NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1308 มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่จะเอาชนะตัวเองได้

บทที่ 1308 มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่จะเอาชนะตัวเองได้

หลังจากที่กินอิ่มดื่มอิ่มแล้วพวกเขาต่างพักผ่อนกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกลุ่มพวกเขาถึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเผ่ากู่อีกครั้ง และหลังจากที่พยายามเปิดทางอยู่นาน พวกของหลี่ฝางต่างก็รู้สึกว่าแขนของตัวเองชาไปหมดแล้ว ทว่าขวากหนามที่อยู่ตรงหน้าก็ยังไม่ถึงที่สิ้นสุดสักที

“นี่!ลูกพี่ ผมไม่ไหวแล้ว พวกเรานั่งพักกันสักหน่อยเถอะ !” ไขจี๋เออทรุดตัวลงไปกับพื้น หายใจหอบหนักอย่างหมดสภาพ

หลี่ฝางถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทรุดตัวลงนั่งแบบเดียวกับไขจี๋เออ แต่ก็รู้สึกเหนื่อยจนไม่สามารถตั้งหลังตรงได้แล้วเหมือนกัน พอก็มลงไปดูเวลา ปรากฏว่ายังไม่ทันได้รู้ตัวตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงเสียแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยที่ท้องของเขาจะหิว

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะบ่ายสองโมงแล้ว พวกเราพักกันสักห่อยก่อนเถอะ” หลังจากพูดจบ หลี่ฝางก็วางมีดในมือลงไปปักกับพื้น จากนั้นทุกคนก็นั่งลงกินอาหารแห้งพลางพูดคุยเรื่องต่างๆ เพื่อแก้เบื่อ

“อูหลิง เรื่องเมื่อคืนนี้ต้องขอบใจนายมากๆ”

หลี่ฝางเป็นคนที่ทำอะไรมักจะตอบแทนสิ่งที่ได้รับมาตลอด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ท่าทีของอูหลิงที่มีต่อเขาจะไม่ได้ดีมากนัก แต่ว่าเมื่อคืนนี้โชคดีที่มีเขาอยู่ ถึงได้สามารถสะกดเทพอ้านที่อยู่ร่างของเขากลับไปได้อีกครั้ง ฉะนั้นเรื่องที่ควรจะกล่าวขอบคุณก็ควรที่จะขอบคุณ

อูหลิงที่กำลังนั่งกินบิสกิต เงยหน้าขึ้นมองหลี่ฝาง ก่อนจะตอบ” อืม” เพียงคำเดียวเป็นการตอบรับ

ถึงแม้ว่าท่าทีของเขาจะเย็นชาเอามากๆ แต่หลี่ฝางกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาเองก็ไม่เป็นคนที่ไร้เหตุผล อีกทั้งเขายังรู้สึกขอบคุณมากด้วยที่ก่อนหน้านี้อูหลิงได้สะกดพลังความสามารถของตัวเองเอาไว้ด้วย ถ้าหากไม่ทำอย่างนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคงยากที่จะคาดเดาได้

“อูหลิง เผ่ากู่น่าจะมีวิธีการที่สามารถกำจัดพลังกลืนในร่างของฉันออกไปได้ใช่ไหม ?เพราะว่ามีเทพอ้านอยู่ พลังกลืนที่อยู่ในตัวฉันเลยค่อยๆ คืบบคลานเข้าสู่หัวใจแล้ว แบบนี้ยิ่งนานเข้าฉันก็เลยยิ่งไม่สามารถควบคุมเทพอ้านได้”

“ฉันเดาไว้ว่า ถ้าหากพลังกลืนนี้ยิ่งเข้าใกล้หัวใจมากเท่าไหร่ อย่างนั้นเทพอ้านก็จะยิ่งมีพลังในการควบคุมร่างกายของฉันมากยิ่งขึ้นไปด้วย ถ้าหากว่าฉันความสามารถมากพอที่จะกำจัดพลังกลืนออกไป แบบนั้นการจะทำให้เทพอ้านสาบสูญไปก็คงจะไม่ใช่ปัญหาด้วยแล้วสินะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลี่ฝาง ท่าทางของ อูหลิงก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา เขาวางบิสกิตบิสกิต ในมือลง แล้วหันมาสบตาตอบคำถามของหลี่ฝาง

“ถึงแม้การคาดเดาของคุณจะไม่ผิด แต่ว่าด้วยความสามารถของผมในตอนนี้ กลับไม่มีความสามารถมากพอที่จะกำจัดพลังกลืนในร่างของคุณออกไปได้ ผงขาวที่ผมนำออกมาใช้เมื่อคืนนั้นที่จริงแล้วคือ ผงกระดูกกวางทิพย์”

“กวางทิพย์เป็นสัตว์วิเศษของเผ่ากู่เรา ในหนึ่งร้อยปีถึงจะปรากฏตัวหนึ่งครั้ง ผงกระดูกกวางทิพย์เองจึงถือเป็นของที่หายาก เพราะจำเป็นต้องใช้กระดูกซี่โครงอันดับที่สามของกวางทิพย์ ผสมกับยาสมุนไพรหายากห้าสิบเก็าชนิด และใช้เวลาบ่มถึงสี่สิบเก้าวันถึงจะได้”

“กวางทิพย์หนึ่งตัวสามารถทำกระดูกป่นได้เพียงสิบกรัมเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ในเผ่ากู่กลับมีไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัม และหน้าที่หลักของกระดูกป่นคือการยับยั้งวิญญาณชั่วร้าย หากสิ่งชั่วร้ายเผชิญหน้ากับมันก็จะสลายหายไปทันที”

ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับตะลึงงัน เดิมทีพวกเขาคิดว่าของที่อูหลิงโปรยออกไปนั้นเป็นเพียงผงธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าผงนี่จะมีที่มาที่ไปขนาดนี้ แถมยังหายากขนาดนี้อีกด้วย

ทว่าหลังจากที่ตกตะลึงไป ใบหน้าของพวกเขากลับแสดงท่าทีดีใจออกมา ในเมื่อผงกระดูกป่นนี้มีประโยชน์ขนาดนี้ อย่างนั้นก็แสดงว่ามันสามารถที่จะกำจัดพลังกลืนและเทพอ้านที่อยู่ในร่างของหลี่ฝางออกไปได้อย่างง่ายดายแล้วไม่ใช่หรือไง ?

อูหลิงที่เห็นสีหน้าของพวกเขาก็มองออกความคิดของพวกเขาแล้ว จึงถอนหายใจออกมาแล้วพูดต่อ

“แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นผงกระดูกกวางทิพย์ มันก็สามารถทำได้เพียงสะกดพลังกลืนเอาไว้ได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น กลับไม่สามารถที่จะกำจัดมันออกไป หากว่าต้องการที่จะกำจัดพลังกลืนที่อยู่ในร่างกายของคุณออกไป อย่างนั้นเราจำเป็นต้องล่ากวางทิพย์เป็นๆ”

“เพื่อคั้นเลือดสดๆ ของมัน ผสมกับสมุนไพรหายากอีกแปดสิบเอ็ดชนิด จากนั้นก็ต้องนอนแช่อยู่ในนั้นเป็นเวลาสามวันสามคืนติดต่อกัน แบบนี้ถึงจะสามารถชะล้างพลังกลืนที่อยู่ในร่างของคุณออกปจนหมด แต่สิ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้เลยก็คือ หนึ่งร้อยปีถึงจะได้พบกับกวางทิพย์ครั้งหนึ่ง และยาสมุนไพรแปดสิบเอ็ดชนิดนั้นก็ยิ่งยากในการรวบรวม ถึงต่อให้จะรวบรวมของพวกนี้ได้ครบแล้ว แต่คงจะยากที่คุณจะสามารถทนรับความเจ็บปวดจากการล้างพิษ”

“ดังนั้น ผมอยากขอเตือนพวกคุณเอาไว้ก่อนเลยว่าอย่าได้หวังเอาไว้ให้มากนัก อีกอย่างผมจะบอกเอาไว้ชัดเจนไว้ก่อนเลยว่าถ้าหากไม่สามารถที่จะกำจัดเทพอ้านที่อยู่ในร่างของหลี่ฝางได้ งั้นผมจะเป็นคนที่จะฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง”

ประโยคสุดท้ายอูหลิงพูดออกมาอย่างจริงจังมากๆ พอหันไปเห็นสายตาของหลี่ฝางเองก็ฉายแววจิตสังหารออกมาเหมือนกัน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจึงนิ่งเงียบทันที แสงแห่งความหวังที่เพิ่งจะประกายขึ้นมาถูกดับลงไปในพริบตา

“อย่างน้อยก็ยังมีหวัง ไม่ใช่หรือไง ?ไม่ว่าวิธีการจะยากขนาดไหน ขอเพียงยังพอมีความเป็นไปได้ ฉันเต็มใจที่จะลิ้มลอง ถ้าเกิดว่าจนหนทางแล้วจริงๆ ไม่จำเป็นต้องให้พวกนายลงมือ ฉันจะเป็นคนจบชีวิตตัวเองเอง”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ฝางถึงค่อยพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ

“ใช่!พวกเรายังเดินไปไม่ถึงทางตันเลย ไม่ควรที่จะล้มเลิกง่ายๆ แบบนี้เด็ดขาด !” กู่ยี่เทียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอบโต้หลี่ฝางอย่างกระตือรือร้น พร้อมตบไหล่ของเขาอย่างแรง “สหาย นายวางใจได้เลย ฉันไม่มีทางปล่อยให้นายตายง่ายๆ แบบนี้เด็ดขาด !”

“หัวหน้ากู่พูดถูกแล้วครับ !ลูกพี่!วางใจเถอะ!พวกเราสองพี่น้องต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะต้องรวบรวมกวางทิพย์อะไรนั่นกับยาสมุนไพรแปดสิบเอ็ดชนิดมาให้ได้!”

คำพูดของกู่ยี่เทียนได้กระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของทุกคนอีกครั้ง ไขจี๋เออโผงผางลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วสะบัดมีดที่อยู่ในมือเพื่อเปิดทางต่อ

หลี่ฝางมองดูพวกเขาในใจก็เกิดความตื้นตันใจอย่างมาก การที่ทั้งชีวิตนี้จะได้เจอกับกลุ่มมิตรสหายที่พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟไปด้วยกันนั้นถือเป็นเรื่องที่หายากมากๆ

“วางใจเถอะ ทุกอย่างจะไม่เป็นไร” ส้าวส้วยสะบัดฝุ่นที่อยู่บนร่างของตัวเอง แล้วพูดกับหลี่ฝางอย่างหนักแน่น

“อืม ฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะต้องยืนอยู่ข้างเดียวกับฉัน” หลี่ฝางพยักหน้าอย่างหนัก ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเอาบิสกิต ชิ้นสุดท้ายใส่ลงไปในปาก จากนั้นก็เข้าร่วมกองทัพเปิดทาง

“เป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นแก่ชีวิตซะจริง!” เมื่อมองดูพวกหลี่ฝางที่ดูเหมือนจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น อูหลิงถึงกับแสดงสีหน้าสับสนออกมา

สำหรับเขาแล้วความเป็นไปได้ในการรักษาหลี่ฝางนั้นแทบจะเป็นศูนย์เลย การที่เขาต้องสะกดพลังของพวกหลี่ฝางเอาไว้ อย่างแรกคือเพื่อยับยั้งไม่ให้หลี่ฝางเกิดอาการคลั่ง ส่วนอย่างที่สองก็คือหากหลี่ฝางถูกเทพอ้านครอบงำแล้วตัวเองจะได้ฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนพวกนั้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว กลับยังไม่ทิ้งโอกาสที่จะช่วยหลี่ฝางอีกทั้งความมั่นใจยังเพิ่มมากกว่าก่อนหน้านี้ด้วย

“พวกเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ ยิ่งยากแค่ไหนพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น ในสายตาของพวกเขาแล้วคนที่จะสามารถฆ่าพวกเขาได้ก็เพียงตัวของพวกเขาเองเท่านั้น” เสี่ยวหลินตังจ้องมองพวกหลี่ฝางแล้วพูดออกมาด้วยรอยิ้มจางๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท