แม้เรื่องขอแต่งงานเมื่อคืนหลี่ฝางไม่ได้ประกาศโจ่งแจ้ง แต่มีเพื่อนที่สนิทๆกันบางส่วนรู้ กู่ยี่เทียนก็คือหนึ่งในนั้น
“นายอย่าว่าแต่ฉันเลย ถ้านายมีฉลาดหน่อยป่านนี้ลูกนายอาจจะโตแล้วก็ได้ เสี่ยวหงส์แดงของนายนั้นโกรธนายสุดจิตสุดใจ ชอบมาตั้งนานแล้วนี่”
หลี่ฝางยิ้มเบาๆพลางใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่เอวกู่ยี่เทียน พร้อมยู่ปากไปทางหงส์แดงและคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อได้ยินหลี่ฝางพูดถึงหงส์แดง กู่ยี่เทียนก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ถลึงตาใส่หลี่ฝาง แล้วพูดหยาบๆ
“นายอย่าพูดมั่วซั่ว ฉันกับหงส์แดงเป็นความสัมพันธ์แบบสหายร่วมรบเฉยๆ ไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“โถๆ ฉันพูดมั่วหรือไม่มั่วนายรู้ดีที่สุด ถ้านายเขินฉันช่วยถามหงส์แดงให้นายได้นะ ดูซิว่าเธอคิดกับนายแบบสหายร่วมรบเฉยๆหรือเปล่า”
หลี่ฝางพูดจบทำท่าจะเดินไปหาหงส์แดง ทำเอากู่ยี่เทียนต้องห้ามเขาด้วยความตกใจ
“เจ้าหมอนี่อยากมีเรื่องใช่ไหม!”
เห็นกู่ยี่เทียนหูแดงระเรื่อๆ หลี่ฝางก็ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ เสียงหัวเราะอันเบิกบานของเขา ดึงดูดความสนใจของหงส์แดงพวกเขาทำให้ทั้งสี่คนเดินเข้ามาทันที
“ทำไมคุณมองฉันแบบนี้?หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?”หงส์แดงโวยวายเพราะสายตาหลี่ฝางมอง ลูบหน้าตัวเองพลางถามด้วยความสงสัย
“เปล่า แค่จู่ๆก็พบว่าคุณไว้ผมยาว พอตั้งใจมองดีๆก็เห็นว่าคุณสวยดี”
หลี่ฝางเก็บรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พูดพลางส่งสายตาเป็นนัยๆให้กู่ยี่เทียน
“ฮ่า หลี่ฝางคุณตาถึงนะเนี่ย!ไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้เลย!ฉันก็คิดว่าหงส์แดงไว้ผมยาวแล้วสวยดีเหมือนกัน เพียงแต่นิสัยแมนเกินไปหน่อย ถ้าอ่อนโยนอีกหน่อยจะดีมาก”
เสือขาวดูไม่ออกว่าที่หลี่ฝางพูดนั้นตั้งใจพูดแทะโลมหงส์แดง ถึงขนาดพูดคล้อยตามอย่างไม่ยี่หระ
เมื่อหงส์แดงได้ยินที่เสือขาวพูด ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เธอจัดผมตัวเองที่ยาวถึงไหล่ด้วยท่าทีเขินอาย พลางจ้องหลี่ฝางอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ฉันเป็นผู้หญิงแล้วไว้ผมยาวมันแปลกตรงไหน ทำไมคุณปากเสียขนาดนี้นะ ”
กระแทกหลี่ฝางเสร็จ หงส์แดงก็ถีบเสือขาวไปทีหนึ่ง“นายด้วย ฉันอ่อนไม่อ่อนโยนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?ถ้ายังพูดมั่วซั่วอีก ระวังฉันจะเย็บปากนายซะ!”
เห็นหงส์แดงท่าทางดุๆจึงต้องยอม นวดสะโพกที่โดนถีบเมื่อกี้ด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมพลางหลับไปด้านหลังเต่าดำ
“แฮะแฮ่ม พอแล้ว เลิกเล่นได้แล้ว พวกเธอเถียงกันมาตั้งหลายปียังไม่เบื่ออีก”กู่ยี่เทียนกระแอมเบาๆ ขัดจังหวะพวกเขาที่ทะเลาะกันอยู่
“พวกเธอติดตามฉันมาก็หลายปีแล้ว ไปเมืองชีหนันครั้งนี้น่าจะต้องไปเป็นเดือน เรื่องยิบย่อยในหน่วยการต่อสู้ก็ให้พวกเธอจัดการก็แล้วกัน ฉันเชื่อในความสามารถของพวกเธอ”
กู่ยี่เทียนออกจากเมืองตงไห่ครั้งนี้ ไม่ได้สั่งงานโดยละเอียดให้มังกรฟ้าและคนอื่นๆ เขาคิดว่าถึงเวลาต้องปล่อยแล้ว มังกรฟ้าและคนอื่นๆไม่อาจอยู่ในมือทำงานให้เขาไปได้ตลอดหรอก
“ลูกพี่ไม่ต้องห่วง พวกเราจะดูแลหน่วยการต่อสู้เป็นอย่างดี”มังกรฟ้ามองกู่ยี่เทียนที่มีสายตาเต็มไปด้วยความไว้ใจ จึงพูดรับปากอย่างมั่นใจ
“ให้เธอจัดการฉันก็วางใจแล้ว”กู่ยี่เทียนตบไหล่มังกรฟ้าด้วยความพอใจเบาๆ จากนั้นเดินขึ้นรถที่จะไปสนามบิน
“ไอ้กู่ นี่เตรียมจะปลดเกษียณรึไง เชื่อมั่นในความสามารถของมังกรฟ้าพวกเขาขนาดนั้นเลย?”ระหว่างทาง หลี่ฝางมองกู่ยี่เทียนที่กำลังสำรวจทางพลางถามขึ้น
“มันไม่ใช่เพราะฉันเชื่อหรือไม่เชื่อมั่นในความสามารถของพวกเขา แต่ฉันจำเป็นต้องให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง ฉันไม่อาจนำพาพวกเขาไปตลอดชีวิต นายก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้ มีหลายอย่างที่พวกเขาต้องเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง”
กู่ยี่เทียนหยุดดูแผนที่ในมือ แล้วพูดขึ้นอย่างจนปัญญา
นี่เป็นเรื่องแรกที่เขาคิดว่าต้องทำตั้งแต่ออกมาจากซากปรักหักพังลึกลับ หน่วยการต่อสู้ในตอนนี้ล้วนต้องพึ่งการชักนำของกู่ยี่เทียน มีหลายเรื่องที่ต้องให้เขาเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
การผูกขาดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้าวันไหนกู่ยี่เทียนไม่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย งั้นหน่วยการต่อสู้ก็เท่ากับว่าสูบเสียเสาหลักสำคัญไป
หน่วยการต่อสู้ที่ไร้ผู้นำก็จะกลายเป็นยุ่งเหยิง และตระกูลนักรบที่พร้อมจะก่อการร้ายเหล่านั้นสามารถโค่นหน่วยการต่อสู้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่กู่ยี่เทียนต้องการจะเห็น ดังนั้นเขาจึงต้องรีบฝึกฝนผู้รับช่วงต่อที่มีคุณสมบัติไว้สัก2-3คน เพราะแม้เขาจะเป็นอะไรไป ก็ไม่ต้องกังวลว่าหน่วยการต่อสู้จะได้รับบาดเจ็บถึงชีวิตด้วยเหตุนี้
“วิธีที่กู่ยี่เทียนทำนั้นถูกแล้ว หลี่ฝาง ฉันว่านายก็ควรเริ่มฝึกคนเก่งๆไว้แบ่งเบาภาระบ้างนะ”หลังจากส้าวส้วยได้ยินที่กู่ยี่เทียนพูด ก็พูดขึ้นอย่างเห็นด้วยสุดๆ
สำหรับเขาคิดว่าแม้ในมือหลี่ฝางมีคนเก่งๆไม่น้อย แต่คนที่มีความสามารถเป็นผู้นำได้นั้นแทบจะไม่มี
โหจื่อก็หุนหันพลันแล่น นิสัยค่อนข้างวู่วาม ส่วนไท่ซางนั้นรักสนุก แม้มีฝีมือไม่เลวแต่ไม่ตระหนักถึงสถานการณ์โดยรวม ราฟาเอลแม้จะสุขุมแต่กลับไม่รู้จักพูด โดนเฉพาะกับไท่ซาง สามารถพูดได้เลยว่าเข้ากันไม่ได้ดั่งน้ำกับไฟ
อย่างพวกเขาหากสูญเสียหลี่ฝาง และการชักนำของหลี่ต๋าคาง ต่อให้มีความสามารถแค่ไหนก็สามารถถูกอื่นกำจัดไปทีละคนๆ
“ก็มีนายอยู่ไม่ใช่เหรอ?โหจื่อพวกเขาเชื่อฟังนายนี่”หลี่ฝางไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาพึ่งพาส้าวส้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ถึงขนาดพูดได้ว่าการมีอยู่ของส้าวส้วยนี่แหละที่ทำให้หลี่ฝางกำเริบเสิบสาน เขาคิดแค่ว่ายังมีส้าวส้วยวางแผนอยู่เบื้องหลัง เขาก็สบายใจ
“หลี่ฝาง ฉันไม่ใช่เทพ ฉันไม่ใช่จะทำได้ทุกเรื่อง ต้องมีสักวันหนึ่งที่ฉันไม่อาจช่วยนายได้ คนที่นายต้องปกป้องมีมากมาย ถ้าเอาแต่อาศัยความสามารถของฉันกับนายแค่สองคน มันไม่อาจปกป้องพวกเขาได้อย่างทั่วถึง”
“นายต้องฝึกฝนโหจื่อ ไท่ซางและราฟาเอล ให้พวกเขามาเป็นกำลังเสริม ไม่ใช่ลูกน้องที่เอาแต่รอฟังคำสั่งจากนาย มีแต่วิธีนี้นายถึงจะทำให้ตระกูลหลี่แข็งแกร่งขึ้นได้”
ได้ยินที่หลี่ฝางพูด ส้าวส้วยก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง