NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1302 กิน ? ไม่กิน?

บทที่ 1302 กิน ? ไม่กิน?

หลี่ฝางกำลังคิดว่าว่าจะทำอย่างไรให้ อูหลิงตกลงพาพวกเขาเข้าไปในเผ่ากู่ แต่ใครจะไปคิดว่าคำพูดนี้ของอูหลิง จะทำลายความหวังของพวกเขาลง

อีกอย่างท่าทางการพูดจาของเขาก็ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์ด้วย ราวกับว่าไม่เห็นพวกหลี่ฝางอยู่ในสายตาเลยสักนิด

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมนายถึงต้องมาพบพวกเราด้วย ?” หลี่ฝางมองอูหลิงพร้อมถามด้วยความฉุน

เมื่อได้ยินประโยคนี้ อูหลิงก็หันไปชำเลืองมองหลี่ฝางอย่างช้าๆ ใบหน้าไร้ความรู้สึก “ถ้าหากไม่มีเสี่ยวหลินตังอยู่ที่นี่ ผมก็ไม่มาเจอพวกคุณหรอก”

หลี่ฝางรู้สึกว่าเสี่ยวหลินตังและอูหลิงคนนี้มาก็เพื่อจงใจที่จะขัดขวางตัวเอง คนให้เบาะแสคนนี้นอกจากจะไม่ประโยชน์แล้ว ยังจะมาเป็นศัตรูกับตัวเขาอีก

“ไอ้ยาเพื่อนอูหลิง จะพูดว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ไม่ได้ ถึงนายจะบอกว่าชนเผ่าของพวกนายจะไม่ติดต่อกับคนจากโลกภายนอก แต่นายก็เป็นเพื่อนกับเสี่ยวหลินตังไม่ใช่หรือไง?ในเมื่อนายยังสามารถติดต่อกับ เสี่ยวหลินตังได้ อย่างนั้นทำไมชนเผ่าของนายถึงจะมาเจอพวกเราสักครั้งไม่ได้ล่ะ”

กู่ยี่เทียนรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของหลี่ฝาง จึงกลัวว่าเขาจะไม่สามารถสงบอารมณ์ได้จนเรียกเทพอ้านในตัวของเขาออกมา จนต้องกลับมาสวมบทเป็นทูตแห่งสันติภาพอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเลยก็คืออูหลิงคนนี้กลับไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังตอบกลับอย่างไร้อารมณ์โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองกู่ยี่เทียนเลยด้วยซ้ำ

“เสี่ยวหลินตังเป็นคู่แท้ที่ฉันตามหา ผู้ชายในเผ่ากู่ของพวกเราทั้งชีวิตนี้จะมีคู่แท้เพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นสำหรับพวกเราเธอถือเป็นคนที่พิเศษ แต่พวกคุณเป็นอะไร ?”

คำพูดประโยคนี้ของเขาได้สร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องยกเว้นเสี่ยวหลินตัง ไขจี๋เออลุกขึ้นจากโซฟา พลางพับแขนเสื้อขึ้น ด้วยท่าทีพร้อมที่จะใช้กำลัง

“หัวหน้ากู่ เจ้าเด็กนี้ชักไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะช่วยนายสั่งสอนสั่งสอนเขาสักหน่อยเอง !”

“เดี๋ยวๆๆ คนกันเองทั้งนั้น อย่าหยาบคายๆ” กู่ยี่เทียนห้ามปรามไขจี๋เอออย่างเอือมระอา ก่อนจะหันหน้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวหลินตัง “เสี่ยวหลินตัง เขาเป็นเพื่อนของเธอ เธอช่วยคุยกับเขาสักหน่อยดีกว่า”

เมื่อได้ยินกู่ยี่เทียนพูดแบบนี้ คราวนี้เสี่ยวหลินตังถึงค่อยวางขาที่ไขว่ห้างลง แล้วหันไปพูดกับ

“เสี่ยวหลิงหลิง ฉันรู้ว่านายหน่ะดีที่สุดแล้ว นายก็ถือว่าช่วยฉันแล้วกันนะ”

แน่นอนว่าพลังแห่งความรักนั้นยิ่งใหญ่ คนที่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกหลี่ฝางแทบจะไม่สนใจอะไรเลยอย่าง อูหลิง แต่พอแม่อยู่ต่อหน้า เสี่ยวหลินตัง ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปเลย 180 องศา

จากนั้นบนใบหน้าไร้ความรู้สึกของก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ขอเพียงแค่เสี่ยวหลินตังพูด ฉันพร้อมที่จะทำให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

ทางด้านพวกหลี่ฝางที่เห็นการโต้ตอบของสองวัยรุ่น ก็รู้สึกว่าเลี่ยนจนอยากจะสำลักออกมา คิดไม่ถึงว่าคนอายุราวพวกเขาจะได้มากินอาหารสุนัขที่เจ้าเด็กสองคนนี้โรยไว้

“นายบอกว่าเพียงแค่มีคนจากโลกภายนอกแอบลักลอบเข้าไปในเขตชนเผ่ากู่ของพวกนาย ก็จะถูกคนในเผ่าห่าทิ้งไม่ใช่หรือไง ?นายมีความสามารถที่จะพาพวกเราเข้าไปอย่างปลอดภัยขนาดนั้นเลยหรือ ?”

คำถามนี้หลี่ฝางไม่ได้ตั้งใจที่จะหาเรื่อง อูหลิง เขาเพียงแค่คิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างอูหลิงที่อยู่ในเผ่ากู่ก็คงจะไม่ใช่คนที่มีอำนาจในการพูดอะไรมากมาย ถึงขั้นที่จะสามารถทำให้ชนเผ่าที่ต่อต้านโลกภายนอกมาโดยตลอดให้ยอมรับคนจากโลกภายนอกได้

“คุณรู้สาเหตุที่ทำไมเผ่ากู่ของพวกเราถึงสามารถรับรู้ว่ามีคนภายนอกแอบลักลอบเข้ามาในเขตของพวกเราได้อย่างท่วงทันหรือเปล่า ?” เมื่อเผชิญกับความสงสัยของหลี่ฝาง อูหลิง ไม่ได้ตอบกลับสิ่งที่เขาถามเป็นสิ่งแรก แต่กลับถามหลี่ฝางกลับแทน

“ฉันไม่ใช่คนเผ่ากู่ของพวกนายสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง” หลี่ฝางกลอกตาตอบอย่างหมดคำจะพูด รู้สึกว่าคำถามนี้ของอูหลิงดูจะปัญญาอ่อนเกินไป

“ในเผ่ากู่ของพวกเรา จะมีแมลงขนาดเล็กชนิดหนึ่งอยู่ แมลงเหล่านี้เป็นสัตว์สังคมที่มีราชาและราชินีของตัวเอง และเจ้าแมลงพวกนี้ก็มีการอาศัยอยู่ทั่วพื้นที่ของเผ่ากู่ และพวกมันถือเป็นผู้พิทักษ์ที่ดีที่สุดของเผ่ากู่ด้วย”

“พวกมันสามารถแยกแยะกลิ่นของคนเผ่ากู่และคนภายนอกได้ แค่เพียงมันพบว่ามีคนนอกแอบลักลอบเข้าไป พวกมันก็จะหลั่งฟีโรโมนบางอย่างออกมา และเมื่อราชาและราชินีของพวกมันได้รับฟีโรโมนเหล่านี้เข้า จากเดิมทีที่มีตัวโปร่งใสก็จะกลายเป็นตัวแดงทันที”

“ที่ฉันมียาอยู่ชนิดหนึ่ง ขอเพียงแค่กินยานี้ลงไป ร่างกายของพวกนายก็จะมีกลิ่นอายแบบเดียวกันกับคนเผ่ากู่ของเรา และก็จะไม่ไปดึงดูดความสนใจของแมลงผู้พิทักษ์อีกด้วย”

หลังจากที่อูหลิงพูดจบ ก็หยิบเอาขวดยาอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง พลางวางลงบนโต๊ะ หลี่ฝางหยิบขวดยาขึ้นมาพร้อมกับเทเม็ดยาที่อยู่ด้านในออกมาสองเม็ด

ยาเม็ดนี้มีขนาดเพียงแค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น มีสีดำขลับ กลิ่นค่อนข้างเหม็น จนดูไม่ออกเลยว่าทำมาจากวัตถุดิบแบบไหน

ทางพวกหลี่ฝางที่มองยาเม็ดเหล่านี้แล้วก็ถึงกับหันไปสบตากันด้วยความงุนงง ไม่กล้าที่ลองกินลงไป

“นี่นาย ยานี้ของนายทำมาจากอะไร ?ดำสนิทขนาดนี้ ทั้งกลิ่นก็ยังโคตรเหม็นมากด้วย นี่คงไม่ได้เอามาหลอกพวกเราเล่นหรอกใช่ไหม ?”

ไขจี๋เออหยิบเม็ดยาขึ้นมาพร้อมถามด้วยใบหน้าที่ไม่มั่นใจ

“ยังไงพวกคุณก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปในเผ่ากู่ได้แล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เลย ถ้าไม่กินก็เอาคืนมา” อูหลิงยังคงแสดงท่าทีโอหังเหมือนเดิม พร้อมกับแย่งยาเม็ดที่อยู่ในมือของไขจี๋เออกลับมา แล้วพูดด้วยความไม่สบอารมณ์

“วางใจเถอะหน่ะ ยาเม็ดนี้ไม่มีผลข้างเคียงอะไร ก่อนหน้านี้ฉันก็มักจะใช้ไอ้นี่เพื่อที่จะเข้าไปในเผ่ากู่เพื่อไปหาเสี่ยวหลิงหลิง ไม่เคยถูกพบตัวเลยสักครั้ง”

เสี่ยวหลินตังที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าพวกของหลี่ฝางไม่มีใครกล้าที่จะกินยาเม็ดนี้ จึงหยิบยาเข้าไปโดยทันที แล้วกลืนลงไปอย่างเฉยเมย

“เสี่ยวหลินตัง เธอ……” กู่ยี่เทียนคิดจะห้ามแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ได้เพียงแต่ใช้สายตาสับสนมองไปยังเสี่ยวหลินตัง

“เสี่ยวหลินตังเป็นถึงคู่แท้ของฉัน ฉันไม่มีทางที่จะทำร้ายเธอเด็ดขาด ถ้าพวกนายไม่เชื่อฉัน งั้นก็ช่างมัน”

อูหลิงดูออกว่าพวกของหลี่ฝางไม่เชื่อใจในตัวเขา จึงปั้นสีหน้านิ่งหยิบเอายาเม็ดนั้นกลับมา

หลี่ฝางถึงกับใจหวิว พร้อมกับจับเอาขวดยาเอาในมือ “กินสิ ใครบอกว่าพวกเราไม่กิน”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท