ถ้าคราวนี้กู่ยี่เทียนสามารถอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจได้ จะถือเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขา
แม้ว่าเขาจะไม่เหมือนเสี่ยวหลินตัง ที่เสียใจเพราะเรื่องของกู่ยี่เทียน แต่เขาก็ไม่อยากให้ในสายตาของคนที่ตัวเองชอบมีแต่คนอื่น
สุดท้าย อูหลิง ก็เลือกที่จะเงียบและเห็นแก่ตัวสักครั้งหนึ่ง
“พี่กู่ยี่เทียนจะพูดอะไรกับฉันหรือ” เสี่ยวหลินตัง มองหน้ากู่ยี่เทียนที่พยายามหลบเลี่ยงคนอื่นออกมาแล้วถามอย่างประหม่า
อันที่จริงเรื่องของเผ่ากู่คราวนี้ เสี่ยวหลินตังเป็นคนขออนุญาตพ่อของตนมาที่นี่เอง เพื่อจะได้มาพบหน้าพี่กู่ยี่เทียนที่ตนเฝ้าคิดถึง และวางแผนว่าจะใช้โอกาสนี้ในการสารภาพความในใจต่อกู่ยี่เทียนด้วย
เมื่อเห็นกู่ยี่เทียนทำท่าอ้ำอึ้งเช่นนี้ เสี่ยวหลินตังก็เริ่มจินตนาการขึ้นมาเองว่า เขาต้องการที่จะสารภาพรักกับตนเช่นกันถึงได้ปลีกตัวออกมาคนเดียวเพื่อจะคุยกันตามลำพัง
เมื่อนึกถึงโอกาสที่น่าจะเป็นไปได้ ใบหน้าของเสี่ยวหลินตัง ก็แดงระเรื่อ ดวงตาของเธอวิบไหวไม่กล้าสบตากับกู่ยี่เทียน
กู่ยี่เทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากว่า
“เอ่อ เสี่ยวหลินตัง คือเธอ……”
“พี่กู่ยี่เทียนมองออกด้วยหรือ ฉันก็นึกว่าฉันเก็บอาการได้ดีแล้วเชียว” ไม่ทันรอให้เขากล่าวจบ เสี่ยวหลินตังก็เอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นพี่กู่ยี่เทียน ฉันก็ชอบพี่ทันที ฉันรู้ดีว่าเราทั้งสองคนอายุแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ฉันไม่ถือ ฉันคิดว่าเราสองคนเพียงชอบพอกันก็เพียงพอแล้ว”
เดิมทีกู่ยี่เทียนคิดจะค่อยๆ เริ่มต้นอธิบายเรื่องนี้ ใครเลยจะคิดว่าเสี่ยวหลินตัง จะไม่ทันรอให้ตนพูดจบแล้วสารภาพออกมาดื้อๆ
นี่เองทำให้กู่ยี่เทียนที่เตรียมคำพูดมามากมายลืมคำพูดไปหมดสิ้น เขาอ้าปากค้างอยู่นาน แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
“ฉัน ฉันรู้ดีว่าสตรีควรสงวนท่าทีบ้าง แต่ฉันชอบพี่กู่ยี่เทียนมาก ได้โปรดคบหากับฉันเถอะ”
เสี่ยวหลินตังหูแดงก่ำ แม้ว่าเธอจะอายจนแทบจะเอาหัวหมุดดินราวนกกระจอกเทศ แต่เธอก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจ
ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ต้องกล่าวความในใจออกไปให้หมด
กู่ยี่เทียนยังไม่ตกผลึกเรื่องที่เสี่ยวหลินตัง สารภาพรักกับตน การขอคบกันครั้งนี้ทำให้เขานิ่งงัน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าดรุณีน้อยอย่างเสี่ยวหลินตังจะพูดจาตรงไปตรงมาอย่างนี้ เหตุน่าจะมาจากช่วงวัยที่ต่างกันกระมัง
“คือว่า…… เสี่ยวหลินตัง พี่รู้สึกว่าเรื่องความชอบ เธอควรจะคิดทบทวนดูให้มากๆ เธอพบพี่ตอนยังเด็ก โดยแท้จริงแล้วเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือความรัก พี่คิดว่าเธอคงเอาความใส่ใจของพี่มองเป็นความรักไป เธอคิดไปเองว่าเธอรักพี่ แต่อันที่จริงแล้วอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น”
หลังจากชะงักงัน กู่ยี่เทียนต้องใช้พลังมากมายในการรวบรวมคำพูด เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นชัดเจนเพียงพอ แต่เสี่ยวหลินตัง ก็ยังไม่เข้าใจในความหมายของเขา
“ฉันครุ่นคิดอย่างดีแล้ว พี่กู่ยี่เทียน ฉันชอบพี่จริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะการดูแลอย่างพี่ชาย ครั้งนี้ที่ฉันขอเป็นตัวแทนของพ่อมาทำหน้าที่สืบข่าว ก็เพียงเพื่อที่จะได้พบพี่”
เสี่ยวหลินตังส่ายหน้าเบาๆ แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น นอกจากเธอจะไม่เข้าใจนัยปฏิเสธในคำพูดของกู่ยี่เทียนแล้ว เธอยังเข้าใจผิดไปอีกว่ากู่ยี่เทียนเป็นห่วงที่เธอสารภาพรักออกมาด้วยความใจร้อน
เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นท่าทางจริงจังของเสี่ยวหลินตัง เขาพลันรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง เขาอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่เป็นนานก่อนจะกัดฟันเอ่ยปากออกมา
“เสี่ยวหลินตัง ตลอดมาพี่เห็นเธอเป็นน้องสาว ไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างอื่น ดังนั้นพี่ต้องขอโทษเธอด้วยที่พี่ทำร้ายน้ำใจในความรู้สึกของเธอ”
เสี่ยวหลินตังที่เดิมมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของกู่ยี่เทียน รอยยิ้มที่มีพลันมลายหาย ดวงหน้าน้อยๆ ของเธอซีดเผือดลง แววตาเต็มไปด้วยความว้าวุ่น
“ไม่ ไม่ใช่แน่ๆ พี่กู่ยี่เทียนต้องกำลังหลอกฉันเล่นแน่ๆ ถ้าพี่ไม่ชอบฉันแล้วทำไมเวลาเจอกันทุกครั้ง พี่ถึงคอยเอาใจฉันตลอด พี่รักฉันใช่ไหม ในใจของพี่ต้องมีฉันแน่ๆ แค่พี่ไม่ยอมรับเท่านั้น”
ความรู้สึกของเสี่ยวหลินตัง แตกสลาย เธอส่ายหน้าพลางก้าวถอยหลัง ตอนนี้ลมปราณที่แท้จริงของร่างกายเธอกำลังปั่นป่วน จึงไม่อาจลอยอยู่เหนือผิวบึงน้ำได้
“ระวัง!” กู่ยี่เทียนเห็นเสี่ยวหลินตังก้าวเท้าถอยหลังลงไปในบึง จึงกล่าวเตือนแล้วเอื้อมมือออกไปสุดปลายนิ้ว
“อ๊าก!” เมื่อ เสี่ยวหลินตัง ตกลงไปในบ่อก็ยิ่งสติเตลิด มือของเธอคว้าสะเปะสะปะ พยายามก้าวออกไปยังบริเวณที่ปลอดภัย
แต่ยิ่งเธอพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่ ร่างกายของเธอก็ยิ่งจมลึก ทำเอาลากกู่ยี่เทียนที่อยู่ด้านข้างตกลงไปด้วย ไม่นานนักขาของคนทั้งสองก็จมมิดลงไปในโคลนสีดำ
“เสี่ยวหลินตัง!”
“กู่ยี่เทียน!”
หลี่ฝางกับพวกที่เดินอยู่ด้านหน้าเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบหันกลับมาหวังจะช่วยเหลือ แต่เมื่อก้าวออกมาได้เพียงครึ่งทาง กู่ยี่เทียนก็ตวาดเตือน
“หยุดเดี๋ยวนี้! อย่าเข้ามา!” เมื่อกู่ยี่เทียนตวาดประโยคนี้ออกไป พื้นโคลนเบื้องหน้าหลี่ฝางและพวกก็เริ่มส่งเสียงแยก
เมื่อเห็นพื้นโคลนบุ๋มลงไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางกับพวกก็รีบก้าวถอยหลัง ถ้ากู่ยี่เทียนไม่เตือนออกมาทันเวลาพอดี พวกเขาทั้งหมดคงตกลงไปในบึงน้ำนั่นด้วยแล้ว
“ฮือออ…… พี่กู่ยี่เทียน ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ……” เมื่อเสี่ยวหลินตังเริ่มควบคุมอารมณ์ได้บ้างก็เกาะแขนขอโทษขอโพยกู่ยี่เทียน ตัวของเธอโงนเงนด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้โคลนดูดพวกเขาลงไปถึงต้นขาแล้ว แถมร่างของพวกเขายังคงถูกดูดอย่างรวดเร็วลงไปด้านล่างอย่างเห็นได้ชัดเจน
กู่ยี่เทียนเองก็เริ่มร้อนใจเช่นกัน แต่ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ เขาก็ยิ่งต้องสงบสติให้มากที่สุด เมื่อสูดหายใจเข้าลึกแล้ว เขาก็ตบหลังของเสี่ยวหลินตังเบาๆ พยายามที่จะปลอบประโลมความรู้สึกของเธอ
“ไม่เป็นไรนะ เสี่ยวหลินตังใจเย็นๆ ก่อนนะ ตอนนี้พวกเรายังจมไม่ลึกมาก ใจเย็นๆ ก่อน พวกเราต้องออกไปได้แน่”
ในขณะที่กู่ยี่เทียนพยายามเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น เสี่ยวหลินตัง ก็ได้สติกลับคืนมา จึงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกแล้วทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“เสี่ยวหลินตัง เธอลองพยายามค่อยๆ ออกแรงดันตัวเองขึ้นมาจากโคลนดู”
เมื่อเห็นนางตั้งสติได้ กู่ยี่เทียนก็โล่งอกแล้วเริ่มสอนวิธีดึงร่างออกมาให้เสี่ยวหลินตัง
พลังของเสี่ยวหลินตังนับว่าไม่เลวนัก แต่เมื่อเทียบกับกำลังภายในของตนที่เพิ่งเริ่มฝึกแล้วถือว่ายังแข็งแกร่งกว่าไม่มากนัก
หากเป็นนาง คงจะออกแรงดึงร่างออกมาจากโคลนตมนี้ได้แน่