NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1264 เป้าหมายไม่หวังดี

บทที่ 1264 เป้าหมายไม่หวังดี

ในเมื่อคนเหล่านั้นกล้ามาที่เมืองตงไห่อย่างไม่กลัวอะไร พวกเขาน่าจะเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว ท่านผู้อาวุโสแค่อยากหาเหตุผลในการจับเท่านั้นเอง มีเพียงเท่านี้ เขาถึงจะสามารถบังคับให้มัตสึซากะเอาท่านจวนกับลูกของหลี่ฝางออกมาได้

“ขอโทษนะ ช่วงนี้เมืองตงไห่มีใบอนุญาตปลอมมากมาย ดังนั้นถึงคุณจะมีใบอนุญาต ก็ต้องไปกับพวกเราอยู่ดี”

ยังไม่ทันรอให้ท่านผู้อาวุโสพูด หลิวฮุยที่อยู่ข้างๆ ก็ตอบแทนเขา จากนั้นก็ไม่สนใจใบอนุญาตในมือของคนนำ ก่อนจะหาเหตุผลร้อยแปดมาพาตัวพวกเขาไป

ใบหน้าของทาเคชิตะ มัตสึซากะดำคร่ำเครียดเป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าท่านผู้อาวุโสจะเชื่อถือไม่ได้ขนาดนี้ จนขนาดที่หาเหตุผลอะไรก็ได้ออกมาแบบนี้

“ท่านผู้อาวุโส ใบอนุญาตของเรานั้นถูกต้อง เหตุผลของคุณมันไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่หรือเปล่า?”

คนเป็นสิบคนนี้เป็นคนที่ทาเคชิตะ มัตสึซากะหามาเพื่อต่อกรกับพวกหลี่ต๋าคางโดยเฉพาะ ถ้าเกิดถูกท่านผู้อาวุโสพาตัวไปแบบนี้ แผนของเขาก็คงจะไม่เป็นท่า

“คุณท่านมัตสึซากะ เราเองก็ทำตามขั้นตอน หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับการทำงานของเรา คุณวางใจเถอะ ถ้าเกิดว่าเราตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ฉันจะส่งคนเหล่านี้กลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” หลิวฮุยตามติดท่านผู้อาวุโสมาหลายปีขนาดนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านผู้อาวุโสคิดอะไรอยู่

ไม่ได้ให้โอกาสมัตสึซากะได้เจรจากับท่านผู้อาวุโสเลยแม้แต่น้อย เพียงแวบเดียวก็ทำให้นักรบเหล่านั้นถูกกดอยู่บนรถแล้ว

“ท่านมัตสึซากะ!” มองออกเลยว่านักรบที่เป็นคนนำนั้นทนแทบไม่ไหวแล้ว เลยมองทาเคชิตะ มัตสึซากะพลางตะโกนเสียงทุ้ม

อันที่จริงคนที่ท่านผู้อาวุโสพามาในวันนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ ถ้าเกิดพวกนักรบสิบกว่าคนนี้ลงมือจริงๆ ก็สามารถทำให้พวกเขาราบเป็นหน้ากลองได้เลย

แต่พวกเขาเองก็รู้ดี ท่านผู้อาวุโสนั้นไม่กลัว แต่กลัวต้าเซี่ยหลงเช่วที่อยู่เบื้องหลังเขา

ทาเคชิตะ มัตสึซากะเส้นเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะมองหลิวฮุยด้วยความโกรธอยู่นาน สุดท้ายก็ส่ายหัว

ประเทศจีนมีคำพูดโบราณอยู่ ว่าเก่งกาจแค่ไหนก็ยากที่จะต่อกรกับคนในพื้นที่ได้

ถึงแม้ท่านผู้อาวุโสจะดูเย่อหยิ่งกับวิธีการนี้มาก แต่ทาเคชิตะ มัตสึซากะนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิดอยู่ดี เลยทำได้เพียงมองลูกหน้าของตัวเองถูกท่านผู้อาวุโสพาตัวไป

พวกท่านผู้อาวุโสไปได้ไม่นาน ก็มีคนชราที่ใส่ชุดสีเขียวอ่อนเดินเข้ามา พลางเอามือไพล่หลังก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ทาเคชิตะ มัตสึซากะ แล้วถามเสียงเย็นชา

“มัตสึซากะ หรือว่าคุณจะยอมให้พวกเขาพาคนของคุณไปทั้งแบบนั้นน่ะเหรอ?ถ้าไม่มีพวกเขา คุณจะเอาอะไรไปต่อกรกับหลี่ต๋าคาง”

เมื่อได้ฟังคำของคนชราดังนั้น ทาเคชิตะ มัตสึซากะก็แทบจะกัดจนฟันแตก “คุณท่านตงฟาง เรื่องมันมาถึงตอนนี้แล้ว มันเกี่ยวกับคุณมากด้วยล่ะ ถ้าจะต่อกรกับหลี่ต๋าคาง นั่นก็เป็นเป้าหมายเดียวกับพวกเรา คนของฉันถูกพาตัวไปแล้ว แต่ยังมีคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

ไม่ผิดเลย คนชราคนนี้คือท่านจวนที่หลี่ต๋าคางพลิกแผ่นดินหาทั้งเมืองตงไห่ เพียงแต่เขาในตอนนี้กลายเป็นคุณท่านตงฟางไปแล้ว

หลังจากที่เขาได้ฟังคำของทาเคชิตะ มัตสึซากะแล้ว ก็มีแววตานิ่งไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ

“ถ้าไม่ใช่ว่าพวกคุณจะให้ฉันแย่งลูกของหลี่ฝางออกมา เรื่องมันจะเป็นแบบนี้เหรอ?ตอนนี้หลี่ฝางอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แค่ใช้โอกาสนี้ฆ่าหลี่ต๋าคาง เท่านี้ตระกูลหลี่ก็ไม่เหลือที่ให้อยู่แล้วล่ะ”

“แต่พวกคุณดึงดันจะแย่งลูกนั้นไป ฉันจะไม่สงสัยว่าพวกคุณจะมีเป้าหมายอื่นได้อย่างไร”

ก่อนหน้านี้ท่านจวนนั้นมีการติดต่อกับทาเคชิตะ มัตสึซากะอยู่บ้าง แต่ตอนนั้นเขามีสี่ตระกูลมาเป็นคนสนับสนุน เลยไม่แยแสที่จะร่วมทีมกับทาเคชิตะ มัตสึซากะ

หลังจากที่ทั้งสี่ตระกูลนั้นพ่ายแพ้แล้ว ท่านจวนต้องการจะแก้แค้นหลี่ต๋าคาง เลยต้องหันมาร่วมมือกับทาเคชิตะ มัตสึซากะ

เรื่องที่โรงพยาบาลระเบิดในครั้งนี้ ก็เป็นความคิดของทาเคชิตะ มัตสึซากะ ท่านจวนคิดเพียงอยากให้หลี่ต๋าคางกับเมี๋ยวชุ่ยตาย แถมคนอื่นๆ เขาไม่ได้เกลียดขนาดนั้น

แค่ทาเคชิตะ มัตสึซากะกลับเลือกให้เขาไปพาลูกของหลี่ฝางกลับมา มันทำให้ท่านจวนสงสัยขึ้น

“คุณท่านตงฟาง นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะถาม ยังจะมาให้ฉันทำให้ลูกของหลี่ฝางทุกข์ทรมานทำไม คิดดีกว่าว่าจะช่วยตงฟางเย่นออกมาจากเงื้อมมือของหลี่ต๋าคางได้อย่างไร”

ท่าทีที่ทาเคชิตะ มัตสึซากะมีต่อท่านจวนนั้นไม่ได้เคารพเท่าไหร่ ในทางกลับกัน กลับมีความดูแคลนไม่น้อย หลังจากที่เขาพูดเสียงเย็นชาจบ ก็หันตัวเดินเข้าไปในห้อง

ท่านจวนยืนมองเงาของทาเคชิตะ มัตสึซากะเดินจากไปจากนั้นแววตาก็มีความอาฆาต

มันเหมือนพวกที่เคยมีกำลังมากแต่ตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ เลย

ผ่านไปไม่เท่าไหร่เอง ตอนนั้นเป็นคนที่ไม่เหมาะแม้แต่จะถือรองเท้าให้เลย ตอนนี้กลับปีนเกลียวขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

“คุณท่านตงฟาง ต้องให้ฉันไป……” ชายร่างกำยำที่อยู่ข้างกายท่านจวนมองเงาของทาเคชิตะ มัตสึซากะก่อนจะทำท่าทีลูบคอ

เขาไม่ชอบหน้าทาเคชิตะ มัตสึซากะมาตั้งนานแล้ว เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ท่าทีกลับโอ้อวดเป็นอย่างมาก

“ไม่ต้องรีบ หลังจากที่กำจัดหลี่ต๋าคางแล้ว ฉันมีวิธีมากมายที่จะมาต่อกรกับเขา” ท่านจวนส่ายหัว ก่อนจะกลบแววตาความอาฆาตเอาไว้

ในสายตาของท่านจวน ทาเคชิตะ มัตสึซากะนั้นอยู่อย่างไม่มีความสำคัญอะไรมาตลอด คนที่เทียบกันไม่ได้นั้น และก็ไม่มีอะไรให้กลัวอยู่แล้ว

“คุณท่านตงฟางหมายความว่า การแก้แค้นไอ้ขยะนี่มันเป็นเรื่องง่ายๆ” เมื่อชายร่างกำยำได้ฟังคำของท่านจวนดังนั้น ก็พูดด้วยความเคารพ

“เปียวจื่อ เห็นคนที่อยู่ข้างๆ หลี่ต๋าคางนั่นหรือเปล่า?ฉันมีของอยู่ ยังต้องให้คุณมาเพื่อส่งให้แก่เขาแทนฉัน แล้วก็พูดอะไรแทนฉันด้วย”

ท่านจวนนั้นรู้จักคุณท่านโกอยู่แล้ว ตอนที่ยังวัยรุ่นทั้งสองคนไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดีอะไร

เมื่อหลี่ฝางหายไป เมี๋ยวชุ่ยเจ็บหนัก ตอนนี้เลยเป็นเวลาแก้แค้นหลี่ต๋าคางที่ดีที่สุด ใครจะไปรู้ว่าคุณท่านโกจะกระโดดออกมาในตอนนี้ อีกอย่างเขายังเลือกเข้าข้างหลี่ต๋าคางอีกด้วย

เหมือนกับว่าแผนที่วางเอาไว้ในตอนแรกมันจะเปลี่ยนไปแล้ว

เมื่อได้ยินว่าท่านจวนบอกว่ามีเรื่องให้ตัวเองไปทำ เปียวจื่อก็เอาหูแนบเข้ามา

เปียวจื่อเป็นคนที่ท่านจวนช่วยมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อปีก่อน เพื่อตอบแทนเขา จากนี้เปียวจื่อเลยติดตามท่านจวนมาตลอด

บอกได้ว่าเขาเป็นมิตรมากกว่าไอ้เด็กซนกับผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางอีก หลายปีมานี้ยิ่งเตะตาท่านจวนมากขึ้นเรื่อยๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท