NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1314 ถูกล้อม

บทที่ 1314 ถูกล้อม

เมื่อเห็นว่าตนโดนล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้าน อูหลิงก็รู้สึกประหม่าจึงเช็ดมือของตนที่เต็มไปด้วยเลือดคางคก จากนั้นจึงกระโดดลงมาจากบนตัวคางคก

“อื้ม…… อาหม่ามาที่นี่ได้อย่างไร” อูหลิงกระแอมคออย่างกระดากกระเดื่อง สายตาว่อกแว่ก

จากน้ำเสียงการพูดและท่าทีของเขา พวกเขาคงจะเป็นคนจากเผ่ากู่อย่างไม่ต้องสงสัย

“ท่านเป็นคนฆ่าคางคกหนาวปินซินรึ” สตรีวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าอาหม่า กลับไม่ยอมตอบคำถามของอูหลิง แต่กลับมองไปที่คางคกด้านหลังแล้วถามด้วยสีหน้าหมองคล้ำ

อูหลิงหันไปมองคางคกที่ถูกตนชำแหละออกเป็นส่วนๆ แล้วเอ่ยตอบอย่างอ้ำอึ้งว่า “ถือว่าฉันเป็นคนลงมือก็ได้”

“เลอะเลือนจริงๆ” อาหม่าได้ยินคำตอบของอูหลิง ก็หยิบแส้ยาวออกมาแล้วฟาดมาที่ศีรษะของเขา

ทว่าอูหลิงกลับทำตัวราวกับเป็นท่อนซุง ยืนนิ่งไม่ยอมเบี่ยงหลบ เมื่อหลี่ฝางที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเข้าก็ทนไม่ไหว ยื่นมือออกไปรับแส้ยาวจากมือของอาหม่าเอาไว้

“ผมเป็นคนฆ่าคางคกตัวนี้เอง ไม่ใช่เขา”

อูหลิงแอบพาพวกตนเข้ามาในเผ่ากู่ได้ก็นับว่าเป็นการสร้างความลำบากให้เขามากพอแล้ว หลี่ฝางไม่อยากติดค้างอะไรกับเขาเพิ่มเติมอีก

“ไร้สาระ! จับตัวพวกคนต่างถิ่นพวกนี้ไว้ให้หมด!” เมื่ออาหม่าได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง แววตาของนางก็ปรากฏความเคียดแค้น จึงโบกมือส่งสัญญาณให้ชาวเผ่ากู่กว่าร้อยคนด้านหลังจับตัวพวกหลี่ฝางเอาไว้

เมื่ออูหลิงเห็นดังนั้นก็รีบก้าวออกมาอธิบายว่า “อาหม่า นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน พวกแกห้ามทำอะไรพวกเขา”

เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของอาหม่าก็ยิ่งดูไม่ได้ นางจ้องไปที่อูหลิงด้วยหน้าตาบึ้งตึง “คุณชายน้อยอูหลิง ท่านไปเอาคนนอกเผ่ามาจับเซ็นสัญญาแต่งงานก็ว่าแย่แล้ว ยังไปคบคนพวกนี้เป็นเพื่อนอีก หากท่านหัวหน้าเผ่ารู้เข้า จะต้องต่อว่าท่านอย่างรุนแรงแน่!”

เมื่อได้ยินอาหม่าเอาหัวหน้าเผ่าของตนมาอ้าง สีหน้าของอูหลิงก็เริ่มหมองคล้ำลง เขาเดินไปขวางหน้าพวกหลี่ฝางเอาไว้เพื่อเอาร่างกายของตนเป็นกำบังจากคนเผ่ากู่ที่จ้องจะโจมตี

“ถ้าพวกแกกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่นิดเดียว ถือว่าไม่เห็นคุณชายน้อยอย่างฉันอยู่ในสายตา! เอาล่ะทีนี้ใครหน้าไหนยังกล้าเข้ามาอีก”

เมื่อคนเผ่ากู่ได้ยินคำพูดของอูหลิง ต่างพากันลังเล “อาหม่า จะทำอย่างไรดี”

คิดไม่ถึงว่าอูหลิงจะปกป้องคนนอกเผ่ามากขนาดนี้ สีหน้าของอาหม่าจึงทั้งซีดทั้งหมอง

“คุณชายน้อยอูหลิง อาหม่า ท่านมหาเซียนให้ข้ามาส่งสาส์น ให้พวกท่านนำตัวผู้ที่ฆ่าคางคกหนาวปินซินไปยังถ้ำเซียน”

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมลดละแก่กันอยู่นั้น ชายหนุ่มผู้แต่งตัวด้วยชุดพรตสีขาวแบบลูกศิษย์ของเซียนในสมัยก่อนได้ลอยตัวมาหยุดอยู่ไม่ไกลนัก แล้วมองพวกหลี่ฝางจากทางด้านบน พลางกล่าวด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์

“ท่านมหาเซียนอยากพบคนนอกเผ่ารึ ด้วยสาเหตุใด?”

“ไม่รู้ คนนอกเผ่าพวกนี้ฆ่าคางคกหนาวปินซิน ถือว่ามีความผิดมหันต์!”

“ไป๋เห้อ ท่านมหาเซียนทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เหตุใดต้องปกป้องคนนอกเผ่าพวกนี้ด้วย”

เมื่อได้ยินชายชุดขาวกล่าวแบบนี้ คนเผ่ากู่ต่างพากันไม่พอใจ แล้วพากันตั้งคำถามสารพัด ขณะอยู่ท่ามกลางความข้องใจของทุกคนเช่นนี้ สีหน้าของไป๋เห้อก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน

“ท่านมหาเซียนทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของท่าน พวกแกอย่ามัวแต่เดาส่งเดชกันอยู่เลย”

เมื่อกล่าวจบ ไป๋เห้อก็หันหน้ามามองพวกหลี่ฝาง “ไปกันเถอะ ผู้มาเยือน”

แม้ไม่รู้ว่ามหาเซียนคนนี้มีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่ แต่ถึงอย่างไรหลี่ฝางก็อยากมาพบเขาอยู่แล้ว ไปพร้อมกับเขาเลยก็ดีเช่นกัน

“คุณชายน้อยอูหลิง แม่นางน้อยและผู้มาเยือนอีกสองคนให้รออยู่ที่นี่”

พวกหลี่ฝางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไป๋เห้อกลับชี้ไปที่ผู้ที่มาด้วยกันอย่างอูหลิง เสี่ยวหลินตัง และสองพี่น้องไขจี๋เออ

“อะไรนะ ทำไมถึงไม่ให้พวกเราไปด้วย เขาเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา เขาไปที่ไหน พวกเราก็ต้องไปที่นั่น แกอย่าได้คิดจะแยกพวกเราออกจากกัน!”

เมื่อสองพี่น้องไขจี๋เออ ได้ยินว่า ไป๋เห้อไม่ให้พวกตนติดตามหลี่ฝางไปก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็จะต้องขึ้นไปพบมหาเซียนกับหลี่ฝาง

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา สีหน้าของไป๋เห้อก็ปรากฏความดูแคลนขึ้นมา แต่ก็เป็นเพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น ไม่นานก็กลับคืนสู่สีหน้าปกติ

“ท่านมหาเซียนอาศัยอยู่บนเขาเซียนสูงกว่าพันเมตร ถ้าจะขึ้นไปต้องใช้พลังปราณลอยตัวขึ้นไป พวกนายสองคนมีพลังปราณแบบนั้นด้วยหรือ”

ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการไปพบมหาเซียนจะต้องมีคุณสมบัติเช่นนี้ ตอนนั้นไขจี๋เออกับไขบู๊เกอจึงไร้คำพูด

พวกเขาจ้องเขม็งไปที่ไป๋เห้อ ด้วยอาการอยากจะต่อว่าแต่ก็ไม่กล้า เห็นได้ชัดว่าไป๋เห้อผู้นี้อายุน้อยกว่าพวกเขา แต่มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกตน

นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าและดูถูกพวกเขาสองพี่น้องหรอกหรือ

“ฉันไม่สบายใจที่จะทิ้งพวกเขาอยู่ด้านล่าง ฉันอยากแน่ใจในความปลอดภัยของพวกเขา” หลี่ฝางหันไปมองคนเผ่ากู่ที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น แล้วครุ่นคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจว่าจะพาพวกไขจี๋เออขึ้นไปพบมหาเซียนด้วยกัน

เขาเป็นคนพาคนพวกนี้มา ทั้งพวกเขายังเป็นศิษย์น้องของตน ตนจึงต้องปกป้องพวกเขาให้ถึงที่สุดถึงจะถูก

คำพูดของหลี่ฝางทำให้ไป๋เห้อ เลิกคิ้วขึ้น แววตาของเขาปรากฏความหมายที่ไม่อาจคาดเดาได้

“วางใจได้ ขอเพียงท่านมหาเซียนยังไม่ได้ออกคำสั่ง ทั้งสองคนนี้จะยังปลอดภัย ใกล้ถึงเวลาแล้ว ถ้ายังไม่รีบไปอีก ท่านมหาเซียนอาจจะโมโหได้ ถ้าท่านมหาเซียนโกรธขึ้นมา พวกนายอย่าได้หวังจะมีชีวิตรอด”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็เริ่มหมองคล้ำ ดูท่าแล้วมหาเซียนผู้นี้จะต้องมีฐานะสูงศักดิ์ในเผ่ากู่แห่งนี้อย่างแน่นอน และอาจมีอำนาจสั่งการมากกว่าหัวหน้าเผ่าเสียอีก

อีกอย่างพลังของไป๋เห้ออยู่ในขั้นครึ่งเทพ เขาคือผู้ได้เปรียบที่ถูกวางตัวไว้ให้ทำเรื่องตุกติกที่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก การมีผู้ยอมถ่อมตนลงมาเป็นลูกศิษย์ที่คอยส่งสาส์นให้มหาเซียนเช่นนี้ ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามหาเซียนผู้นี้จะต้องมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด

หลี่ฝางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ไขจี๋เออ ไขบู๊เกอพวกนายทั้งสองอยู่ที่นี่เถิด ฉันไปเดี๋ยวก็กลับมา”

สองพี่น้องไขจี๋เออที่รู้ตัวว่าตนมีพลังแข็งแกร่งไม่พอ จึงไม่อยากเป็นตัวถ่วงของหลี่ฝาง จึงพยักหน้าก่อนจะตามคนเผ่ากู่ออกไป

“ไปกันเถิด เขาเซียนอยู่ที่ใด” เมื่อคนเผ่ากู่เดินไปไกลแล้ว หลี่ฝางจึงหันมาถามไป๋เห้อ

“ตามฉันมา” ไป๋เห้อมองหลี่ฝางอยู่เป็นนาน ก่อนจะเดินนำทางไป แม้ว่าหลี่ฝางจะไม่เข้าใจความหมายในสายตาของเขา แต่ก็จำต้องยอมเดินตามไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท