รู้ว่าเธอขาดการควบคุม หลบสายตา เปลี่ยนหัวข้ออย่างประหม่า
“น้าอย่าพูดแบบนั้นเลย นี่ไม่ใชความผิดของน้า ฉันเชื่อว่าเสี่ยวฉงต้องปลอดภัยแน่”
หลี่ต๋าคางเองก็รู้ว่าฉินวี่เฟยตั้งใจแก้เก้อ จึงไปตามน้ำเธอ
“วี่เฟยพูดถูก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ เรื่องของเสี่ยวฝางปิดบังไม่อยู่หรอก ตอนนี้ขอให้เสี่ยวฉงและลูกของเธอปลอดภัยไม่เป็นอะไร”
หลี่ต๋าคางจ้องมองภรรยาของตนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด รั้งเธอเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างรักใคร่
“ที่รัก เสี่ยวฉงกับลูกจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? นี่เข้าไปสี่ห้าชั่วโมงแล้ว ฉันใจไม่ดีเลย”
เมี๋ยวชุ่ยจับมือของหลี่ต๋าคางแน่น สายตาที่จ้องไปยังประตูห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยความกังวล
แม้หลี่ฝางคางจะรีบร้อนใจ แต่กลับไม่แสดงออกมา ยังไงซะเขาก็เป็นผู้ชาย เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาต้องใจเย็น
เขาตบมือของเมี๋ยวชุ่ย พร้อมกล่าวปลอบใจ
“วางใจเถอะ เสี่ยวฉงเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง เธอกับลูกต้องไม่เป็นอะไรแน่”
จบประโยค ไฟห้องผ่าตัดจึงดับลง เมี๋ยวชุ่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้ รีบปรี่เข้าไปที่หน้าห้อง
“หมอ เป็นยังไงบ้าง? เสี่ยวฉงเป็นยังไงบ้าง?”
คุณหมอถอดหน้ากากอนามัยออก ตอบด้วยยิ้ม “วางใจเถอะ ปลอดภัยทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก เพียงแค่เด็กคลอดก่อนกำหนด ต้องเข้าตู้อบสักระยะ”
เมื่อได้ยินคำของหมอ ที่สุดทั้งสามก็คลายกังวล เมี๋ยวชุ่ยดีใจจนคว้าแขนของหลี่ต๋าคาง พร้อมกล่าว
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วๆ เสี่ยวฝางกลับมาฉันก็จะได้บอกกับเขาได้”
“ดูคุณสิ เป็นถึงคุณย่าแล้ว ทำไมถึงยังขี้แยอยู่อีก คนอื่นเห็นเข้า คงหัวเราะเยาะแย่!”
แม้หลี่ต๋าคางจะพูดอย่างงั้น แต่ก็เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเมี๋ยวชุ่ยออกอย่างเอ็นดู
ฉินวี่เฟยที่อยู่อีกด้านสายตาฉายแววอิจฉา
อันที่จริงเธออิจฉาในความรักของหลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยมาก แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว แต่ความรักของทั้งคู่ไม่เคยจางลงเลย แต่เหมือนกับไวนั้นดีแก้วหนึ่ง ที่เวลานานมากเท่าไหร่ยิ่งหอมกรุ่น
“ไม่ต้องเลย? ที่นี่มีเพียงแค่เราสามคน นอกจากคุณยังมีใครที่หัวเราะเยาะฉันได้?”
เมี๋ยวชุ่ยถลึงตาโตใส่หลี่ต๋าคาง พลันเบือนหน้าหนีแสร้งไม่แยแสเขา
“ผมจะกล้าหัวเราะเยาะภรรยาของผมได้ยังไง ฉันรักคุณจะตาย” หลี่ต๋าคางหัวเราะอย่างไร้หนทาง โอบเมี๋ยวชุ่ยเอาไว้ปลอบโยนเธออย่างแผ่วเบา
“แค่กๆ อีกเดี๋ยวคุณแม่ก็จะกลับไปพักฟื้นแล้ว พวกคุณไปรอเธอที่ห้องเถอะ”
คุณหมอที่ตอนนี้อายุสามสิบแล้วยังไม่ได้แต่งงานเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองพลอดรัก รู้สึกเศร้าใจ อดไม่ได้ที่จะกระแอมไอออกมาสองที ขัดคู่สามีภรรยาเก่าแก่ที่พ่นเอาฟองอากาศสีชมพูออกมาไม่หยุด
เมื่อได้ยินเสียงคุณหมอ เมี๋ยวชุ่ยถึงได้ไหวตัวว่าตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล เธอหยิกเข้าที่เอวของหลี่ต๋าคาง กล่าวโทษเสียงแผ่ว
“คนอื่นอยู่ด้วย ระวังภาพลักษณ์หน่อยได้ไหม”
เมื่อถูกภรรยาเอ็ด หลี่ฝางไร้การถือโทษแต่อย่างใด ทว่ากลับเกาหัวด้วยรอยยิ้ม
คุณหมอไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง รีบออกไปจากสถานที่พลอดรักแห่งนี้
ทั้งคู่เหมือนกับคนที่อายุสามสิบกว่า แต่กลับมีหลานแล้ว แถมลูกสะใภ้ยังหน้าตาสะสวย
แล้วย้อนดูตนเอง สามสิบแล้วแม้แต่แฟนยังไม่มี จะให้คนโสดอย่างเขาทนอยู่ได้ยังไง!
เมี๋ยวชุ่ยและหลี่ต๋าคางกับฉินวี่เฟยไปรอที่ห้องพักได้สักพัก หยางฉงก็ถูกพยาบาลสองคนเข็นเข้ามา
จ้องมองหยางฉงที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าขาวซีด เมี๋ยวชุ่ยกล่าวอย่างเจ็บปวดใจและดีใจ
“เสี่ยวฉง ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหม? หิวน้ำไหม? จะดื่มน้ำรึเปล่า?”
“คุณน้า ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไร รอยแผลไม่เจ็บมาก ลูกล่ะ? เขาเป็นยังไงบ้าง เป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง?”
เหมือนกับคนเป็นแม่ทุกคน ตอนนี้ในหัวของหยางฉงเต็มไปด้วยความห่วงใยลูก เมื่อสักครู่ที่ห้องผ่าตัดเธอเห็นแค่แวบเดียวเท่านั้น เด็กก็ถูกพยายามอุ้มไป ตอนนี้แม้แต่เด็กเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ยังไม่รู้
“เอ่อ……คือว่า……ที่รักเมื่อกี้คุณหมอบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายนะ?” เมี๋ยวชุ่ยงงกับคำถาม เมื่อสักครู่เธอมัวแต่เป็นห่วงหยางฉง จนไม่ทันได้คิดนึงข้อนี้เลย
เมื่อได้ยินคำของเมี๋ยวชุ่ย หลี่ต๋าคางเองก็ส่ายหน้าอย่างระอา “ผมก็ไม่ได้ถาม”
หยางฉงเมื่อได้ยินประโยคของทั้งคู่รู้สึกไร้หนทางและนึกขำ คุณปู่คุณย่าไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเอาซะเลย แม้แต่เพศของหลานตัวเองยังไม่รู้
“แค่กๆ คุณอยู่ที่นี่กับหยางฉง ผมจะไปถามเอง” หลี่ต๋าคางกระแอมไออย่างประหม่า หลังจากที่บอกให้เมี๋ยวชุ่ยอยู่ดูแลหยางฉง เขาก็รีบสาวเท้าออกไป
“ให้ตาย นี่มันคุณปู่อะไรกัน แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ลืมถามซะได้ เพราะงั้นหลานรักของฉันต้องสนิทกับฉันมากกว่าแน่” เมี๋ยวชุ่ยจ้องมองแผ่นหลังของหลี่ต๋าคาง กล่าวอย่างมีเหตุมีผล
หยางฉงและฉินวี่เฟยสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นความอิจฉาในสายตาของอีกฝ่าย
“เสี่ยวฉง ลำบากเธอแล้ว” ฉินวี่เฟยเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วยของหยางฉง จับมือของเธอด้วยความรักใคร่พร้อมกล่าว