NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1268 เลือก

บทที่ 1268 เลือก

“ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน หลังจากนั้นจะปล่อยโกยินหรือไม่ ก็ต้องดูอารมณ์ของฉัน” ยังไงซะในมือของเขายังมีไพ่ใบเด็ดอย่างโกยินอยู่ ท่านจวนทำตามใจตนเองเต็มที่

ไม่นึกถึงความรู้สึกของคุณท่านโกแม้แต่น้อย เพื่อเป้าหมายของตนเองเขาทำทุกวิถีทาง สำหรับเขาแล้ว คุณท่านโกก็แค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เขาจะเป็นหรือจะตายยังไงเขาไม่แยแสอะไรทั้งนั้น

“สกุลจวน อย่ามากเกินไปนัก! คนดีแค่ไหนเมื่อถูกรังแกมากๆ จะทำในเรื่องไม่คาดฝัน แกไม่กลัวว่าฉันจะสู้ตายกับแกเหรอ?” คุณท่านโกทนจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาอยู่มาทั้งชีวิต ทุกคนต่างก็ให้เกียรติเคารพในตัวเขา ไม่เคยอนาถขนาดนี้มาก่อน

“ฮ่าๆ ก็ลองดูสิ ถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน ทางด้านโกยินก็จะมีคนลงมือกับเธอทันที” เผชิญกับคุณท่านโกที่โมโหหนัก ท่านจวนก็ยังคงมั่นใจดั่งเก่า ทว่าเปียวจื่อที่อยู่ข้างๆ กลับก้าวเดินมาข้างหน้า จับจ้องท่านโกด้วยสีหน้าที่ระแวดระวัง

“ได้ ได้ ได้! คอยดูแล้วกัน!” คุณท่านโกที่โกรธจนปอดแทบแตกประจันหน้ากับเปียวจื่ออยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะสลัดแขนเสื้อเดินออกไป

“คุณท่านตงฟาง คุณท่านโกคนนี้เขาดูไม่พอใจเลย ท่านแน่ใจหรือว่าเขาจะยอมช่วยเราช่วยคุณหนูใหญ่ออกมา?” เปียวจื่อจ้องมองแผ่นหลังของคุณท่านโก กล่าวถามอย่างสงสัย

ท่านจวนในตอนนี้ได้นั่งลงกับที่เรียบร้อยแล้ว พลางรินน้ำชาพร้อมกับกล่าวอย่างสบายใจ “ขอเพียงแค่โกยินยังอยู่ในกำมือของเรา ตระกูลโกนั่นก็ต้องทำงานให้กับเรา”

“คุณท่าน ผมขอถามอะไรอย่าง คนที่ชื่อโกยินตอนนี้เธอถูกขังไว้ที่ไหน? ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่เคยได้ยินคูณพูดถึงเธอมาก่อน?” เปียวจื่อเพียงแค่ถามเพราะสงสัยเท่านั้น แม้เขาจะติดตามท่านจวนได้ไม่นาน แต่คนที่ท่านจวนรู้จักร้อยละเก้าสิบเขาก็รู้จักทั้งนั้น แต่คนที่ชื่อโกยินนั้นเปียวจื่อกลับไม่เคยพบเจอมาก่อน และไม่เคยได้ยินมาก่อน

เมื่อได้ยินคำถามของเปียวจื่อ ท่านจวนที่รินน้ำชาอยู่หยุดชะงัก มุมปากเผยรอยยิ้มที่ยากคาดเดา “เปียวจื่อ แกเคยดูสามสิบหกกลยุทธ์ไหม? หนึ่งในนั้นมีอยู่แผนหนึ่งที่ชื่อว่าว่างกลยุทธ์ป้อม”

เปียวจื่อเป็นคนฉลาด ไม่ต้องรอให้ท่านจวนอธิบายก็เข้าใจเรื่องราวได้ สายตาที่มองไปยังท่านจวนเกิดความเคารพนับถือมากขึ้นกว่าเก่า “คุณท่านยอดเยี่ยมมาก! ไม่คิดเลยใช้แค่ป้ายหยกเก่าๆ นั่นก็สามารถทำให้สกุลโกเชื่อฟังคำสั่งได้อย่างง่ายดาย ผมยอมแล้ว!”

“แผนการเล่นกับจิตใจของคนแกยังต้องเรียนรู้อีกมาก เปียวจื่อ ขอแค่แกพักดีต่อฉัน ฉันจะให้สิ่งที่แกควรได้รับ ฉันไม่มีลูกสาวลูกชาย ตอนนี้อายุก็มากแล้ว ความหวังเดียวคือการฆ่าหลี่ต๋าคางทิ้งไปซะ หากความหวังของฉันได้สมปรารถนาเมื่อไหร่ ฉันก็จะไม่สนใจเรื่องทางโลกอีก ธุรกิจใหญ่โตในมือของฉัน ก็ต้องส่งมอบต่อให้กับคนที่เพิ่งพาได้”

ต้องนับถือความสามารถในการซื้อใจคนของท่านจวนจริงๆ ในประโยคของเขาไม่มีคำไหนเลยที่บอกว่าจะให้เปียวจื่อเป็นผู้สืบทอดของเขา แต่ทุกคำกลับเป็นการส่งสัญญาณให้กับเปียวจื่อ

ทำให้เปียวจื่อที่ซื่อสัตย์ต่อเขาอยู่แล้วตายใจมากกว่าเก่า พลันตบอกรับปากสัญญา “คุณท่านวางใจเถอะ ชีวิตของผมเปียวจื่อคุณท่านเป็นคนช่วยเหลือเอาไว้ ชาตินี้ไม่ว่าคุณท่านจะให้ทำอะไรผมก็จะทำตามอย่างไร้ข้อกังขา!”

เมื่อได้ยินคำตอบของเปียวจื่อ ท่านจวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ในสายตา ฉายแววลำแสงบางอย่าง คำพูดเหล่านี้เขาตั้งใจพูดให้เปียวจื่อฟัง ก็เพื่อหาหมากที่สามารถยอมตายแทนเขาได้

แม้ตอนนี้ท่านจวนจะย้ายออกมาจากตระกูลตงฟางแล้ว ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลตงฟาง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นเจ้าบ้านของตระกูลตงฟาง ต่อให้อนาคตเขาก็เกษียณ ธุรกิจในชื่อของเขาทั้งหมดก็ต้องให้คนของตระกูลตงฟางจัดการ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เสียแรงคิดแผนการให้คุณท่านโกช่วยตงฟางเย่นออกมาหรอก

ส่วนป้ายหยกที่เขาใช้เพื่อข่มขู่คุณท่านโก เขาแค่ได้มาโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้น ป้ายหยกนังคุณท่านโกเป็นคนสวมให้กับเธอเมื่อตอนที่เธอกำเนิด เพราะงั้นวัสดุนั่นเป็นของที่หาได้ยากในใต้หล้า ได้ข่าวว่าคุณท่านโกเพื่อหาซื้อวัสดุ คุณท่านโกก็เสียไปกว่าสามร้อยล้าน ดูก็รู้แล้วว่าโกยินนั้นสำคัญแค่ไหนสำหรับคุณท่านโก

ตอนนั้นหลังจากที่โกยินหนีไปกับชายหนุ่มคนนั้น ชีวิตค่อนข้างลำบาก เริ่มแรกชายที่สาบานว่าจะรักโกยินทั้งชีวิตท้ายที่สุดก็ทนบททดสอบที่ยากลำบากของชีวิตไม่ได้ ไม่เพียงแค่ขโมยเงินทองทั้งนั้นของโกยินไป แถมยังขโมยป้ายหยกชิ้นนั้นของเธอไปอีก

ทีแรกเขาคิดจะกลายเป็นเศรษฐีในข้ามคืนด้วยหยกชิ้นนั้น แต่ใครจะไปคิดว่าจะถูกคนที่ร้ายกาจกว่าหรอกอีกทอด คนที่รับซื้อฆ่าเขาทิ้งและแย่งชิงหยกชิ้นนั้นไป จากนั้นจึงขายให้กับนายของเขา ก็คือท่านจวน

ท่านจวนในตอนนั้นมีสัมพันธ์ที่ดีต่อคุณท่านโก เคยได้เห็นป้ายหยกในงานเลี้ยงครบหนึ่งร้อยวันของโกยิน ทีแรกเขาคิดว่าคืนหยกให้กับคุณท่านโก แต่ตอนนั้นคุณท่านโกกลับประกาศพอดี ว่าจะตัดขาดกับโกยิน หากใครพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับโกยินต่อหน้าเขาอีก ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับตระกูลโก

ท่านจวนที่ไร้หนทางจึงเก็บป้ายหยกของโกยินเอาไว้ก่อน ไม่คิดเลยว่าวันนี้หลังจากสิบกว่าปีผ่านไป ป้ายหยกชิ้นนี้กลับมีประโยชน์ขึ้นมา

คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตจริงๆ!

แน่นอน ว่าตอนนี้โกยินอยู่ที่ไหน ท่านจวนไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเธอ ตอนนั้นหลังจากที่โกยินถูกชายคนนั้นหักหลัง ก็กายสาบสูญไปทันที ไม่มีข่าวคราวของเธออีก

ตอนนี้หลี่ต๋าคางและส้าวส้วยมาถึงคฤหาสน์ชานเมืองของท่านจวนแล้ว คฤหาสน์ที่นี่เมื่อเทียบกับที่อยู่ของเขาเมื่อก่อนนี้ที่นี่เล็กกว่ามาก ช่างไม่เข้ากับสไตล์ที่โอ้อวดของท่านจวนเอาซะเลย หลี่ต๋าคางถึงขั้นสงสัยว่าที่นี่เป็นเพียงที่ตงฟางเย่นตั้งใจหลอกลวงเขาเท่านั้น

“เฮีย ผมดูรอบๆ คฤหาสน์นี้ ไม่มีร่องรอยของท่านจวนเลย” ส้าวส้วยตรวจสอบโดยรอบก่อนที่จะรายงานหลี่ต๋าคาง

“เฮีย ที่นี่เป็นเพียงแค่นางตงฟางเย่นหลอกลวงเรา? ที่นี่เล็กจะตาย ตาแก่ท่านจวนนั่นจะอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง?” โหจื่อจ้องมองคฤหาสน์สามชั้นอย่างรังเกียจ พร้อมกล่าวถามอย่างสงสัย

“เข้าไปหา ถ้าตงฟางเย่นโกหกเรา พวกของตระกูลตงฟางก็จะไม่มีชีวิตอีกต่อไป!” หลี่ต๋าคางรู้สึกว่าตงฟางเย่นไม่มีทางหลอกเขา ยังไงซะหลายสิบชีวิตของตระกูลตงฟางขึ้นอยู่กับเธอ เธอเข้าใจดีว่าผลลัพธ์ของการโกหกจะเป็นยังไง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท