NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1273 ยาที่ประหลาด

บทที่ 1273 ยาที่ประหลาด

เปียวจื่อคำรามลั่น ก่อนที่พลังจะแผ่ซ่าน กระเบื้องที่ใต้เท้าของเขาแตกออก ราวกับธนูที่ยิงออกไปที่หลี่ต๋าคางอย่างรุนแรง

ดวงตาภายใต้หน้ากากดำขลับและลึกล้ำ ไม่เห็นความหวั่นแม้สักนิด ตวงตาดำขาวที่แยกอย่างชัดเจนหรี่ลง เปียวจื่อที่จู่โจมด้วยพลังทั้งหมดสายตาพร่ามัว ก่อนที่หน้าของเขาจะถูกโจมตีอย่างแรง

ทันใดนั้น สีหน้าของก็เปียวจื่อเปลี่ยนไป เมื่อเขาได้ประลองกับหลี่ต๋าคางจริงๆ ถึงได้รู้ว่าทั้งคู่แตกต่างกันมากแค่ไหน ร่างกายที่แข็งแกร่งร่วงลงกับพื้นอย่างแรง พื้นที่ราบเรียบในคราแรกเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่

“แดนสุดครึ่งเทพ?” จ้องมองเปียวจื่อที่ถูกหลี่ต๋าคางจัดการได้อย่างง่ายดาย ท่านจวนรูม่านตาขยาย กล่าวอย่างตกตะลึง

ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอหลี่ต๋าคาง หลี่ต๋าคางอยู่แค่แดนเต๋าชั้นกลางเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าเวลาสั้นๆ ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้

“เปียวจื่อ! ใช้ท่าสุดยอดของแกเร็วเข้า!” ความสามารถของหลี่ต๋าคางเกินความหมายของท่านจวนไปแล้ว เขาไม่เปลี่ยนแปลงแผนการของตนไม่ได้

ทีแรกคิดว่าความสามารถของเปียวจื่อต่อให้จัดการหลี่ต๋างไม่ได้ ก็ต้องสู้กับเขาได้อย่างสูสี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เปียวจื่อจะมีชีวิตรอดจากหลี่ต๋าคางห้าสิบท่ายังยาก

เมื่อเปียวจื่อได้ยินคำของท่านจวนเขาจ้องมองท่านจวนอย่างไม่มั่นใจ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นให้กับเปียวจื่อ

หลังมั่นใจว่าต้องใช้ท่าสุดยอด เปียวจื่อไม่ลังเลอีกต่อไป เขาควักขวดยาเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า หยิบยาสีแดงออกมาจากขวด ก่อนที่จะกลืนยาลงไป

หลี่ต๋าคางขมวดคิ้วกับการกระทำของเปียวจื่อ แม้เขาจะไม่รู้ว่าในขวดยานั้นคืออะไร ทำอะไรได้ แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่า ยานั่นไม่ใช่ของดีแน่

หลังเปียวจื่อทานยานั้นลงไปไม่นาน ร่างกายของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยา ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาในคราแรกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อผุดขึ้นตามร่างกายอย่างรวดเร็ว จนเสื้อผ้าฉีกขาด

ไม่นาน ร่างของเปียวจื่อสูงกว่าสามเมตร ร่างสูงใหญ่ยักษ์กว่าหลี่ต๋าคางสามถึงสี่เท่า

ท่านจวนในตอนนี้ค่อยๆ ถอยไปนอกห้อง จ้องเขม็งเปียวจื่อด้วยความคร่ำเครียด ยาสีแดงนั้นอันที่จริงทาเคชิตะ มัตสึซากะเป็นคนให้กับเขาเอาไว้ เห็นว่าสามารถเพิ่มพลังและความสามารถให้กับมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้ท่านจวนเคยให้เปียวจื่อทานแล้วรอบหนึ่ง และเห็นผลได้อย่างชัดเจน แต่เปียวจื่อก็แทบสังเวยเพราะเหตุนี้

เพราะงั้นหากไม่ใช่เวลาคับขันจริงๆ ท่านจวนไม่มีทางให้เปียวจื่อใช้วิธีการแบบนี้

จ้องมองเปียวจื่อที่ใหญ่ยักษ์ของเปียวจื่อ สายตาของหลี่ต๋าคางเกิดความเคร่งขรึม เปียวจื่อที่อยู่ในชั้นสูงของแดนเต๋าความสามารถของเขาในตอนนี้สามารถเทียบกับหลี่ต๋าคางได้เลย

“คำราม——” ก่อนหน้านี้เปียวจื่อส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้าย ก่อนที่จะโจมตีหลี่ต๋าคางอย่างรวดเร็ว

แม้ร่างกายของเขาในตอนนี้ใหญ่กว่าเมื่อครู่มาก แต่ความว่องไวกลับไม่ลดลงเลย แถมยังเร็วกว่าเมื่อสักครู่อีกต่างหาก

เพียงแค่สิบวินาทีสั้นๆ ทั้งคู่สู้กันกว่าสิบท่า เปียวจื่อมีพละกำลังมาก หมัดของเขาที่กระทบลงมาทำให้มือของหลี่ต๋าคางชา

ที่ยุ่งยากมากกว่านั้น หลี่ต๋าคางต้องสู้กับเปียวจื่อไปด้วย พร้อมกับหลบหลีกอาวุธลับที่คนของทาเคชิตะ มัตสึซากะปล่อยออกมา

หลายครั้งที่เขาเกือบจะถูกยิง หากไม่ใช่เพราะมีความว่องไวมากพอในการหลบกระสุน ตอนนี้เขาก็คงเป็นศพไปแล้ว

“พวกแกรนหาที่ตาย!” หลี่ต๋าคางจ้องมองนักรบที่ถือปืนจ่อเขาสิบกว่านายพร้อมคำราม พร้อมเตะไปที่เปียวจื่อ เพื่อเว้นระยะห่างของทั้งสอง

หลังจากนั้นเขาชักดาบของทหารออกมาจากผนัง หลบจากด้านซ้ายไปขวาอย่างรวดเร็ว เหล่านักรบที่ถือปืนเอาไว้ร่วงลงกับพื้นทันที

ไม่มีลูกกระจ๊อกพวกนี้ขวางทางหลี่ต๋าคางสะดวกขึ้นมาก สู้กับเปียวจื่อในห้องอย่างสุดกำลัง ไม่นานห้องที่แข็งแรงกว้างใหญ่สไตล์ญี่ปุ่นก็ถูกทั้งคู่ซัดจนไม่เป็นท่า

บ้านทั้งหลังถล่มลง พร้อมกับเสียงที่ดังลั่น การต่อสู้ของทั้งคู่ก็ย้ายจากในบ้านมายังพื้นที่กว้าง

ทีแรกคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะยังคงต่อเนื่องไปอีกสักพัก แต่ใครจะไปรู้ว่าเปียวจื่อกลับกระอักเลือดออกมา ร่างใหญ่ยักษ์นั้นก็ค่อยๆ หดลง

ท่านจวนที่หลบอยู่อีกด้านเมื่อเห็นเหตุการณ์เกิดตื่นตูม ไม่คิดเลยว่าขนาดยาเม็ดหนึ่งยังไม่เพียงพอที่จะล้มหลี่ต๋าคางได้

“เปียวจื่อ! แกจะแพ้ไม่ได้!” เมื่อเห็นเปียวจื่อที่กึ่งคุกเข่ากับพื้น ท่านจวนคำรามเสียงดัง

เปียวจื่อที่ไร้สติไปแล้วเมื่อได้ยินเสียงของท่านจวน ดวงตาเกิดชัดเจนขึ้น จ้องมองยังหลี่ต๋าคางที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้าฉายไปด้วยความมุ่งมั่น

“ท่านจวน ผมจะทำให้คุณสมหวังเอง” หลังจากที่เปียวจื่อตะโกนจับจ้องท่านจวน จึงกรอกยาเม็ดสีแดงจากขวดเข้าปาก

“เปียวจื่อ! แกไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง!” แม้ท่านจวนจะมองเปียวจื่อเป็นหมากตัวหนึ่งมาโดยตลอด แต่ความพักดีของเขากลับทำให้ท่านจวนทราบซึ้งใจ อดไม่ได้ที่จะเดินขึ้นหน้า ขัดขวางเปียวจื่อที่คิดจะฆ่าตัวตาย

แต่ได้สายเกินไปแล้ว ลูกกระเดือกของเปียวจื่อเคลื่อนไหว กลืนยาทั้งหมดลงไป

หลังจากที่ทานยาเข้าไปไม่นาน เปียวจื่อล้มลงกับพื้นชักดิ้นชักงอ รูปร่างบิดเบี้ยวจนผิดธรรมชาติ มือและเท้ายันกับพื้น กระดูกสันหลังคดงอ จนไร้ความเป็นมนุษย์

เปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว

เปียวจื่อในตอนนี้ราวกับภูเขาลูกเล็ก ตาดำและตาขาวที่แยกออกชัดเจนในตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วยหมอกชั้นหนึ่ง ทำให้หลี่ต๋าคางนึกถึงซอมบี้ที่น่าผวาในภาพยนตร์ ท่าทางที่ประหลาดของเปียวจื่อทำให้หลี่ต๋าคางหัวชา

“ท่านจวน แกให้เขากินอะไรลงไปกันแน่? ทำไมเขาถึงได้เป็นแบบนี้!”

เมื่อเห็นเปียวจื่อที่ไร้พลังชีวิต หลี่ต๋าคางตะโกนถามท่านจวนอย่างเกรี้ยวกราด

“ฉัน ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทาเคชิตะ มัตสึซากะเป็นคนให้ฉันมา! มันไม่เกี่ยวกับฉัน!”

เปียวจื่อกลายเป็นแบบนี้ ทำให้ท่านจวนตกใจอยู่ไม่น้อย เขาตะโกนพร้อมส่ายหน้าพร้อมจ้องมองเปียวจื่อที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผี

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท