NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1311 การสารภาพรักที่ล้มเหลว

บทที่ 1311 การสารภาพรักที่ล้มเหลว

ถ้าคราวนี้กู่ยี่เทียนสามารถอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจได้ จะถือเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขา

แม้ว่าเขาจะไม่เหมือนเสี่ยวหลินตัง ที่เสียใจเพราะเรื่องของกู่ยี่เทียน แต่เขาก็ไม่อยากให้ในสายตาของคนที่ตัวเองชอบมีแต่คนอื่น

สุดท้าย อูหลิง ก็เลือกที่จะเงียบและเห็นแก่ตัวสักครั้งหนึ่ง

“พี่กู่ยี่เทียนจะพูดอะไรกับฉันหรือ” เสี่ยวหลินตัง มองหน้ากู่ยี่เทียนที่พยายามหลบเลี่ยงคนอื่นออกมาแล้วถามอย่างประหม่า

อันที่จริงเรื่องของเผ่ากู่คราวนี้ เสี่ยวหลินตังเป็นคนขออนุญาตพ่อของตนมาที่นี่เอง เพื่อจะได้มาพบหน้าพี่กู่ยี่เทียนที่ตนเฝ้าคิดถึง และวางแผนว่าจะใช้โอกาสนี้ในการสารภาพความในใจต่อกู่ยี่เทียนด้วย

เมื่อเห็นกู่ยี่เทียนทำท่าอ้ำอึ้งเช่นนี้ เสี่ยวหลินตังก็เริ่มจินตนาการขึ้นมาเองว่า เขาต้องการที่จะสารภาพรักกับตนเช่นกันถึงได้ปลีกตัวออกมาคนเดียวเพื่อจะคุยกันตามลำพัง

เมื่อนึกถึงโอกาสที่น่าจะเป็นไปได้ ใบหน้าของเสี่ยวหลินตัง ก็แดงระเรื่อ ดวงตาของเธอวิบไหวไม่กล้าสบตากับกู่ยี่เทียน

กู่ยี่เทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากว่า

“เอ่อ เสี่ยวหลินตัง คือเธอ……”

“พี่กู่ยี่เทียนมองออกด้วยหรือ ฉันก็นึกว่าฉันเก็บอาการได้ดีแล้วเชียว” ไม่ทันรอให้เขากล่าวจบ เสี่ยวหลินตังก็เอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นพี่กู่ยี่เทียน ฉันก็ชอบพี่ทันที ฉันรู้ดีว่าเราทั้งสองคนอายุแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ฉันไม่ถือ ฉันคิดว่าเราสองคนเพียงชอบพอกันก็เพียงพอแล้ว”

เดิมทีกู่ยี่เทียนคิดจะค่อยๆ เริ่มต้นอธิบายเรื่องนี้ ใครเลยจะคิดว่าเสี่ยวหลินตัง จะไม่ทันรอให้ตนพูดจบแล้วสารภาพออกมาดื้อๆ

นี่เองทำให้กู่ยี่เทียนที่เตรียมคำพูดมามากมายลืมคำพูดไปหมดสิ้น เขาอ้าปากค้างอยู่นาน แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

“ฉัน ฉันรู้ดีว่าสตรีควรสงวนท่าทีบ้าง แต่ฉันชอบพี่กู่ยี่เทียนมาก ได้โปรดคบหากับฉันเถอะ”

เสี่ยวหลินตังหูแดงก่ำ แม้ว่าเธอจะอายจนแทบจะเอาหัวหมุดดินราวนกกระจอกเทศ แต่เธอก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจ

ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ต้องกล่าวความในใจออกไปให้หมด

กู่ยี่เทียนยังไม่ตกผลึกเรื่องที่เสี่ยวหลินตัง สารภาพรักกับตน การขอคบกันครั้งนี้ทำให้เขานิ่งงัน

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าดรุณีน้อยอย่างเสี่ยวหลินตังจะพูดจาตรงไปตรงมาอย่างนี้ เหตุน่าจะมาจากช่วงวัยที่ต่างกันกระมัง

“คือว่า…… เสี่ยวหลินตัง พี่รู้สึกว่าเรื่องความชอบ เธอควรจะคิดทบทวนดูให้มากๆ เธอพบพี่ตอนยังเด็ก โดยแท้จริงแล้วเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือความรัก พี่คิดว่าเธอคงเอาความใส่ใจของพี่มองเป็นความรักไป เธอคิดไปเองว่าเธอรักพี่ แต่อันที่จริงแล้วอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น”

หลังจากชะงักงัน กู่ยี่เทียนต้องใช้พลังมากมายในการรวบรวมคำพูด เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นชัดเจนเพียงพอ แต่เสี่ยวหลินตัง ก็ยังไม่เข้าใจในความหมายของเขา

“ฉันครุ่นคิดอย่างดีแล้ว พี่กู่ยี่เทียน ฉันชอบพี่จริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะการดูแลอย่างพี่ชาย ครั้งนี้ที่ฉันขอเป็นตัวแทนของพ่อมาทำหน้าที่สืบข่าว ก็เพียงเพื่อที่จะได้พบพี่”

เสี่ยวหลินตังส่ายหน้าเบาๆ แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น นอกจากเธอจะไม่เข้าใจนัยปฏิเสธในคำพูดของกู่ยี่เทียนแล้ว เธอยังเข้าใจผิดไปอีกว่ากู่ยี่เทียนเป็นห่วงที่เธอสารภาพรักออกมาด้วยความใจร้อน

เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นท่าทางจริงจังของเสี่ยวหลินตัง เขาพลันรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง เขาอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่เป็นนานก่อนจะกัดฟันเอ่ยปากออกมา

“เสี่ยวหลินตัง ตลอดมาพี่เห็นเธอเป็นน้องสาว ไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างอื่น ดังนั้นพี่ต้องขอโทษเธอด้วยที่พี่ทำร้ายน้ำใจในความรู้สึกของเธอ”

เสี่ยวหลินตังที่เดิมมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของกู่ยี่เทียน รอยยิ้มที่มีพลันมลายหาย ดวงหน้าน้อยๆ ของเธอซีดเผือดลง แววตาเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

“ไม่ ไม่ใช่แน่ๆ พี่กู่ยี่เทียนต้องกำลังหลอกฉันเล่นแน่ๆ ถ้าพี่ไม่ชอบฉันแล้วทำไมเวลาเจอกันทุกครั้ง พี่ถึงคอยเอาใจฉันตลอด พี่รักฉันใช่ไหม ในใจของพี่ต้องมีฉันแน่ๆ แค่พี่ไม่ยอมรับเท่านั้น”

ความรู้สึกของเสี่ยวหลินตัง แตกสลาย เธอส่ายหน้าพลางก้าวถอยหลัง ตอนนี้ลมปราณที่แท้จริงของร่างกายเธอกำลังปั่นป่วน จึงไม่อาจลอยอยู่เหนือผิวบึงน้ำได้

“ระวัง!” กู่ยี่เทียนเห็นเสี่ยวหลินตังก้าวเท้าถอยหลังลงไปในบึง จึงกล่าวเตือนแล้วเอื้อมมือออกไปสุดปลายนิ้ว

“อ๊าก!” เมื่อ เสี่ยวหลินตัง ตกลงไปในบ่อก็ยิ่งสติเตลิด มือของเธอคว้าสะเปะสะปะ พยายามก้าวออกไปยังบริเวณที่ปลอดภัย

แต่ยิ่งเธอพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่ ร่างกายของเธอก็ยิ่งจมลึก ทำเอาลากกู่ยี่เทียนที่อยู่ด้านข้างตกลงไปด้วย ไม่นานนักขาของคนทั้งสองก็จมมิดลงไปในโคลนสีดำ

“เสี่ยวหลินตัง!”

“กู่ยี่เทียน!”

หลี่ฝางกับพวกที่เดินอยู่ด้านหน้าเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบหันกลับมาหวังจะช่วยเหลือ แต่เมื่อก้าวออกมาได้เพียงครึ่งทาง กู่ยี่เทียนก็ตวาดเตือน

“หยุดเดี๋ยวนี้! อย่าเข้ามา!” เมื่อกู่ยี่เทียนตวาดประโยคนี้ออกไป พื้นโคลนเบื้องหน้าหลี่ฝางและพวกก็เริ่มส่งเสียงแยก

เมื่อเห็นพื้นโคลนบุ๋มลงไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางกับพวกก็รีบก้าวถอยหลัง ถ้ากู่ยี่เทียนไม่เตือนออกมาทันเวลาพอดี พวกเขาทั้งหมดคงตกลงไปในบึงน้ำนั่นด้วยแล้ว

“ฮือออ…… พี่กู่ยี่เทียน ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ……” เมื่อเสี่ยวหลินตังเริ่มควบคุมอารมณ์ได้บ้างก็เกาะแขนขอโทษขอโพยกู่ยี่เทียน ตัวของเธอโงนเงนด้วยความหวาดกลัว

ตอนนี้โคลนดูดพวกเขาลงไปถึงต้นขาแล้ว แถมร่างของพวกเขายังคงถูกดูดอย่างรวดเร็วลงไปด้านล่างอย่างเห็นได้ชัดเจน

กู่ยี่เทียนเองก็เริ่มร้อนใจเช่นกัน แต่ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ เขาก็ยิ่งต้องสงบสติให้มากที่สุด เมื่อสูดหายใจเข้าลึกแล้ว เขาก็ตบหลังของเสี่ยวหลินตังเบาๆ พยายามที่จะปลอบประโลมความรู้สึกของเธอ

“ไม่เป็นไรนะ เสี่ยวหลินตังใจเย็นๆ ก่อนนะ ตอนนี้พวกเรายังจมไม่ลึกมาก ใจเย็นๆ ก่อน พวกเราต้องออกไปได้แน่”

ในขณะที่กู่ยี่เทียนพยายามเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น เสี่ยวหลินตัง ก็ได้สติกลับคืนมา จึงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกแล้วทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“เสี่ยวหลินตัง เธอลองพยายามค่อยๆ ออกแรงดันตัวเองขึ้นมาจากโคลนดู”

เมื่อเห็นนางตั้งสติได้ กู่ยี่เทียนก็โล่งอกแล้วเริ่มสอนวิธีดึงร่างออกมาให้เสี่ยวหลินตัง

พลังของเสี่ยวหลินตังนับว่าไม่เลวนัก แต่เมื่อเทียบกับกำลังภายในของตนที่เพิ่งเริ่มฝึกแล้วถือว่ายังแข็งแกร่งกว่าไม่มากนัก

หากเป็นนาง คงจะออกแรงดึงร่างออกมาจากโคลนตมนี้ได้แน่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท