NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1277 ประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนเร้น

บทที่ 1277 ประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนเร้น

เมื่อนึกได้ว่าตนเองสามารถเปลี่ยนเป็นเทพอ้านได้ตลอดเวลา หลี่ฝางเองก็ทุกข์ใจอย่างมาก แถมตอนนี้เป้าหมายของเทพอ้านคือลูกของเขา ไม่ว่ายังไงหลี่ฝางก็ปล่อยเขาออกมาไม่ได้

เมื่อได้ยินประโยคของหลี่ฝาง ท่านผู้อาวุโสพิจารณาหลี่ฝาง ก่อนที่จะส่งสัญญาณมือให้กับหลี่ฝางและคนอื่นๆ “ไปเถอะ ฉันจะพาพวกแกไปดูอะไรบางอย่าง”

แม้จะไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่หลี่ฝางและคนอื่นๆ ก็ยังคงเดินตามขึ้นรถไป

ไม่นานท่านผู้อาวุโสก็พาพวกเขามาที่องค์กรใหญ่ของต้าเซี่ยหลงเช่ว การปรากฏตัวของหลี่ฝางทำให้ผู้คนต่างพิพากษ์พิจารณ์ กู่ยี่เทียนและคนอื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวคราวของเขาจึงรีบตามมาทันที

“หลี่ฝาง! ไอ้บ้าแกยังรู้อีกหรือว่าต้องกลับมา! แกรู้ไหมว่าเราลำบากแค่ไหนในการตามหาตัวแก? !”

กู่ยี่เทียนไปอยู่ตรงหน้าของเขาคว้าเขาเข้ามากอด พร้อมตบหลังของหลี่ฝางอย่างแรงหลายที กล่าวอย่างตื่นเต้น

“แกนี่มันดวงแข็งเป็นบ้า ระเบิดใหญ่ขนาดนั้นก็ยังทำอะไรแกไม่ได้” หงส์แดงเสือขาว และคนอื่นๆ แม้จะพูดจาถากถาง แต่ในสายตาแอบแฝงไปด้วยความยินดี

หลังผ่านความตายมา เป็นอีกครั้งที่หลี่ฝางได้เห็นคุณค่าความสำคัญของพวกพ้อง แม้แต่สายตาที่มองเสือขาวหงส์แดงและคนอื่นๆ ก็ราบรื่นขึ้นเยอะ

“ฉันดวงดีแกก็รู้นี่” หลี่ฝางตบบ่าของกู่ยี่เทียน พร้อมหยอกล้อ

“เพ้อเจ้อ ดวงดีแล้วทำไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ล่ะ ใช่สิ เรื่องของเทพอ้านมันยังไงกัน? ทำไมเขาถึงได้อยู่ในร่างของแกได้?”

ระหว่างทางที่เดินทางมาที่องค์กรต้าเซี่ยหลงเช่ว หลี่ฝางได้เล่าเรื่องราวให้กับท่านผู้อาวุโสฟังอย่างละเอียดแล้ว

หลังจากนั้นท่านผู้อาวุโสติดต่อกู่ยี่เทียน ก็ได้อธิบายให้เขาฟังเช่นเดียวกัน และได้กำชับให้กู่ยี่เทียนไปที่ห้องลับเพื่อหยิบเอกสารบางอย่าง เพราะงั้นกู่ยี่เทียนถึงได้รู้เรื่องราวของหลี่ฝางบ้าง แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนนัก

“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนแรกคิดว่าตัดความจำที่เทพอ้านกลับชาติมาเกิดก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายก็เสร็จเขาจนได้ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะตอนนี้ต่อสู้กับอาซาโทส ได้ปล่อยจุดที่สกัดเอาไว้ ถึงได้ทำให้เทพอ้านมีโอกาส”

เมื่อนึกถึงร่างของเขายังมีอีกดวงจิตแฝงอยู่ หลี่ฝางเป็นกังวลอย่างมาก

“วางใจเถอะ เราจะหาทางขับไล่เทพอ้านที่น่ารังเกียจในร่างของแกไปให้พ้นเอง”

กู่ยี่เทียนจับแขนของหลี่ฝาง กล่าวด้วยน้ำใจเต็มเปี่ยม

“ยี่เทียน เอกสารที่ฉันให้แกหาเอามาด้วยไหม?” เมื่อเห็นทั้งสองลำลึกความหลังพอสมควรแล้ว ท่านผู้อาวุโสถึงได้กล่าวถามกู่ยี่เทียน

“นี่เอกสารของผู้อาวุโส” กู่ยี่เทียนไม่ตอบรับ แต่เป็นมังกรฟ้าที่อยู่ด้านหลังของเขายื่นซองเอกสารที่ดูเก่ามากฉบับหนึ่งให้กับของ

ท่านผู้อาวุโสไม่ได้รับซองเอกสารนั้นมาไว้ ทว่าส่งสัญญาณให้หลี่ฝางรับไป หลี่ฝางรับซองเอกสารนั้นมาไว้อย่างนึกสงสัย พลันมีความรู้สึกว่าของด้านในมีความเกี่ยวข้องกับเทพหมิงเทพอ้าน

ในขณะที่เปิดซองเอกสารออก รูปถ่ายขาวดำตกหล่นจากซอง หลี่ฝางก้มลงเก็บขึ้นมาไว้ ทว่าก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อเห็นภาพถ่ายนั้น

ภาพถ่ายนั้นเป็นถ่ายจิตรกรรมฝาผนังโบราณ บนฝาผนังมีอยู่สามคน คนที่อยู่ตรงกลางที่สูงใหญ่กว่าก็คือเทพไท่จี๋ที่หลี่ฝางได้พบเจอ และซ้ายขวามีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่

ชายหนุ่มสองคนสวมชุดสีขาวและสีดำ มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน และสิ่งที่ทำให้หลี่ฝางต้องตกตะลึง ชายหนุ่มทางซ้ายมือมีความคล้ายกับเขามาก

“ท่านผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หลี่ฝางเก็บภาพถ่ายมาไว้ ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับเขาพร้อมกล่าวถาม

“เอกสารฉบับนี้เป็นความลับที่สูงสุดขององค์กรต้าเซี่ยหลงเช่ว นอกจากฉันและเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่ได้เห็น ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นอีกเลย ทีแรกเราคิดจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป แต่ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันถึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้”

ท่านผู้อาวุโสจ้องมองภาพถ่ายขาวดำใบนั้น สายตาของเขาเกิดร่องรอยเล็กน้อย น้ำเสียงปนไปด้วยความอ่อนล้า

“ในประเทศจีนของเรา มีอยู่ที่หนึ่งที่ลึกลับกว่าซากปรักหักพัง สถานที่นั้นเราเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ เป็นแหล่งที่มาของยุทธภพ”

“ในประวัติศาสตร์ข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบมีน้อยมาก เหมือนว่ามีคนตั้งใจปิดบังข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แปดสิบปีก่อน ฉันกับเพื่อนนักโบราณคดีอีกหลายคนได้หลงเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบโดยบังเอิญ ภาพนี้ถ่ายจากที่นั่น”

“ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบได้จารึกข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาและการพัฒนาเกี่ยวกับนักรบมากมาย และได้บอกอีกว่าเหนือแดนเทพยังมีแดนที่สูงกว่านั้น เมื่อได้เป็นเทพแล้วจะไม่สามารถข้องเกี่ยวกับเรื่องราวของโลกมนุษย์ทุกอย่าง ไม่อย่างงั้นจะได้รับบทลงโทษจากสวรรค์”

“ในนั้นได้บันทึกเรื่องราวของเทพอ้านและเทพหมิงเอาไว้ด้วย อันที่จริงเรื่องราวที่จารึกในซากปรักหักพังมีความคลาดเคลื่อนไปจากประวัติศาสตร์ จะพูดให้ถูกคือจารึกเพียงแค่เรื่องราวการจากไปของเทพไท่จี๋ ตอนที่เทพไท่จี๋ยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ของเทพอ้านเทพหมิงดีมาก ถึงขนาดแยกจากกันไม่ได้แม้แต่วันเดียว”

“หลังจากเทพไท่จี๋ดับสลาย เทพหมิงและเทพอ้านมีความเห็นต่างกันในเรื่องการปกครองโลกมนุษย์ เทพหมิงคิดว่าควรจะให้อิสระแก่โลกมนุษย์ จะสามารถฝึกยุทธได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ส่วนเทพอ้านหวังให้มนุษย์ทุกคนได้ฝึกยุทธ ได้เป็นนักรบทุกคน”

“เพราะงั้นถึงได้มีเรื่องราวที่จารึกไว้ในซากปรักหักพัง เรื่องที่เทพอ้านทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนยีนมนุษย์ แม้เทพอ้านจะมีเจตนาที่ดี แต่สิ่งที่เขาทำผิดกฎสวรรค์ เทพหมิงถึงจำเป็นต้องสังหารเขา”

ทุกคนเดินไปด้วยพร้อมกับฟังเรื่องราวที่อยู่ในเอกสาร หากไม่ใช่เพราะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของท่านผู้อาวุโสละก็ พวกเขาไม่มีทางเชื่อเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่

ยังไงซะเรื่องราวที่หลุดออกจากปากของท่านผู้อาวุโสนั้นแฟนตาซีอย่างมาก หากคนธรรมดามาได้ยินเข้า คงจะคิดว่ามีโรคประสาท

“ท่านผู้อาวุโส ตามหลักแล้วเรื่องราวเหล่านี้ต้องถูกจารึกถึงจะถูก แต่ทำไมวงการนักรบทั้งหมดในตอนนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องราวการมีอยู่ของเทพไท่จี๋และเทพหมิงเทพอ้านเลยล่ะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท