พูดจบ หลี่ฝางก็กดแขนไท่ซางไปชุดนึง จู่ๆ ทั้งโรงพยาบาลก็มีแต่เสียงร้องลั่นของไท่ซาง
ผ่านไปครึ่งค่อนวัน หลี่ฝางถึงจะหายโกรธ ไท่ซางในตอนนี้ก็นอนราบอยู่ที่พื้นพูดได้ว่าทุกข์จนพูดไม่ออก
“พี่สะใภ้ หลังจากที่พี่สะใภ้มีเรื่องอะไรก็ไปหาราฟาเอลเถอะ ฉันนี่เป็นคนดีมันยากจริงๆ !”
ไท่ซางนอนราบอยู่บนพื้น ร้องแบบไร้น้ำตาพลางมองหยางฉง ถ้ารู้ว่าจะทำให้หลี่ฝางมาเล่นงานเขาละก็ ให้ตายยังไงเขาก็จะไม่พูดคำนี้กับหยางฉง
“อุ๊บ……” หยางฉงมองไท่ซางอย่างสงสาร พลางยืนขดตัวหัวเราะอยู่ด้านข้าง
“เอ่อ……หยางฉง วี่เฟย พวกเธอคิดดีแล้วจริงๆ เหรอ?” หลังจากได้ระบายอารมณ์หลี่ฝางก็นับว่าใจเย็นลงแล้ว และหันไปถามฉินวี่เฟยกับหยางฉงอย่างเกรงใจเล็กน้อย
ที่จริงที่ไท่ซางพูดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล มีผู้ชายคนไหนไม่อยากกอดซ้ายคนขวาคน กินข้าวในชามมองข้าวในหม้อบ้าง
ถ้าหากฉินวี่เฟยกับหยางฉงทั้งสองคนยอมรับจากมีอยู่ของอีกฝ่ายได้จริงๆ งั้นนี้ก็เป็นบทสรุปที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“อื้ม พวกเราคิดดีแล้ว” ฉินวี่เฟยกับหยางฉงสบตากัน จากนั้นก็มองหลี่ฝางพยักหน้าและพูดขึ้น
“เป็นแบบนี้แล้ว งั้นวี่เฟย หยางฉง พวกเธอยินดีแต่งงานกับฉันมั้ย?” หลังจากได้รับความยินยอมจากทั้งสอง หลี่ฝางก็ลงไปคุกเข่าข้างนึง มองพวกเธอด้วยสีหน้าจริงใจพลางพูด
หยางฉงกับฉินวี่เฟยตกใจสุดๆ ที่จู่ๆ ก็ถูกขอแต่งงาน โดยเฉพาะหยางฉง ตื่นเต้นจนจะร้องไห้แล้ว
“ฉันยิน……”
“นายจะขอแต่งงานแบบนี้น่ะเหรอ? ไม่มีดอกไม้ ไม่มีแหวน ไม่ได้บรรยากาศเลยสักนิด อยากให้พวกเราแต่งกับนาย คิดง่ายไปมั้ยไม่มีทางหรอก!”
หยางฉงใช้สองมือปิดปากตัวเองไว้ตอนที่กำลังคิดที่จะตอบตกลง แต่ก็ถูกฉินวี่เฟยที่อยู่ด้านข้างหยุดเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นฉินวี่เฟยมองหลี่ฝางด้วยหน้าเย่อหยิ่ง และตอบปฏิเสธคำขอแต่งงานครั้งนี้ของหลี่ฝาง
หลี่ฝางก็ชะงักอยู่ครู่ สุดท้ายก็ขำลั่น เขาลุกขึ้นจากพื้น พูดพลางมองฉินวี่เฟยกับหยางฉง “ได้ ฉันรู้แล้ว พวกเธอรอก่อน ฉันจะต้องทำเซอร์ไพรส์ให้พวกเธอแน่”
หลังจากได้ยินที่หลี่ฝางพูด ฉินวี่เฟยถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ ความรักจะต้องมีความ ความรักต้องการความโรแมนติคแบบพอเป็นพิธี การขอแต่งงานแบบขอไปทีแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉินวี่เฟยฝันเอาไว้
และนี่ก็เป็นคำสัญญาที่หลี่ฝางให้กับเธอไว้ เมื่อก่อนนานมาแล้ว ตอนที่หลี่ฝางขอแต่งงานจะต้องโรแมนติคสุดๆ แบบนี้ถึงจะทำให้เธอหวั่นไหว
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามที่ยุ่งเหยิงในที่สุดก็ได้บทสรุป แต่เดิมจะเป็นโลกของคนสองคนก็กลายมาเป็นครอบครัวเล็กๆ สี่คนทันที
ฐานะที่เป็นผู้ชายในครอบครัวเล็กๆ นี้ หลี่ฝางมองไปที่ผู้หญิงสองคนที่สนิทสนมกันมากนั่งอยู่ตรงนั้นและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อก่อนหยางฉงนั้นตัวติดเขาจะตาย แต่ตอนนี้ทั้งวันกลับตามฉินวี่เฟยไม่ห่าง ทั้งสองคุยเรื่องเสื้อผ้า กระเป๋า ไอดอลที่ชอบ ลูก ทั้งวันแม้แต่หลี่ฝางก็ไม่มีโอกาสได้พูดแทรกขึ้น
“ลูกพี่ ทำไมฉันถึงได้คิดว่านายเป็นส่วนเกินกัน?” ไท่ซางมองหลี่ฝางอยู่ด้านข้างอย่างอึดอัดสุดๆ และพูดอย่างเห็นใจ
“ไสหัวไป!เรื่องที่ฉันให้นายไปทำเป็นยังไงบ้างแล้ว?” หลี่ฝางมองแรงใส่ไท่ซาง และด่าอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮี่ๆ ลูกพี่วางใจ ฉันจะต้องทำให้ลูกพี่ขอแต่งงานพวกพี่สะใภ้ได้อย่างไม่มีวันลืมเลย” เห็นหลี่ฝางโมโห ไท่ซางก็ยิ้มประจบขึ้นมาทันที ดวงตาคู่นั้นมีประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา
ได้ยินเขาบอกว่าทุกอย่างเตรียมเรียบร้อยแล้ว ท่าทีของหลี่ฝางก็ดีเล็กน้อย “ถ้าครั้งนี้ทำดี ฉันจะให้นายพักครึ่งเดือน”
“จริงดิ? !ลูกพี่ นายพูดเองนะ!พอถึงเวลาอย่ามาเสียใจนะ!” เมื่อได้ยินหลี่ฝางบอกว่าจะให้ตนพัก ไท่ซางก็ดีใจจนแทนจะกระโดดโลดเต้น
ผียังรู้ว่าตลอดทั้งปีมานี้เขาผ่านวันยังไงมา เพื่อที่จะปกป้องฉินวี่เฟยกับหยางฉง ตลอดทั้งปีเขาไม่ได้แตะผู้หญิงเลย!
เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่ไปปลดปล่อยอารมณ์ซะบ้าง ตรงนั้นก็จะพิการแล้ว
เมื่อคิดว่าหลังจากนี้ไม่กี่วันเขาจะได้ไปหาพวกสาวๆ สีหน้าของไท่ซางก็เปลี่ยนเป็นหื่นกระหายขึ้นมา
เมื่อเห็นท่าทีสายตาหรี่ๆ ของเขา หลี่ฝางก็เบะปากอย่างรังเกียจสุดๆ “นายรีบเช็กน้ำลายเถอะ นายเป็นแบบนี้เหนี่ยนะ จะมีผู้หญิงคนไหนยอมคบกับนาย”
“ลูกพี่ไม่เข้าใจหรอก ตอนนี้บนโลกนี้ ขอแค่นายมีความสามารถพอ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกสาวสวยไม่ได้ ขอแค่ฉันเอาฐานะของปรมาจารย์ขึ้นมา ผู้หญิงเป็นโขยงก็มาหาถึงที่ ดูฉัน……”
ไท่ซางเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ และเริ่มโม้ถึงประสบการณ์ของตนที่เคยผ่านผู้หญิงมา
หลี่ฝางมองบน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากฟังเขาโม้ ขณะที่กำลังจะเตรียมหาเหตุผลบอกปัด จู่ๆ ประตูของห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก เงาร่างร่างนึงที่หลี่ฝางกับไท่ซางคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น
หยูหลิงฮุ่ยมือนึงเท้าเอว อีกมีก็อุ้มท้องที่ใหญ่อย่างกับลูกบอล หลังจากกวาดสายตามองในห้องพัก จากนั้นสายตาก็หยุดลงที่หลี่ฝางกับไท่ซาง
“ฉันท้อง นี่คือลูกของนาย” ขณะที่หลี่ฝางอยากจะถามหยูหลิงฮุ่ยว่าทำอะไรที่นี่ ประโยคนึงของเธอก็ทำให้คนในห้องพักผู้ป่วยทั้งสี่คนแข็งทื่อเป็นหิน
แต่เดิมฉินวี่เฟยกับหยางฉงที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยยิ้มอย่างมีความสุขเพียงครู่เดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งสองมองหลี่ฝางด้วยสายตาเย็นชา หลี่ฝางมองพวกเธอสองคนที่มีสายตาราวกับจะกินคน จึงตกใจและรีบอธิบาย
“วี่เฟย หยางฉง พวกเธออย่าเข้าใจผิดนะ!ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด เธอเป็นผู้หญิงของไอ้หมอนี่!”
หลี่ฝางใช้นิ้วชี้ไปทางไท่ซางที่ยังไม่ได้สติอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็รีบวิ่งไปทางฝั่งพวกฉินวี่เฟย เพื่อที่จะขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเขากับไท่ซางอย่างชัดเจน
“เธอพูดอะไร? ผู้หญิงอย่างเธอนี่เกรงว่าจะบ้าไปแล้วมั้ง?” ผ่านไปสามนาทีเต็มๆ ไท่ซางก็พูดคำนี้ขึ้น
ดวงตาของเขาเบิกกว้างสุดๆ พลางมองหยูหลิงฮุ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว และดูเหมือนว่าพอจะเดาออกว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างนี้ ใบหน้าไม่มีความโกรธใดๆ
และเดินพยุงท้องใหญ่ๆ ไปหน้าไท่ซาง และพูดอย่างนิ่งมากๆ “ฉันไม่ได้บ้า ลูกที่อยู่ในท้องฉันเป็นลูกของนาย ถ้าหากนายไม่เชื่อรอเด็กคลอดออกมาแล้วจะตรวจดีเอ็นเอก็ได้”