NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1279 เกิดเรื่องกับเสี่ยวผิงอัน

บทที่ 1279 เกิดเรื่องกับเสี่ยวผิงอัน

ตอนนี้เสี่ยวผิงอันตื่นแล้ว ดวงตากลมโตกลอกไปมา พิจารณาเมี๋ยวชุ่ยและคนอื่นๆ

เมื่อเห็นหลี่ฝาง อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางด้านสายเลือด เสี่ยวผิงอันยื่นมือทั้งสองข้างไปยังเขา พร้อมกับอ้าปากขมุบขมิบพูดคุย

“เอ๋ เสี่ยวผิงอันของเรารู้ว่าใครเป็นพ่อด้วย ฉลาดจริงๆ”

เมี๋ยวชุ่ยดีใจอย่างมากเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเสี่ยวผิงอัน หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เสี่ยวผิงอันยังเล็กมาก เธอเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสละก็ เธอจะต้องอุ้มเด็กขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแน่

“เดี๋ยว ในมือของเสี่ยวผิงอันคืออะไร?” หลี่ฝางที่กำลังดีอกดีใจ แต่หลังจากที่เห็นมือข้างซ้ายของเสี่ยวผิงอันโดยบังเอิญเข้า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

หลังจากที่หลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยได้ยินคำของเขา ก็เพ่งพินิจมือข้างซ้ายของเสี่ยวผิงอันเช่นเดียวกัน ก็ได้พบว่าที่มืออันขาวนวลของเขามีรอยรูเข็มขนาดเล็กอยู่

“ใครก็ได้! มาดูเร็วเข้าว่ารูเข็มที่มือของเสี่ยวผิงอันมันคืออะไร!” หลี่ต๋าคางสีหน้าคร่ำเครียด ตะโกนเรียกพยาบาลที่อยู่ด้านนอก

ทีมพยาบาลรอคำสั่งอยู่ที่ด้านนอกตลอด เมื่อได้ยินเสียงของหลี่ต๋าคางจึงรีบวิ่งเข้ามา อุ้มเสี่ยวผิงอันขึ้นมาตู้ทารกอย่างระแวดระวัง ถอดเสื้อของเขาออก ตรวจสอบอย่างละเอียด

“เฮีย เราพบว่า ตามแขนและขาของคุณชายน้อยมีรูเข็มอยู่ ผมสงสัยว่าอาจจะมีคนฉีดยาบางอย่างเข้าร่างกายของคุณชายน้อย”

หมอที่มีหน้าที่รักษาเมี๋ยวชุ่ยจ้องมองหลี่ต๋าคางกล่าวด้วยใบหน้าผวา

เขากล่าวอย่างหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าทาเคชิตะ มัตสึซากะจะลงมือกับเด็กน้อยแรกเกิด

หลี่ต๋าคางและคนอื่นๆ เมื่อได้ยินประโยคของหมอ บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะหลี่ฝาง หลังจากที่กลับมาจากซากปรักหักพังความสามารถของเขาแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย เขาคว้าคอเสื้อของหมอเอาไว้ กล่าวถามอย่างดุดัน

“แกว่าอะไรนะ? ! ไอ้ที่ฉีดเข้าไปในตัวของลูกชายฉันมันคืออะไร!”

แม้หมอคนนี้จะเป็นนักรบเหมือนกัน แต่ความสามารถของเขาเพียงแค่สูงสุดกำลังภายนอกเท่านั้น เผชิญกับคนที่มีความสามารถที่น่ากลัวอย่างหลี่ฝาง เขาตกใจจนพูดไม่ออก

อ้ำอึ้งอยู่ครึ่งค่อนวัน ถึงได้พูดออกมา “กระผม กระผมเองก็ไม่แน่ใจ ถ้าอยากจะรู้ว่าคนพวกนั้นฉีดยาอะไรให้กับคุณชายน้อย ต้องเจาะเลือดของคุณชายน้อยไปวิจัยถึงจะรู้”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินอย่างงั้น กำลังในมือของเขาออกแรงมากขึ้น จนหมอคนนั้นแทบหายใจไม่ออก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรสักคำ!

คุณชายน้อยเป็นคนที่สำคัญที่สุดของตระกูลหลี่ ตอนนี้มีคนกล้าก่อเรื่องที่นี่ ช่างไม่รักชีวิตเอาเสียเลย

“ส้าวส้วย แกพาคนไปที่ทาเคชิตะ มัตสึซากะอีกรอบ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันทำอะไรกับลูกชายของฉัน!”

ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่ว่าเทพอ้านฆ่าทาเคชิตะ มัตสึซากะแบบนั้นโหดร้ายไปหน่อย แต่หลังจากที่รู้ว่าเขาทำมิดีมิร้ายต่อลูกชายของตน เขาอยากจะขุดร่างของทาเคชิตะ มัตสึซากะขึ้นมาหั่นเป็นพันชิ้น

ส้าวส้วยที่ยืนอยู่หน้าห้องก็โกรธมากเช่นเดียวกัน พลันพาลูกน้องสิบกว่าคนมุ่งไปที่ทาเคชิตะ มัตสึซากะอีกรอบ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัย ทางด้านทาเคชิตะ มัตสึซากะไม่มีใครอยู่ตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนเป็นหรือคนตายก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว เขาค้นหาไปทั่วบ้าน ไม่พบสิ่งที่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อย

ทีแรกส้าวส้วยคิดว่าท่านผู้อาวุโสเป็นคนจัดการ แต่หลังจากที่โทรหาเขา เรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด

คนของผู้อาวุโสเพียงแค่นำร่างของทาเคชิตะ มัตสึซากะ ท่านจวน และเปียวจื่อไปเท่านั้น ส่วนคนอื่นไม่ได้จับกุมไปด้วย และของที่อยู่ในห้องทำงานของทาเคชิตะ มัตสึซากะได้ถูกโยกย้ายแล้ว ทางด้านต้าเซี่ยหลงเช่วเองก็ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อย

“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะ” หลังได้ยินข้อความจากส้าวส้วย หลี่ฝางกล่าวอย่างคร่ำเครียด

“ทางด้านผิงอันเราจะลองวิจัยกันเองก่อน ฉันว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือกำจัดเทพอ้านที่อยู่ในร่างของแกซะ ไม่อย่างงั้นเขาจะเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเรา”

เมื่อเกิดเรื่องของอาซาโทสและทาเคชิตะ มัตสึซากะ หลี่ต๋าคางรู้อยู่แล้วว่าเขาจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาต้องไปที่เผ่ากู่ก่อน

“ไม่ได้! ผิงอันยังเล็กขนาดนี้ ผมจะปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาไม่ได้แม้แต่น้อย”

ระหว่างตนเองและลูก หลี่ฝางเลือกลูกอย่างไม่ลังเล เพื่อผิงอัน เขาสามารถทิ้งชีวิตได้

แต่หลี่ต๋าคางกลับไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา พลันตบบ่าของหลี่ฝางอย่างจริงจัง

“ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วงผิงอัน ฉันเองก็เหมือนกัน แต่ว่าหลี่ฝาง แกต้องเข้าใจ เทพอ้านในร่างของแกออกมาก่อปัญหาได้ทุกเมื่อ และเขาเองก็คิดไม่ซื่อต่อผิงอัน”

“ตอนนี้ความสามารถแกยังไงฉันเชื่อว่าแกรู้ดี ถ้าร่างกายของแกถูกเทพอ้านควบคุม แกคิดว่าพวกเราใครจะควบคุมแกได้?”

หลี่ฝางได้ยินคำของหลี่ต๋าคางจึงสงบลง จ้องมองเสี่ยวผิงอันที่ดวงตากลมโตพิจารณารอบด้านอย่างสงสัยพลันกำหมัดแน่น

ความสามารถของหลี่ฝางอยู่ในแดนครึ่งเทพสูงสุด การที่จะเป็นเทพนั้นเพียงแค่รอโอกาสสถานการณ์เหมาะเท่านั้น หากร่างกายของเขาถูกเทพอ้านควบคุม ผลที่ตามมาไม่อาจคาดคิด

หากเขาขาดการควบคุมไปโดยปริยาย สำหรับตระกูลหลี่ต้องเป็นภัยวิกฤตใหญ่หลวงแน่

“ผมเชื่อพ่อ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปเผ่ากู่เพื่อหาวิธีแก้ไขกัน”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝางสงบลงแล้ว หลี่ต๋าคางจึงตบบ่าของเขาอย่างสบายใจขึ้นมาบ้าง ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เขารู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องราวจะซับซ้อนกว่านี้

“ตัวน้อยอย่างแกไม่รู้จักคำว่ากลัวเลยสักนิด เห็นใครก็ยิ้มร่าอย่างเดียว ไม่รู้จะพูดยังไงดี”

เมี๋ยวชุ่ยหยอกล้อกับเสี่ยวผิงอันผ่านตู้ทารก ด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดูและไร้หนทาง

บางครั้งเด็กก็น่าอิจฉา นอกจากกินแล้วก็นอน ไม่ต้องนึกถึงอะไรทั้งนั้น

คนเรายิ่งโตขึ้นสิ่งที่ต้องคิดก็ยิ่งมากขึ้น ชีวิตก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท