NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1307 คืนสภาพ

บทที่ 1307 คืนสภาพ

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างก็นับว่าเกือบกลับมาเป็นปกติสักที

ส้าวส้วยหันไปมองอูหลิงที่หลับตาลงไปแล้ว หวังจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เมื่อครุ่นคิดไปมาสุดท้ายก็ไม่ได้อ้าปากพูดออกมา

“สิ่งที่อยู่ร่างของหลี่ฝางนั้นเป็นปัญหาอย่างมาก ตอนนี้ผมทำได้เพียงสะกดเขาเอาไว้ได้สักพักเท่านั้น หากต้องการที่จะกำจัดเขาให้สิ้นซาก จำเป็นต้องเชิญให้เซียนผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าเราออกโรงช่วยเหลือ”

ส้าวส้วยที่เพิ่งล้มตัวนอนลงไป กำลังเตรียมจะหลับตานอน จู่ๆ ภายในเต็นท์ก็มีเสียงของอูหลิงดังขึ้นมา

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อูหลิงเป็นเริ่มพูดกับส้าวส้วย ตอนแรกส้าวส้วยยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ผ่านไปสักพักเขาถึงจะตอบกลับ

“ฉันรู้ว่านายไม่ได้มีความแค้นกับพวกเรา เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต้องขอบใจที่นายเข้ามาช่วยเหลือ ฉันว่านายก็คงจะรู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่ร่างของหลี่ฝางคืออะไร ถ้าเกิดว่าปล่อยให้เขาได้ครอบครองร่างของหลี่ฝางโดยสมบูรณ์ อย่างนั้นก็คงจะกลายเป็นหายนะต่อโลกนี้ทันที”

“ดังนั้นฉันอยากขอให้นายช่วยพวกเราอีกครั้ง รอให้ถึงดินแดนของเผ่ากู่แล้ว ยังหวังว่านายจะยังช่วยออกหน้าช่วยพวกเชิญเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของพวกนายออกมา”

ส้าวส้วยเป็นคนที่ทั้งการพูดและการกระทำนั้นล้วนอยู่ในความเหมาะสม ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกถึงความไม่สบายใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้นอูหลิงก็แสยะเสียงเย็นชาออกมา ด้วยท่าทีที่ดีกว่าก่อนหน้านี้

“คุณวางใจเถอะ ต่อให้ผมจะไม่สนใจความเป็นความตายของพวกคุณ แต่ผมไม่สนใจคนในเผ่าของผมไม่ได้”

เมื่อมีคำพูดนี้ของ อูหลิง ใจของส้าวส้วยก็พอที่จะสงบลงมาได้เสียหน่อย อันที่จริงเขารู้แต่แรกอยู่แล้วว่าอูหลิง ยืนอยู่ข้างพวกเขา ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางมาที่โรงแรมแน่นอน

อีกอย่างเรื่องในคืนนี้ อูหลิงเอาตัวเองไปเผชิญหน้ากับเทพอ้านโดยตรงอีก ถ้าหากเขาไม่ช่วยหลี่ฝาง ในวันข้างหน้าเทพอ้านจะต้องกลับมาก็แค้นเผ่ากู่ของเขาแน่นอน

“ขอบใจนายมากนะ” ส้าวส้วยที่ไม่รู้ว่าจะแสดงความตื้นตันใจที่ตัวเองมีต่ออูหลิง ได้รวบรวมความรู้สึกทั้งหมดเป็นคำขอบคุณออกมา

“เอาเถอะๆ คุณไม่ต้องมาพูดจาเกรงใจกันแบบนี้กับผมหรอก เพราะผมเองก็ทำเพียงเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเท่านั้น”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดขอบคุณของส้าวส้วย หน้าของอูหลิงก็รู้สึกร้อนแผ่ว ด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาโบกมือขึ้นทำทีไม่สนใจ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกแล้วหลับตาลง

ด้านส้าวส้วยเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบตื๊อ เมื่อเห็นว่าเขานอนหลับไปแล้ว ตัวเองจึงกลับตัวไปอีกทาง ทั้งสองหันหลังใส่กันแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา

ในเช้าของวันถัดมา เพราะเสียงนกร้องทำให้หลี่ฝางสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาตบหัวตัวเองที่กำลังสะลึมสะลือเบาๆ จนผ่านไปสักพักกว่าจะตั้งสติได้

“เห้ย ตอนนี้นายคือหลี่ฝางหรือว่าเทพอ้านไอ้คนตายยากคนนั้น ?” และในตอนนั้นเอง กู่ยี่เทียนที่เปิดเต็นท์เข้ามาแล้วได้เห็นว่าหลี่ฝางได้ลุกขึ้นมานั่งแล้ว ก็แสดงสีหน้าระมัดระวังพร้อมกับโยนหินเล็กก้อนหนึ่งใส่เขา

เมื่อเห็นท่าทีระมัดระวังตัวของกู่ยี่เทียน หลี่ฝางถึงกับหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้ “นี่นายกลายเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู่ยี่เทียนถึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาหลี่ฝาง พร้อมตบลงบนหลังของเขาอย่างเสียอารมณ์

“นายจะไปรู้อะไร!เมื่อคืนนี้ฉันเกือบจะต้องตายด้วยมือนายแล้ว!นายดูสิแผลบนแขนนี่เป็นฝีมือของนาย”

กู่ยี่เทียนเลิกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นอย่างไม่พอใจ แล้วยื่นแขนที่พันแผลเอาไปตรงหน้าของหลี่ฝาง

เมื่อเห้นว่าบนแขนของเขาในตอนนี้ยังมีคราบเลือดสีแดงซึมอยู่บนผ้าพันแผล ในใจของหลี่ฝางก็รู้สึกผิดขึ้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะจำไม่ได้เลย แต่เพราะในตอนนั้นร่างกายได้ถูกเทพอ้านครอบงำไปแล้ว เขาจึงได้เพียงแต่ร้อนรนใจเท่านั้น

“ขอโทษนะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนั้น”

“เอาเถอะ ฉันรู้ว่าไม่ใช่ฝีมือนายเป็นคนทำ นายเองก็อย่าได้ใส่ใจเลย ผู้ชายอกสามศอกอย่างฉัน แผลแค่นี้จะเป็นอะไรไปได้ ส่วนนายก็จัดระเบียบตัวเองสักหน่อยแล้วกินอะไรหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวพวกเราจะต้องเดินทางต่อแล้ว”

กู่ยี่เทียนไม่ได้คิดจะโทษอะไรหลี่ฝางอยู่แล้ว ยังไงซะเขาก็รู้ดีว่าคนที่ต้องการฆ่าตัวเขาเมื่อคืนนี้คือเทพอ้านไม่ใช่หลี่ฝาง เขาตบไหล่ของหลี่ฝาง พร้อมกับหยิบเอาขนมปังแผ่นถุงหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังของตัวเองแล้วออกจากเต็นท์ไป

เมื่อมองดูแผ่นหลังอันสง่าของกู่ยี่เทียนแล้ว หลี่ฝางก็ยิ้มพลางสะบัดหน้า ก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกออกจากที่นอน

“ลูกพี่!ตื่นแล้วหรอ?รู้สึกยังไงบ้างครับ?” ไขจี๋เออที่กำลังก่อไฟต้มน้ำ เห็นหลี่ฝางเดินออกมาจากเต็นท์ก็รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วถามด้วยใบหน้าเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรแล้วหล่ะ ไม่ต้องกังวล” ในตอนที่อยู่ต่อหน้ารุ่นน้องที่ทั้งมีความสามารถสติปัญญาและเชื่อฟัง ท่าทีของหลี่ฝางที่มีต่อเขาก็ดูดีกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย

และเมื่อได้ยินหลี่ฝางบอกว่าไม่เป็นไร ความตระหนกในใจของ ไขจี๋เออก็สงบลง “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ผมต้มน้ำร้อนเอาไว้แล้ว ลูกพี่รีบไปล้างหน้าทำความสะอาดสักหน่อยเถอะครับ”

หลังจากที่พูดจบ ไขจี๋เออก็หันหลังกลับไปทำงานต่อ ซึ่งในตอนที่หลี่ฝางกำลังล้างหน้าทำความสะอาดอยู่นั้น ทุกคนที่ออกไปหาอาหารก็พากันหลับมายังที่ตั้งแคมป์

ส้าวส้วยกับอูหลิงในมือของทั้งสองถือปลาไว้คนละสองสามตัว ทางด้านกู่ยี่เทียนกับ เสี่ยวหลินตังก็ถือผลไม้ป่าสดๆ เอาไว้ ส่วนไขบู๊เกอก็เก็บเอาไม้แห้งกลับมา

หลังจากที่กลับมาพวกเขาได้พูดคุยทักทายกับหลี่ฝางอยู่ครู่หนึ่งเสียก่อน จากนั้นก็พากันไปจัดเตรียมอาหารเช้า

ต้องบอกเลยว่าฝีมือของกู่ยี่เทียนและส้าวส้วยนั้นสุดยอดอย่างมาก เพียงไม่นานปลาหลายถูกที่นำกลับมาก็ถูกจัดการจนสะอาดเรียบร้อย ก่อนจะเสียบลงไปบนกิ่งไม้แหลมที่ถูกลอกเปลือกทิ้งไปแล้ว จากนั้นก็นำไปย่างบนกองไฟ

ผ่านไปเพียงไม่นานนักกลิ่นหอมก็โฉยออกมาเตะจมูก ทำเอาทุกคนถึงกับต้องกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ยิ่งโดยเฉพาะเสี่ยวหลินตัง ทั้งที่ปลายังย่างได้ไม่ทันสุก เธอก็รอไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไป แต่กลับถูกกู่ยี่เทียนที่อยู่ข้างๆ ห้ามเอาไว้เสียก่อน

“เจ้าแมวขโมย ปลานี่ยังย่างไม่ทันสุกเลย ระวังกินไปแล้วจะท้องเสียนะ” กู่ยี่เทียนมองเสี่ยวหลินตังที่ดวงตาทั้งสองกำลังส่องประกายก็หัวเราะต่อว่าออกมา

เสี่ยวหลินตังทำปากมุ่ย พลางลูบมือของตัวเองที่ถูกตีอย่างน้อยอกน้อยใจ “ก็คนมันหิวนี่ คนอายุนี้เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต เทียบกับลุงๆ อย่างพวกคุณแล้วกระเพาะก็ย่อยเร็วมากด้วย”

เมื่อเห็นท่าทีทำตัวเป็นเด็กสาวของเธอ กู่ยี่เทียนถึงกับยิ้มพลางส่ายหน้า ก่อนจะหยิบเอาผลไม้ป่าสองลูกและขนมปังแผ่นส่งให้กับเสี่ยวหลินตัง

“รุ้ว่าเธอหิว เธอกินพวกนี้รองท้องไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวถ้าเสร็จแล้วจะให้เธอกินคนแรกเลย”

ถึงแม้เสี่ยวหลินตังจะยังอยากกินปลาย่าง แต่เมื่อคิดแล้วยังไงก็กินเนื้อดิบไม่ได้ จึงได้เพียงรับเอาผลไม้ป่าและขนมแผ่นในมือของกู่ยี่เทียนเอาไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น ก่อนจะกินด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจ

จนผ่านไปอีกสักพัก ในที่สุดปลาก็ย่างเสร็จเสียที เมื่อลองดมกลิ่นปลาย่างที่หอมตลบอบอวล พวกหลี่ฝางก็พากันกินปลาคนละตัวอย่างอเร็ดอร่อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท