NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1287 แต่งงานกับพวกเรา

บทที่ 1287 แต่งงานกับพวกเรา

ฉินวี่เฟยคว้ามือหยางฉงขึ้นมาอย่างตื่นเต้น และถามอย่างระวัง “เสี่ยวฉง เธอยินดีที่จะแบ่งหลี่ฝางกับฉันมั้ย?”

หยางฉงรู้สึกว่าสมองของตัวเองนั้นแฮงค์ไปเรียบร้อยแล้ว เดิมที่เธอคิดว่ายังไงฉินวี่เฟยก็ไม่มีทางยอมรับที่จะต้องแบ่งสามีกับใคร เพราะเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผลเกินไป

แต่ปฏิกิริยาของฉินวี่เฟยนั้นทำให้เธอเซอร์ไพรส์จริงๆ คิดไม่ถึงว่าฉินวี่เฟยจะไม่รู้สึกขยะแขยง แถมยังเห็นด้วยอีก

“พี่วี่เฟย นี่พี่จริงจังป้ะเหนี่ย? พวกเราสองคนจะแต่งงานกับพี่หลี่ฝางด้วยกันเหรอ? พี่คงไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย” หยางฉงไม่อยากจะเชื่อฉินวี่เฟยเล็กน้อย

“พูดจริง แน่นอนว่าฉันต้องหวังว่าจะอยู่เป็นคู่กับหลี่ฝางไปทั้งชีวิต แต่ความเป็นจริงไม่มีทางเลยที่จะไม่สนใจเธอกับเสี่ยวผิงอัน และฉันก็เชื่อ หลี่ฝางเขาไม่มีทางไม่สนใจดูแลพวกเธอหรอก”

“เพราะงั้นหลังจากนี้ก็ต้องมีการไปมาหาสู่ งั้นทำไมพวกเราสองคนถึงจะแต่งงานกับเขาไม่ได้ล่ะ? ถึงแม้ว่าเรื่องแบบนี้ในสายตาคนอื่นจะดูเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ฉันคิดว่า ขอแค่พวกเราอยู่อย่างมีความสุขก็โอเคแล้ว”

ที่จริงนานแล้วก่อนที่ฉินวี่เฟยจะคิดถึงข้อนี้ เธอก็เกรงว่าหยางฉงจะรับไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยปากพูด

แต่ว่าตอนนี้ก็ถึงขั้นถูกถึงแล้ว ไม่งั้นก็หักดิบไปเลย หยางฉงมองฉินวี่เฟยอย่างอึ้งๆ อึ้งอยู่ครึ่งค่อนวันถึงได้พูดขึ้นมา

“พี่วี่เฟย พี่แน่ใจว่าจะทำแบบนี้เหรอ?” หยางฉงกลืนน้ำลาย และถามให้มั่นใจอีกครั้งอย่างไม่กล้าจะเชื่อ

“ฉันแน่ใจมากๆ เธอรับได้มั้ย?” ไม่ก็ไม่ได้ว่าฉินวี่เฟยเป็นคนหัวโบราณจริงๆ ในบางแง่มุม แต่ในเรื่องนี้เธอกลับเปิดรับอย่างน่าประหลาดใจ

เธอรู้แค่ว่าขอแค่มีเสี่ยวผิงอันอยู่ แบบนั้นสายสัมพันธ์ของหลี่ฝางกับหยางฉงก็ตัดไม่ขาด ถ้าจะต้องไม่ชัดเจนขนาดนั้น ไม่งั้นก็ทำแบบใจกว้างหน่อย สามคนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเลย

หยางฉงไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาถึงขั้นนี้ อ้าปากกว้าง อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็อดทนไว้

ฉินวี่เฟยบอกว่าพวกนี้เธอเข้าใจหมด เธอกับหลี่ฝางยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ถ้าหากฉินวี่เฟยไม่ถือสา งั้นทำไมตัวเองยังจะต้องถือสาล่ะ

ใครไม่อยากจะอยู่กับคนที่ตัวเองรักกัน และใครยินดีที่จะให้ลูกของตัวเองไม่มีพ่อตั้งแต่ยังเล็กกัน?

“งั้นหลังจากนี้พวกเราก็เป็นพี่น้องกันจริงๆ แล้ว” หยางฉงมองตาฉินวี่เฟย และยิ้มพลางพูด

“ตอนนี้พวกเราก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้วนี่” ฉินวี่เฟยพูดจบ จู่ๆ ก็มีรอยยิ้มร้ายๆ ออกมา “เธอว่า อีกแป๊บเราบอกการตัดสินใจนี้ของเรา เขาจะมีปฏิกิริยายังไงนะ?”

หยางฉงไม่ได้คิดถึงจุดนี้ เห็นฉินวี่เฟยยิ้มอย่างร้ายๆ ทั่วใบหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำ “ฉันคิดว่าถ้าพี่หลี่ฝางรู้เรื่องการตัดสินใจของพวกเรา พี่เขาอาจจะช็อกไปเลยมั้ง”

ผู้หญิงสองคนจ้องตากัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา หลี่ฝางที่เฝ้าอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเธอดังออกมาจากในห้อง ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย

ยัยสองคนนั้นพูดอะไรกันอยู่ข้างในนะ แถมยังหัวเราะอย่างดีใจขนาดนั้น

ความสงสัยทำให้หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะเคาะประตู และถาม “วี่เฟย เสี่ยวฉง พวกเธอคุยกันเสร็จหรือยัง? ฉันเข้าไปได้แล้วใช่มั้ย?”

ฉินวี่เฟยกับหยางฉงที่หัวเราะอย่างดีใจ หลังจากได้ยินเสียงของหลี่ฝางก็รีบหุบยิ้ม

“เอ่อๆ ได้แล้ว นายเข้ามาเถอะ” ฉินวี่เฟยกระแอม และทำสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็นั่งหลังตรง พูดไปทางประตู

หลังจากได้รับการอนุญาตหลี่ฝางก็ผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่าฉินวี่เฟยกับหยางฉงนั่งอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม พลางเลิกคิ้ว “ความสัมพันธ์ของพวกเธอดีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหนี่ย?”

นี่มันไม่ค่อยเหมือนกับที่เขาคิดไว้

“ฉันกับพี่วี่เฟยก็ดีต่อกันมาตลอดนี่ แต่แค่พี่หลี่ฝางไม่สังเกตเท่านั้นเอง” หยางฉงพูดจบ ร่างกายก็พิงไปทางฉินวี่เฟย

หลี่ฝางละอายเล็กน้อย ในใจคิด พวกเธอสองคนคงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นหรอกใช่มั้ย?

“นี่ นายคิดอะไรอยู่เหนี่ย!ฉันกับหยางฉงเป็นแค่พี่สาวน้องสาวธรรมดาเฉยๆ เท่านั้น” ฉินวี่เฟยอยู่กับหลี่ฝางมาหลายปี แค่แว๊บเดียวก็มองความคิดของหลี่ฝางทะลุ และจ้องหลี่ฝางตาเขม็ง พลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“กระแอม ฉันไม่ได้คิดอะไรนี่” หลี่ฝางที่ถูกมองความคิดออกก็เลิ่กลั่ก และรีบกระแอมขึ้นมากลบเกลื่อนตัวเอง

“พี่หลี่ฝาง พี่นั่งลง พวกเราสองคนมีเรื่องจะบอกพี่” สีหน้าของหยางฉงอยู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เป็นซีเรียสขึ้นมามองหลี่ฝางพลางพูด

หลี่ฝางถูกความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้งงไปเลย เมื่อกี้กำลังหัวเราะร่าเริง ทำไมอยู่ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า แม้แต่บรรยากาศภายในห้องก็ยังดูเคร่งเครียดขึ้นมาเลย

“พวกเธอมีเรื่องอะไรพูดมาเถอะ ทำไมถึงต้องทำหน้าซีเรียสแบบนี้ด้วย ทำเอาฉันลนลานเลย”

หลี่ฝางนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง และมองหยางฉงกับฉินวี่เฟยอย่างทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

และก็แอบบ่นอยู่ในใจ ยัยเด็กสองคนนี้จะพูดอะไรกันแน่ ทำไมพอเข้ามาท่าทีถึงไม่เหมือนเดิมล่ะ?

“กระแอม” หลังจากเห็นหลี่ฝางนั่งลง ฉินวี่เฟยกับหยางฉงก็กระแอมอย่างแรง จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “หลี่ฝางแต่งงานกับพวกเราเถอะ”

เมื่อพูดประโยคนี้ หลี่ฝางก็ตกใจตามคาด ตาสองข้างเบิกกว้าง แน่นิ่งไปครึ่งวันพูดไม่ออกสักคำ

เมื่อกี้เขาได้ยินอะไรนะ? ฉินวี่เฟยกับหยางฉงขอเขาแต่งงานพร้อมกัน? นี่มันบ้าอะไรเหนี่ย?

“เสี่ยวฉง เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า คนที่ฉันจะแต่งด้วยคือ……”

หลี่ฝางคิดว่าตนนั้นพูดกับหยางฉงได้ชัดเจนมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าหยางฉงยังจะทำแบบนี้ ทำให้เขาลำบากใจเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะปฏิเสธหยางฉง ก็ถูกพวกเธอขัดขึ้น

“ไม่ใช่ พวกเราหมายถึงว่า แต่งงานกับพวกเราเถอะ”

ครั้งนี้หลี่ฝางถือว่าเข้าใจความหมายของพวกเธอแล้ว แต่ครั้งนี้เขายังตกใจมากกว่าเมื่อกี้อีก ปากอ้ากว้างเป็นรูปตัวO

“พี่หลี่ฝาง?” หยางฉงมองหลี่ฝางที่ช็อกพลางถามอย่างระมัดระวัง แต่หลังจากที่ถามกลับไม่ได้ปฏิกิริยาตอบรับกลับมา เธอลนลานเล็กน้อย และหันไปถามฉินวี่เฟย “พี่วี่เฟย พี่หลี่ฝางตกใจจนช็อกไปแล้วใช่มั้ย?”

เมื่อเห็นท่าทีช็อกแน่นิ่งของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยก็หัวเราะในใจ และตบมือหยางฉง ให้เธอไม่ต้องกังวล “วางใจเถอะ ไม่มีใครควรช็อกเพราะเรื่องนี้ เขาแค่ยังดึงสติกลับมาไม่ได้เท่านั้นเอง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท