ฉินวี่เฟยคว้ามือหยางฉงขึ้นมาอย่างตื่นเต้น และถามอย่างระวัง “เสี่ยวฉง เธอยินดีที่จะแบ่งหลี่ฝางกับฉันมั้ย?”
หยางฉงรู้สึกว่าสมองของตัวเองนั้นแฮงค์ไปเรียบร้อยแล้ว เดิมที่เธอคิดว่ายังไงฉินวี่เฟยก็ไม่มีทางยอมรับที่จะต้องแบ่งสามีกับใคร เพราะเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผลเกินไป
แต่ปฏิกิริยาของฉินวี่เฟยนั้นทำให้เธอเซอร์ไพรส์จริงๆ คิดไม่ถึงว่าฉินวี่เฟยจะไม่รู้สึกขยะแขยง แถมยังเห็นด้วยอีก
“พี่วี่เฟย นี่พี่จริงจังป้ะเหนี่ย? พวกเราสองคนจะแต่งงานกับพี่หลี่ฝางด้วยกันเหรอ? พี่คงไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย” หยางฉงไม่อยากจะเชื่อฉินวี่เฟยเล็กน้อย
“พูดจริง แน่นอนว่าฉันต้องหวังว่าจะอยู่เป็นคู่กับหลี่ฝางไปทั้งชีวิต แต่ความเป็นจริงไม่มีทางเลยที่จะไม่สนใจเธอกับเสี่ยวผิงอัน และฉันก็เชื่อ หลี่ฝางเขาไม่มีทางไม่สนใจดูแลพวกเธอหรอก”
“เพราะงั้นหลังจากนี้ก็ต้องมีการไปมาหาสู่ งั้นทำไมพวกเราสองคนถึงจะแต่งงานกับเขาไม่ได้ล่ะ? ถึงแม้ว่าเรื่องแบบนี้ในสายตาคนอื่นจะดูเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ฉันคิดว่า ขอแค่พวกเราอยู่อย่างมีความสุขก็โอเคแล้ว”
ที่จริงนานแล้วก่อนที่ฉินวี่เฟยจะคิดถึงข้อนี้ เธอก็เกรงว่าหยางฉงจะรับไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยปากพูด
แต่ว่าตอนนี้ก็ถึงขั้นถูกถึงแล้ว ไม่งั้นก็หักดิบไปเลย หยางฉงมองฉินวี่เฟยอย่างอึ้งๆ อึ้งอยู่ครึ่งค่อนวันถึงได้พูดขึ้นมา
“พี่วี่เฟย พี่แน่ใจว่าจะทำแบบนี้เหรอ?” หยางฉงกลืนน้ำลาย และถามให้มั่นใจอีกครั้งอย่างไม่กล้าจะเชื่อ
“ฉันแน่ใจมากๆ เธอรับได้มั้ย?” ไม่ก็ไม่ได้ว่าฉินวี่เฟยเป็นคนหัวโบราณจริงๆ ในบางแง่มุม แต่ในเรื่องนี้เธอกลับเปิดรับอย่างน่าประหลาดใจ
เธอรู้แค่ว่าขอแค่มีเสี่ยวผิงอันอยู่ แบบนั้นสายสัมพันธ์ของหลี่ฝางกับหยางฉงก็ตัดไม่ขาด ถ้าจะต้องไม่ชัดเจนขนาดนั้น ไม่งั้นก็ทำแบบใจกว้างหน่อย สามคนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเลย
หยางฉงไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาถึงขั้นนี้ อ้าปากกว้าง อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็อดทนไว้
ฉินวี่เฟยบอกว่าพวกนี้เธอเข้าใจหมด เธอกับหลี่ฝางยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ถ้าหากฉินวี่เฟยไม่ถือสา งั้นทำไมตัวเองยังจะต้องถือสาล่ะ
ใครไม่อยากจะอยู่กับคนที่ตัวเองรักกัน และใครยินดีที่จะให้ลูกของตัวเองไม่มีพ่อตั้งแต่ยังเล็กกัน?
“งั้นหลังจากนี้พวกเราก็เป็นพี่น้องกันจริงๆ แล้ว” หยางฉงมองตาฉินวี่เฟย และยิ้มพลางพูด
“ตอนนี้พวกเราก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้วนี่” ฉินวี่เฟยพูดจบ จู่ๆ ก็มีรอยยิ้มร้ายๆ ออกมา “เธอว่า อีกแป๊บเราบอกการตัดสินใจนี้ของเรา เขาจะมีปฏิกิริยายังไงนะ?”
หยางฉงไม่ได้คิดถึงจุดนี้ เห็นฉินวี่เฟยยิ้มอย่างร้ายๆ ทั่วใบหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำ “ฉันคิดว่าถ้าพี่หลี่ฝางรู้เรื่องการตัดสินใจของพวกเรา พี่เขาอาจจะช็อกไปเลยมั้ง”
ผู้หญิงสองคนจ้องตากัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา หลี่ฝางที่เฝ้าอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเธอดังออกมาจากในห้อง ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
ยัยสองคนนั้นพูดอะไรกันอยู่ข้างในนะ แถมยังหัวเราะอย่างดีใจขนาดนั้น
ความสงสัยทำให้หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะเคาะประตู และถาม “วี่เฟย เสี่ยวฉง พวกเธอคุยกันเสร็จหรือยัง? ฉันเข้าไปได้แล้วใช่มั้ย?”
ฉินวี่เฟยกับหยางฉงที่หัวเราะอย่างดีใจ หลังจากได้ยินเสียงของหลี่ฝางก็รีบหุบยิ้ม
“เอ่อๆ ได้แล้ว นายเข้ามาเถอะ” ฉินวี่เฟยกระแอม และทำสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็นั่งหลังตรง พูดไปทางประตู
หลังจากได้รับการอนุญาตหลี่ฝางก็ผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่าฉินวี่เฟยกับหยางฉงนั่งอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม พลางเลิกคิ้ว “ความสัมพันธ์ของพวกเธอดีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหนี่ย?”
นี่มันไม่ค่อยเหมือนกับที่เขาคิดไว้
“ฉันกับพี่วี่เฟยก็ดีต่อกันมาตลอดนี่ แต่แค่พี่หลี่ฝางไม่สังเกตเท่านั้นเอง” หยางฉงพูดจบ ร่างกายก็พิงไปทางฉินวี่เฟย
หลี่ฝางละอายเล็กน้อย ในใจคิด พวกเธอสองคนคงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นหรอกใช่มั้ย?
“นี่ นายคิดอะไรอยู่เหนี่ย!ฉันกับหยางฉงเป็นแค่พี่สาวน้องสาวธรรมดาเฉยๆ เท่านั้น” ฉินวี่เฟยอยู่กับหลี่ฝางมาหลายปี แค่แว๊บเดียวก็มองความคิดของหลี่ฝางทะลุ และจ้องหลี่ฝางตาเขม็ง พลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“กระแอม ฉันไม่ได้คิดอะไรนี่” หลี่ฝางที่ถูกมองความคิดออกก็เลิ่กลั่ก และรีบกระแอมขึ้นมากลบเกลื่อนตัวเอง
“พี่หลี่ฝาง พี่นั่งลง พวกเราสองคนมีเรื่องจะบอกพี่” สีหน้าของหยางฉงอยู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เป็นซีเรียสขึ้นมามองหลี่ฝางพลางพูด
หลี่ฝางถูกความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้งงไปเลย เมื่อกี้กำลังหัวเราะร่าเริง ทำไมอยู่ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า แม้แต่บรรยากาศภายในห้องก็ยังดูเคร่งเครียดขึ้นมาเลย
“พวกเธอมีเรื่องอะไรพูดมาเถอะ ทำไมถึงต้องทำหน้าซีเรียสแบบนี้ด้วย ทำเอาฉันลนลานเลย”
หลี่ฝางนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง และมองหยางฉงกับฉินวี่เฟยอย่างทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
และก็แอบบ่นอยู่ในใจ ยัยเด็กสองคนนี้จะพูดอะไรกันแน่ ทำไมพอเข้ามาท่าทีถึงไม่เหมือนเดิมล่ะ?
“กระแอม” หลังจากเห็นหลี่ฝางนั่งลง ฉินวี่เฟยกับหยางฉงก็กระแอมอย่างแรง จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “หลี่ฝางแต่งงานกับพวกเราเถอะ”
เมื่อพูดประโยคนี้ หลี่ฝางก็ตกใจตามคาด ตาสองข้างเบิกกว้าง แน่นิ่งไปครึ่งวันพูดไม่ออกสักคำ
เมื่อกี้เขาได้ยินอะไรนะ? ฉินวี่เฟยกับหยางฉงขอเขาแต่งงานพร้อมกัน? นี่มันบ้าอะไรเหนี่ย?
“เสี่ยวฉง เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า คนที่ฉันจะแต่งด้วยคือ……”
หลี่ฝางคิดว่าตนนั้นพูดกับหยางฉงได้ชัดเจนมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าหยางฉงยังจะทำแบบนี้ ทำให้เขาลำบากใจเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะปฏิเสธหยางฉง ก็ถูกพวกเธอขัดขึ้น
“ไม่ใช่ พวกเราหมายถึงว่า แต่งงานกับพวกเราเถอะ”
ครั้งนี้หลี่ฝางถือว่าเข้าใจความหมายของพวกเธอแล้ว แต่ครั้งนี้เขายังตกใจมากกว่าเมื่อกี้อีก ปากอ้ากว้างเป็นรูปตัวO
“พี่หลี่ฝาง?” หยางฉงมองหลี่ฝางที่ช็อกพลางถามอย่างระมัดระวัง แต่หลังจากที่ถามกลับไม่ได้ปฏิกิริยาตอบรับกลับมา เธอลนลานเล็กน้อย และหันไปถามฉินวี่เฟย “พี่วี่เฟย พี่หลี่ฝางตกใจจนช็อกไปแล้วใช่มั้ย?”
เมื่อเห็นท่าทีช็อกแน่นิ่งของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยก็หัวเราะในใจ และตบมือหยางฉง ให้เธอไม่ต้องกังวล “วางใจเถอะ ไม่มีใครควรช็อกเพราะเรื่องนี้ เขาแค่ยังดึงสติกลับมาไม่ได้เท่านั้นเอง”