NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1305 คลุ้งคลั่งในยามดึก

บทที่ 1305 คลุ้งคลั่งในยามดึก

หลังจากที่กินอาหารเสร็จหลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมาหวังจะโทรไปหาพวกฉินวี่เฟย แต่ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย เขาจึงทำได้เพียงต้องเก็บโทรศัพท์กลับลงไปในกระเป๋ากางเกงดังเดิมอย่างเอือมระอา ก่อนจะเอนตัวลงนอนไปบนก้อนหิน พลางเอาหัวหนุนมือทั้งสองเอาไว้มองดูดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

“ดาวที่สวยขนาดนี้ ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว” ในขณะที่มองดูหมู่ดาวที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า หลี่ฝางก็พึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้

และด้วยความที่ไม่มีความบันเทิงอื่นใดอีกแล้ว ทุกคนจึงนอนลงไปบนหินแบบเดียวกับหลี่ฝางในหินก็อนถัดๆ ไปแล้วเหม่อมองดวงดาวบนฟ้า

“หลี่ฝาง ลูกของนายก็คลอดแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะจัดงานแต่งสักที?” กู่ยี่เทียนถามอย่างสงสัย

อันที่จริงหลี่ฝางเองก็กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้ลูกของตัวเองก็คลอดออกมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้จัดงานแต่งให้กับทั้งหยางฉงและฉินวี่เฟยเลย เรื่องนี้คงจะพูดด้วยเหตุผลและความรู้สึกอย่างเดียวไม่ได้

งานแต่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องจัด แต่จะทำอย่างไรก็กลับเป็นอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมา

ทั้งตระกูลหยางและตระกูลฉินล้วนนับว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าการแต่งงานของฉินวี่เฟยและหยางฉงจะต้องดึงดูดความสนใจจากสื่อต่างๆ

ซึ่งหากปล่อยให้คนอื่นรู้ว่าพวกเธอสองคนแต่งงานกับผู้ชายคนเดียว คาดว่าคงจะเกิดข่าวซุบซิบนินทาในสังคมแน่นอน แต่หลี่ฝางไม่ได้อยากให้ฉินวี่เฟยและหยางฉงต้องได้รับผลกระทบจากคำพูดไร้สาระพวกนี้

“เห้อ ฉันเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงดีแล้ว งานแต่งของฉันกับฉินวี่เฟยและหยางฉง เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นจุดสนใจแน่นอน นายเองก็รู้ดีว่าพวกนักเลงคีย์บอร์ดวันๆเอาแต่แซะเรื่องคนอื่นทั้งที่ไม่รู้เรื่องจริงเท็จอะไรเลย ฉันกลัวว่าถึงนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นโดยไม่จำเป็น”

เมื่อคิดถึงเรื่องการจัดงานแต่ง หลี่ฝางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาถอนหายใจอย่างหนัก บนใบหน้าเผยให้เห็นความเศร้าหมองที่ปรากฏขึ้นมา

“อะไรนะ?หลี่ฝางนี่คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงสองคนงั้นหรอ?แม่เจ้า!คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเจ้าชู้ขนาดนี้!”

เสี่ยวหลินตังที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง ก็ถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจากความตกใจ

หลี่ฝางที่เดิมทีอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลินตังสีหน้าของเขาก็ยิ่งหมองลงไปอีกจนสุดขีด เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับฉินวี่เฟยและหยางฉงจะต้องเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากยอมรับไม่ได้ แต่ในตอนที่ถูกคนอื่นด่าว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ในใจของเขาราวกับมีหอกแหลมคมอันหนึ่งแทงเอาไว้แล้วมีหอกอีกอันหนึ่งแทงซ้ำเข้าไปอีก ทั้งเจ็บปวดทั้งโมโห

“อะแฮ่ม เสี่ยวหลินตัง เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดหรอกนะ เธออย่าพูดอีกเลยนะ” เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของหลี่ฝางหมองลงอย่างกะทันหัน กู่ยี่เทียนก็รีบดึงตัว เสี่ยวหลินตังลงมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะหันไปพูดขอโทษกับหลี่ฝาง

“เหล้าหลี่ เสี่ยวหลินตังเธออายุยังน้อย ยังไม่รู้ความ พูดจาตรงไปตรงมา นายอย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ”

ผ่านไปสักพัก หลี่ฝางถึงค่อยถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วสะกดความเดือดดาลที่อยู่ในใจเอาไว้

“เอ่อ ฉันว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนรีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้เดินทางกันต่อ”

ในสถานการณ์แบบนี้ บทสนทนานี้ไม่สามารถที่จะพูดคุยกันต่อไปได้อีกแล้ว กู่ยี่เทียนจึงรีบหาข้ออ้างแล้วผลักหลี่ฝางให้เข้าไปในเต็นท์

ด้วยความที่เต็นท์มีจำนวนจำกัด ผู้ชายอย่างพวกเขาจึงต้องแบ่งเป็นสองคนต่อหนึ่งเต็นท์ หลี่ฝางกับกู่ยี่เทียนพักอยู่ด้วยกัน สองพี่น้องไขจี๋เออก็อยู่ด้วยกันในเต็นท์อีกอันหนึ่งในขณะที่ส้าวส้วยได้อยู่ร่วมเต็นท์เดียวกันกับอูหลิงอย่างจำใจ ส่วนเสี่ยวหลินตังเพราะว่าเป็นผู้หญิง จึงได้พักในเต็นท์ของตัวเองเพียงคนเดียว

และเนื่องจากอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ ดังนั้นในตอนกลางคืนจึงต้องมีคนมาคอยเฝ้ายาม พวกหลี่ฝางได้มีการตกลงกันเอาไว้แล้วว่านอกจากเสี่ยวหลินตังที่ไม่ต้องเฝ้ายามแล้ว พวกเขาที่เป็นผู้ชายจะยึดหลักผลักกันเฝ้ายามไปเรื่อยๆ ในทุกครึ่งชั่วโมงต่อหนึ่งคน

สองพี่น้องไขจี๋เออ และส้าวส้วยได้รับผิดชอบส่วนของช่วงก่อนเที่ยงคืน ส่วนหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนและอูหลิงรับผิดชอบช่วงหลังเที่ยงคืน

ในตอนกลางดึก กู่ยี่เทียนที่กำลังนอนหลับสนิท จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาเห็นหลี่ฝางที่อยู่ด้านข้างๆ กำลังถือมีดคมเล่มหนึ่งชี้มายังหน้าอกของเขา

สถานการณ์ที่กะทันหันนี้ทำเอาเขาตกใจจนขนลุกไปหมด พร้อมกับรีบตลบตัวไปอีกทาง หลบหลีกจากการโจมตีอันรุนแรงนั้น

ถึงแม้ว่ามีดนั้นจะไม่ได้ทำร้ายโดนจุดสำคัญของกู่ยี่เทียน แต่ก็ยังบาดโดนแขนของเขาจนกลายเป็นแผลใหญ่ จนมีเลือดสดไหลออกมา

ถึงแม้ว่าจะเจ็บแผลอย่างมาก แต่ตอนนี้กู่ยี่เทียนกลับไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว พลางใช้มือข้างหนึ่งกุมแผลเอาไว้ในขณะที่วิ่งหนีออกจากเต็นท์ไป พร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย!หลี่ฝางคลั่งแล้ว!”

สองพี่น้องไขจี๋เออที่กำลังเฝ้ายามอยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้เห็นร่างของหลี่ฝางที่เต็มไปด้วยไอสังหารก็ถึงกลับกลืนน้ำลายลงคออย่างหนัก

“หัวหน้ากู่ นี่ลูกพี่ของพวกเราเป็นอะไรไป ?ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้?”

ไขจี๋เออประคองกู่ยี่เทียนที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมถาม

“ไม่มีเวลาอธิบายกับพวกนายแล้ว แต่พวกนายจะต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่งคือหลี่ฝางในตอนนี้ไม่ใช่ลูกพี่ของพวกนายอีกแล้ว ในร่างของเขามีวิญญาณอีกตัวหลบซ่อนอยู่”

เลือดสดบนแขนยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าพลังในตอนนี้อ่อนแอเกินไปหรือเปล่า แต่จู่ๆ กู่ยี่เทียนก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว ก่อนที่จะโซเซแล้วล้มลงไปกับพื้น

“พี่กู่ยี่เทียน !” เสี่ยวหลินตังที่กำลังเดินออกมาจากเต็นท์ เห็นว่ากู่ยี่เทียนได้รับบาดเจ็บ ก็รีบร้อนวิ่งไปยังข้างกายกู่ยี่เทียน แล้วมองเขาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก

ทางด้านอูหลิงที่ได้เห็นท่าทีกังวลใจนี้ของ เสี่ยวหลินตัง ภายในใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขาอยากที่จะเดินเข้าไปแยกเสี่ยวหลินตัง ออกจากตัวกู่ยี่เทียน แต่สติได้เอาชนะความใจร้อนภายในใจของเขาเสียก่อน จึงทำให้เขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับตัวไปไหน

“หลี่ฝาง!นายตั้งสติหน่อย!” ส้าวส้วยเดินไปหาหลี่ฝาง หวังจะแย่งมีดที่อยู่ในมือของเขาออกมา พร้อมกับลองเรียกสติของหลี่ฝางไปด้วย แต่มันกลับไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย

หลี่ฝางที่ในตอนนี้ได้ถูกเทพอ้านครอบงำไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีความปรานีใดๆ ให้กับพวกของส้าวส้วย ทั้งยังเกิดการปะทะกับส้าวส้วยขึ้นมาอีกด้วย และในทุกๆ การโจมตีล้วนเป็นท่าพิฆาตทั้งนั้น

ทั้งสองคนต่อสู้กันจนผ่านไปแล้วเกือบร้อยกระบวนท่าแล้ว แต่แล้วส้าวส้วยก็ยังเทียบกับเทพอ้านไม่ได้ ในขณะที่มีดกำลังจะปาดลงบนคอของส้าวส้วย จู่ๆ ก็มีหินก้อนหนึ่งบินเข้ามากกระทบลงบนมีดนั้น จนทำให้ใบมีดที่กำลังพุ่งตรงไปข้างหน้าเกิดการหันเห และเพราะเหตุนี้ส้าวส้วยถึงได้รอดพ้นจากอันตรายนั้น

ส้าวส้วยที่สามารถหลบนี้ออกมาจากเงื้อมมือของเทพอ้านรีบทิ้งห่างระยะของทั้งสองทันที ในขณะที่ส้าวส้วยกำลังนั่งชันเข่าพร้อมหายใจหอบอยู่นั้น สายตาก็จ้องมองไปยังหลี่ฝางอย่างไม่ลดละ หวังพักสักพักก่อนจะเข้าไปโจมตีอีกครั้ง

“พักก่อน เดี๋ยวผมจัดการเอง” และในตอนที่ส้าวส้วยกำลังเตรียมจะเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง อูหลิงที่เพิ่งช่วยชีวิตเขาเมื่อสักครู่นี้ก็ยื่นมือออกมาห้ามเขาเอาไว้ พลางมองไปยังหลี่ฝางด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“เอายาถอนพิษออกมา!” หลี่ฝางมองอูหลิง พูดด้วยเสียงที่เฉียบขาด ก่อนหน้านี้เทพอ้านถูกหลี่ฝางสะกดเอาไว้ในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมร่างได้ แต่กลับสามารถรับรู้และเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง

เขารู้ว่าหลี่ฝางต้องการไปที่เผ่ากู่เพื่อที่จะต่อกรกับตัวเอง และเขาก็รู้ด้วยว่าพลังของหลี่ฝางในตอนนี้ได้ถูกอูหลิงสะกดเอาไว้แล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท